ข่าวปนคน คนปนข่าว
** เกมลับ “คดีปริญญ์” งัดวิชามาร “จ่ายแลกจบ” ใช้ “บิ๊กตำรวจ” ล็อบบี้เหยื่องานนี้ยิ่งพิสูจน์ธาตุแท้สันดานคน!
คดี “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกกล่าวหาลวนลาม-ขืนใจหญิง มีผู้เสียหายจำนวนมาก เป็นคดีใหญ่ที่สังคมให้ความสนใจติดตามใกล้ชิด
มาถึงวานนี้ (17เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี นำตัว “ปริญญ์” ผู้ต้องหาคดีข่มขืนกระทำชำเรา 1 คดี และกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล 2 คดี รวม 3 คดี ส่งฝากขังผัดแรก ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ก่อนที่เจ้าตัวจะยื่นขอประกันตัวในเวลาต่อมา
ฟังว่า จาก 3 คดี จะมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นไปอีกหลายคดีแน่นอน โดย “ษิทรา เบี้ยบังเกิด” หรือ “ทนายตั้ม” เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เปิดเผยว่า ในวันนี้ (18 เม.ย.) เวลาประมาณ 16.00 น. จะพาผู้เสียหายอีก 6 คน เข้าแจ้งความเพิ่มเติม ที่ สน.ลุมพินี โดยมีทั้งผู้เสียหายที่ถูกลวนลาม และถูกข่มขืน ซึ่งเหตุเกิดในพื้นที่ สน.ลุมพินี ทั้งหมด
เรียกว่า งานนี้ “ปริญญ์” เหนื่อยหนักแน่! และคนที่คอยช่วยเหลือผู้ต้องหารายนี้ก็รู้ตัวกันดีว่า งานนี้ไม่หมูเหมือนที่ผ่านมา นั่นจึงมีข่าวแพร่สะพัดตลอดวันว่า เริ่มมีกระบวนการใช้อำนาจเงินหลักล้าน กับเหยื่อบางรายกันแล้ว
เรื่องนี้ “ทนายตั้ม” โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ษิทรา เบี้ยบังเกิด เปิดออกมาว่า ตอนนี้คดีรองหัวหน้าพรรคหื่น กำลังมีความพยายามเสนอเงินจำนวนมากให้เหยื่อเพื่อจบคดี และให้อยู่อย่างเงียบๆ ห้ามให้สัมภาษณ์ ห้ามให้ความร่วมมือกับผม เพื่อให้กระแสสังคมเลิกสนใจคดีนี้ไปให้ไวที่สุด โดยทิ้งแฮชแท็กเอาไว้ให้คิด #ใครพร้อมสู้ต่อก็เดินไปด้วยกัน # ใครอ่อนแอก็แพ้ไป
สืบทราบมาเบื้องหลังเรื่องนี้ได้ความว่าไม่ธรรมดา ใครบางคนเดินเกมลับด้วยวิชามาร “จ่ายแลกจบ” นี้ ถูกนำมาใช้กับเหยื่อวัย 18 ปีผู้หนึ่ง เริ่มที่ “ตำรวจ” ยศพันตำรวจเอก ซึ่งเด็กเรียกว่า “ลุง” อ้างว่าเป็นตัวแทนจาก “ผู้ใหญ่” ใน ปชป. พูดจาหว่านล้อมให้เหยื่อยอมถอนตัวจากคดี โดยจะจ่ายเงินให้ก้อนใหญ่ ซึ่งแม่ของเหยื่อเดิมทีจะต้องเดินทางมากับ “ทนายตั้ม” เพื่อยื่นคัดค้านประกันตัวผู้ต้องหาก็เปลี่ยนท่าทีไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ยอมเดินทางร่วมคณะผู้เสียหายรายอื่นๆ บอกเพียงว่า “เรื่องมันผ่านไปแล้ว” ไม่ติดใจเอาความ ซึ่งเข้าใจได้ว่า เกมนี้ได้ผล
ว่าตามหลักเรื่องนี้เป็นช่องทางกฎหมาย! ใครบางคนมองออกจึงใช้ช่องนี้เดินเกมลับ “จ่ายแลกจบ” ก็เพราะเห็นอยู่แล้วว่า คดีประเภทนี้เคลียร์กันลับหลังกันได้
ขณะที่การต่อสู้ทางกฎหมาย ใครบางคนก็แอบหวังว่า คดีลวนลาม อนาจาร นั้นอายุความไม่มาก ผู้เสียหายต่างๆ เหตุเกิดมานานแล้ว 5 ปี 10 ปี หรือ 3-4 ปี ที่ทำในที่ลับทั้งหลายขาดอายุความหมดแล้ว เริ่มมีกระบวนการปล่อยสื่อขู่เหยื่อออกมาเหมือนกันว่า ถ้าผู้เสียหายมาแจ้งความ หรือให้สัมภาษณ์สื่อ ถ้าผู้ต้องหาเอาเรื่องขึ้นมา ก็อาจโดนข้อหาแจ้งความเท็จ หรือหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
เรียกว่า เดินกันทั้งทางลับและที่แจ้งให้เอื้อประโยชน์กับผู้ต้องหาขาใหญ่รายนี้เต็มที่
..แต่คนคำนวณบางทีก็ไม่สู้ฟ้าลิขิต ฟังว่า งานนี้ ตำรวจเอาจริง! ไม่เหมือนคดีอื่นๆ ที่มักทำงานค้านสายตาสังคม เห็นได้จากตั้งแต่เริ่มต้นจนเมื่อวาน ที่ตำรวจค้านประกันตัวด้วยเหตุผลเกรงผู้ต้องหาจะไปวุ่นวายยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นี่ข้อที่หนึ่ง
ข้อที่สอง ที่ว่าผู้เสียหายรายหลายคดีหมดอายุความ ซึ่งก็อาจจะจริง แต่ตำรวจได้กันผู้เสียหายเหล่านี้ไว้เป็นพยาน และผู้เสียหายหลายคนก็พร้อมสมัครใจจะเป็นพยานเอาผิดผู้ต้องหาให้ได้เสียด้วย
เพราะฉะนั้น ใครที่หวังจะพลิกคดี “ปริญญ์” บอกเลยว่าไม่ง่ายแน่!
มิหนำซ้ำ แว่วว่า “พล.ต.ท.สำราญ นวลมา” ผบช.น. เอาจริงกับคดีนี้มาก ถึงขนาดปิดสายโทร.เข้าจากผู้ใหญ่ ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองที่พยายามโทร.เข้าหา หวังวิ่งเต้นช่วยเหลือคดี หน้าแหกหงายเงิบ กันไปหลายคน
เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของ “ศักดิ์ศรีมนุษย์” ที่ยอมกันไม่ได้ และสังคมให้ความสนใจ แม้จะมีวิชามารมาผจญแต่ผู้เสียหายก็ไม่หวั่น
ดังเช่น “แอนนา” นางหทัยรัตน์ วิทยพูม ธนากิจอำนวย ภรรยา “ไฮโซลูกนัท” ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หนึ่งในผู้เข้าแจ้งความดำเนินคดีอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมือง กรณีถูกล่วงละเมิดทางเพศ ก็ยืนยันจะสู้ถึงที่สุด
ถ้าตัดประเด็นเรื่องการเมืองออกไป การสู้ของ “แอนนา” และ ไฮโซลูกนัท ก็ต้องบอกว่า เป็นเรื่องน่าชื่นชม คือ สู้เพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เหนือกว่าเหตุผลเรื่องอื่นจริงๆ
เช่นเดียวกัน ก็ต้องชื่นชมเด็กอายุ 18 เหยื่อที่กล้าหาญออกมาแจ้งความคนแรก จนมีผู้เสียหายรายอื่นๆ กล้าที่จะออกมาจากมุมที่ทนทุกข์มานาน
คดีนี้ วันนี้สังคมแสดงความเห็นใจเหยื่อ และขอให้ตำรวจทำงานอย่างไม่เห็นแก่หน้าใคร แน่นอนว่า เพราะลุกลามขยายผลไปถึงการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ ระส่ำระสาย และแล้วก็มีชุดความคิด ความเชื่อที่ถูกปล่อยออกมาเบี่ยงเบนประเด็น ในทำนอง...ทำไมผู้เสียหายหลายคนเพิ่งมาโผล่เอาตอนนี้ ตอนที่กำลังจะมีเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.?
“ปริญญ์” คือ ตัวอย่างของนักการเมือง คนโปรไฟล์ดี มีฐานะ ทำไมต้องทำแบบนั้น?
“เสี่ยคึก” เทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ยังโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพราะมีขบวนการฉวยโอกาสจ้องทำลายพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก โดยไม่แยกแยะว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นพฤติกรรมส่วนตัว แต่ก็ยังมีความพยายามเชื่อมโยงมาถึงพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้ โดยความมีอคติต่อพรรคมากกว่าข้อเท็จจริง ยิ่งอยู่ในห้วงเวลาการรณรงค์หาเสียงของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก.ด้วย ก็จะมีทั้งพรรคคู่แข่งที่ต้องทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคประชาธิปัตย์ และมีผู้สมัครจำนวนหนึ่ง ที่ต้องการทำลายคะแนนนิยมพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหวังให้คะแนนของพรรคเทไปให้กับตัวเอง
“เทพไท” ยังย้ำว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวพรรค เหมือนกับคำกล่าวในเรื่องรามเกียรติ์ ที่ว่า “ถึงจะชั่วก็ชั่วแต่ตัวยักษ์ สุริยวงศ์พงศ์ศักดิ์หาชั่วไม่”
งานนี้ ชาวเน็ตไม่รอช้า ย้อนคำกล่าวประเด็นนี้ของพรรคเอาไว้หลายคน คือ “ปัดสวะ” ไม่สวย ประชาธิปัตย์ ไม่ส่งเสริมให้ใครทำผิด แต่ส่งเสริมให้คนทำผิดได้เป็นถึง “รองหัวหน้าพรรค” ทั้งที่รู้ประวัติ “ปริญญ์” มาก่อนแล้วหรือไม่ ว่าเคยมีคดีคล้ายคลึงนี้ที่ลอนดอน?
“ดีเอ็นเอ” ของคน ปชป.ยุคนี้ มักมองคนอื่นผิดเสมอ ไม่เคยมองตัวเองว่าผิด ชอบต่อสู้ด้วยกฎหมาย แต่ละเลยข้อเป็นจริง ต้องไม่ลืมว่า คดีนี้หาก “ปริญญ์” จะสู้ด้วยกฎหมาย คงต้องเจอผู้เสียหายที่จะสู้ด้วยความจริงอย่างแน่นอน
ถึงวันนั้น หมู่หรือจ่า ใครทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลกรรมที่ก่อ เป็นธรรมที่ต้องยุติ ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ต่อให้ห่มคลุมด้วย “วิญญูชน” แต่เปลือกลอกออกเมื่อไหร่ ก็ต้องเห็นถึง “ไส้ใน” เมื่อนั้น
สรุปนี่ต้องบอกว่า เรื่องของ “ปริญญ์” กับคดีใหญ่ที่สังคมเฝ้าจับตา จะเป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึง “ธาตุแท้” สันดานคนอย่างแท้จริง.!!
** รู้จัก “มิลลิ” โชว์ปัง-แร็ปเจ็บ “ประเทศดี ผู้คนดี อาหารก็ดี แต่รัฐบาลคือบูดอะ” ลุงจะปรี๊ดแตกอีกมั้ย?
ร้อนยิ่งกว่าอากาศตอนนี้ ก็ต้องยอมให้เธอคนนี้ “มิลลิ” น.ส.ดนุภา คณาธีรกุล แร็ปเปอร์สาว ที่ว่ากันว่า เป็นนักร้องชาวไทยคนแรกที่ได้โชว์บนเวทีเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่าง Coachella 2022
แฟนคลับและชาวเน็ตได้กรี๊ดกันสนั่นลั่นโซเชียล ถึงความปังปุริเย่ของ “มิลลิ” ในโชว์ความสามารถ จับอากัปกิริยาของเธอบนเวทีมาชื่นชมกันตั้งแต่เปิดโชว์มาบอกเลยว่า เผยความเป็นไทยให้ผู้ชมได้เห็น เริ่มตั้งแต่การไหว้ย่อ พูดว่าตัวเองเป็นคนไทย และแร็ปประโยคเด็ดอันแรก ที่ว่า “One thing, I didn't ride an elephant! พร้อมกับร่ายยาวว่าประเทศไทยมีอะไรบ้าง ทั้ง “เสาไฟกินรีต้นละแสน”, “รถไฟไทยสมัย ร.5” และประโยคปังๆ ปิดท้ายแร็ปเหล่านี้เป็นภาษาอังกฤษว่า “Country is good. People is good. Our food is good. But goverment is bood” หรือ ประเทศคือดี ผู้คนดี อาหารก็ดี แต่รัฐบาลคือบูด
นอกจากนี้ “มิลลิ” ยังร้องเพลง “สุดปัง” และ “Mirror Mirror” ไปจนช็อตกิน “ข้าวเหนียวมะม่วง” กลางเวทีระดับโลกอีกด้วย
งานนี้แฟนๆ ของ “มิลลิ” เชื่อว่า เธอทำให้ประเทศไทยกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอย่างแน่นอน
ถึงตรงนี้ทำให้หลายคนอยากรู้จัก “มิลลิ” มากขึ้น ถ้าจำกันได้ “มิลลิ” หรือ ดนุภา คณาธีรกุล นักร้องแร็ปเปอร์สาว วัย 20 ปี คือ คนเดียวกันกับนักร้องเมื่อปีที่แล้วที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในข้อหาดูหมิ่นด้วยการโฆษณา หลังจากแสดงความเห็นเกี่ยวกับการบริหารงานของรัฐบาลผ่านทวิตเตอร์ของตัวเอง
ข้อความดังกล่าวทำเอา “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ถึงกับปรี๊ดแตก มอบหมายทนายความแจ้งความกันเลยทีเดียว และ “มิลลิ” ถูกเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 2,000 บาท ในข้อหาดังกล่าว
เรียกว่า “มิลลิ” เป็นคู่ปรับ “ลุงตู่” มาแต่ไหนแต่ไรก่อนขี้นเวทีครั้งนี้ และจะว่าไปแล้ว ถ้ามองในแง่ความสามารถ ก็ต้องถือว่า “มิลลิ” เป็นเยาวชนไทยที่มีดีคนหนึ่ง ส่วนที่จะดรามาระหว่าง “ติ่งสามนิ้ว” ที่ถือโอกาสจับกระแสไปแซะ “สลิ่ม” นั่นก็เป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ นานาจิตตัง
“มิลลิ” หรือ “มินนี่” แร็ปเปอร์หญิงสาวเป็นที่รู้จักครั้งแรกจากการแข่งขันรายการ The Rapper ซีซั่น 2 ซึ่งตอนนั้นเธอเพิ่งจะอายุได้เพียง 16 ปี โดยเธอเริ่มร้องแร็ปมาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีผลงานเพลงที่เคยติดเทรนด์อันดับหนึ่งทางยูทูบ ในเพลงที่ชื่อว่า “พักก่อน”
จากนั้น “มิลลิ” ก็เป็นแร็ปเปอร์ ที่มีแฟนๆ ติดตามจำนวนมาก ซึ่งเธอมักไม่ทำให้แฟนคลับผิดหวัง นำเสนอผลงานที่ปังๆ อยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะการนำเสนอประเด็นทางสังคมผ่านมุมมองในวัยของเธอ ทั้งเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ หรือแม้แต่ประเด็นการทำงานของรัฐบาล ที่ก็อย่างที่รู้กันเหมือนครั้งนี้ เธอจัดแรง แต่ก็เรียกเสียงกรี๊ดของแฟนๆ ได้เสมอ ...แต่ลุงฟังแล้วจะปรี๊ดแตกอีกมั้ย? ก็โปรดติดตามกันต่อไป