เมืองไทย 360 องศา
ปฏิเสธความจริงไม่ได้ ว่า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ถือว่าเป็นกฎหมายการเงินที่มีความสำคัญสำหรับทุกองค์กร โดยเฉพาะรัฐบาลและผู้นำรัฐบาล คือ นายกรัฐมนตรี เพราะหากไม่ผ่านสภา หรือถูกคว่ำตั้งแต่วาระแรก ก็จะทำให้นายกรัฐมนตรีมีทางเลือกสองทาง คือ ไม่ยุบสภา ก็ต้องลาออก ซึ่งเชื่อว่าทุกคนก็รับรู้กันทั่วไปอยู่แล้ว แต่ที่เน้นย้ำกันก็ต้องการให้เห็นว่ามันสำคัญและตึงเครียดแค่ไหน โดยเฉพาะในช่วงที่ฝ่ายรัฐบาลเริ่มมีเสียงปริ่มน้ำ และมีปัญหาในเรื่องเสียงสนับสนุนว่าจะเป็นเอกภาพมากน้อยแค่ไหน
เมื่อรับรู้ถึงความสำคัญดังกล่าวแล้ว ก็ทำให้ได้เห็นท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ในช่วงสองสามวันมานี้ ได้ “ออกแอกชัน” มากเป็นพิเศษ มีการเน้นย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ให้ไปกำชับลูกพรรคให้ช่วยกันสนับสนุนให้ร่างงบประมาณรายจ่ายฯ ผ่านสภาไปให้ได้ หากสังเกตจะเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำหลายครั้ง โดยเฉพาะกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล
ที่ผ่านมา มีรายงานความเคลื่อนไหวที่ออกมาตรงกันว่า ในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุด เมื่อวันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เขาก็ได้เน้นย้ำในที่ประชุมมากเป็นพิเศษ โดยกำชับให้ ส.ส.และรัฐมนตรีต้องอยู่ในห้องประชุมตลอดเวลา เนื่องจากเกรงว่าฝ่ายค้านจะฉวยโอกาสนับองค์ประชุม รวมถึงยังกำชับไปถึงช่วงที่ต้องออกไปให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีของลาว ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยในวันที่ 1 มิถุนายน ก็ยังให้หัวหน้าพรรคร่วมฯ และอยู่ในห้องประชุมให้ครบองค์ประชุมอีกด้วย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวแสดงความมั่นใจการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ว่า ไม่มีปัญหา เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ให้ความมั่นใจในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ก็มีการพูดคุยกันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว ว่า จะไปรับผิดชอบดูแลสมาชิกในพรรค ให้สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 66 ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ การผ่าน ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ทั้งนี้ สปิริตพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องมี ส่วนเรื่องพรรคเล็กเป็นหน้าที่ของ พล.อ.ประวิตร จะไปพูดคุยให้รู้เรื่อง ซึ่งในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ให้ความมั่นใจในที่ประชุม ครม.
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการประชุมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค ได้กำชับให้ ส.ส.เข้าทำหน้าที่อย่างพร้อมเพรียง และให้ สแตนด์บายอยู่บริเวณรอบๆ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ตลอดทั้ง 3 วัน
ขณะเดียวกัน หากมีการอภิปราย หรือพูดอะไรที่เกินกรอบ ก็ขอให้ทุกคนช่วยกันตอบโต้ เพื่อให้อยู่ในประเด็น โดยจะอยู่ฟังงบประมาณด้วยตลอด และ ส.ส.สามารถเข้าพบได้ ตลอดเวลา หากต้องการจะปรึกษาในเรื่องของข้อมูลการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 66 อย่างไรก็ตาม ขอให้ความมั่นใจว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 66 ผ่านสภาแน่นอน อย่าได้กังวลอะไร
ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ล่าสุด มีผู้อภิปราย จำนวน 15 คน อาทิ นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.ยะลา ร.ต.อ อรุณ สวัสดี ส.ส.สงขลา เป็นต้น
มีรายงานอีกว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวย้ำว่า การอภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ มีเวลา 3 วัน โดยวันพุธที่ 1 มิ.ย. เวลาประมาณ 17.00 น. ขอให้ทุกพรรคกำชับส.ส.ให้อยู่ในสภา อย่าขาด เพราะนายกฯ มีภารกิจต้อนรับนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ดังนั้น ช่วงเวลาดังกล่าวอาจจะ “เกิดอุบัติเหตุ” โดยฝ่ายค้านอาจชิงนับองค์ประชุมขึ้นได้
ถึงตรงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวขึ้นว่า ขอความร่วมมือด้วยนะ ทำให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวยืนยันว่า “ขอให้มั่นใจว่าเราต้องอยู่ มั่นใจครับว่า งบต้องผ่าน ครม.ต้องอยู่ต่อไป ผมมั่นใจว่า เราเป็น ครม.ต่อไป จนถึงอภิปรายไม่ไว้วางใจ และจะผ่านไปได้ และเป้าหมายคือทำงานหลักให้ประเทศ จนครบอายุรัฐบาล”
เมื่อ พล.อ.ประวิตร กล่าวจบ ทั้งห้องประชุมต่างปรบมือเสียงดังลั่น และ พล.อ.ประยุทธ์ จึงได้กล่าวว่า “สมพรปากก็แล้วกัน”
แม้ว่า เป็นเพียงรายงานข่าว ไม่ใช่คำพูดโดยตรง แต่เมื่อพิจารณาจากท่าที และคำพูดของระดับแกนนำก่อนหน้านั้น ก็ถือว่าตรงกัน และสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียด และความตื่นตัวของฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากเป็นพิเศษ เนื่องจากรับรู้ว่าในสมัยประชุมนี้ ซึ่งเป็นสมัยประชุมสุดท้าย จะต้องเจอกับการถล่มจากฝ่ายค้านหนักหน่วงเป็นพิเศษ และเนื่องจากมีกฎหมายสำคัญที่ต้องพิจารณาในเวลาไล่เลี่ยกันหลายฉบับต่อเนื่องไปจนถึงญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ที่รออยู่ข้างหน้าที่ถือว่าคราวนี้ “หนักเอาการ”
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีความเสี่ยง แต่หากประเมินจากท่าทีและความเคลื่อนไหวของบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคหลักๆ ทั้งภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ยังมีท่าทีชัดเจนว่า ยังสนับสนุนรัฐบาลต่อไป โดยเฉพาะหากพิจารณาจากท่าทีของ นายอนุทิน ชาญวีรกูร หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ยังเคยระบุถึงตัวเลข ส.ส.ที่มีอยู่ในมือ และเมื่อรวมเสียงแล้วเคยย้ำว่ามีรวมกันไม่ต่ำกว่า 260 เสียง ทั้งที่มี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่หักเสียงของพรรคเศรษฐกิจไทยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกไปแล้ว จะเหลือราว 247 เสียงก็ตาม ดังนั้น ตัวเลข 260 เสียงที่ว่านั้นก็ต้องเป็น “งูเห่า” ที่ฝากเลี้ยงเอาไว้ในพรรคฝ่ายค้านแน่นอน ซึ่งหากสังเกตให้ดีก็จะเห็นว่าที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทย ก็มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จากหลายจังหวัด และหลายคนก็ยังสังกัดอยู่ในพรรคอื่นหลายคน แบบนี้หรือเปล่าที่ทำให้มั่นใจในเสียงสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล
ดังนั้น แม้ว่าการพิจารณาร่างงบประมาณฯ ในครั้งนี้ จะมีความเสี่ยง แต่เมื่อประเมินทุกทางแล้วก็พอมั่นใจได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาล น่าจะผ่านไปได้ไม่ยาก เพราะพรรคร่วมรัฐบาลคงไม่อยากแตกแถวให้พังไปก่อนแน่นอน แต่อย่างใดก็ตาม การโหวตในร่างงบประมาณฯ ก็จะเป็นบททดสอบสำคัญเพื่อชี้อนาคตในศึกใหญ่ข้างหน้าอีกศึกหนึ่งที่จ่อเข้ามา ก็คือ “ศึกซักฟอก” แต่หากผ่านด่านแรกไปได้ ด่านต่อไปก็น่าจะโอเค !!