xs
xsm
sm
md
lg

ลากไส้รอง หน.พรรคหื่น คุกคามทางเพศเยาวชน ผงะเหยื่อโผล่เกือบสิบคน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทนายตั้มเผยอีก มีผู้เสียหายอีกเกือบสิบคนแฉรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ไม่ใช่แค่ลวนลามแต่ถึงขั้นกระทำชำเรา เหยื่อบางคนต้องหนีไปเรียนเมืองนอก บางคนป่วยซึมเศร้า ผ่านไป 15-20 ปีสันดานไม่เปลี่ยนแม้จะแต่งงานแล้วก็ตาม แฉอีกเคยก่อเหตุขึ้นศาลอังกฤษ คดีข่มขืนเยาวชน พบเหยื่อรายล่าสุดอายุแค่ 18 ปี ยังเป็นเยาวชนอยู่เลย เตรียมแกะรอยกล้องวงจรปิดร้านอาหารหรู

วันนี้ (14 เม.ย.) จากกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความชื่อดัง ออกมาเปิดเผยว่ามีผู้เสียหายรายหนึ่งถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ลวนลาม หอมแก้ม กอดจูบ จับก้นโดยไม่สมยอม โดยหลอกว่าจะพามาคุยเรื่องงานและสอนน้องเรื่องหุ้น เศรษฐศาสตร์ แต่พอมาจริงกลับคุยแต่เรื่องเพศ และลวนลามต่างๆ นานา ซึ่งได้แนะนำให้แจ้งความดำเนินคดีและเก็บหลักฐานไว้พร้อมหมดแล้ว ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านประกอบ : ทนายตั้มแฉสาวร้อง รอง หน.พรรคใหญ่ลวนลาม หลอกจะสอนเล่นหุ้นแต่กลับคุยเสียว 

ปรากฏว่าเฟซบุ๊ก "ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ" โพสต์ข้อความระบุว่า "ค้นประวัติรองหัวหน้าพรรคคนนี้ไม่ธรรมดา เคยก่อเหตุลักษณะนี้กับหญิงไทยอายุ 18 ปี 2 คนที่ประเทศอังกฤษสุดท้ายเรื่องเงียบเพราะพ่อใหญ่มากในเวลานั้น และทำแบบนี้กับอีกหลายคนในประเทศไทย ผมถือว่าเป็นภัยสังคมมากเลยนะครับ"

อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่

นอกจากนี้ นายษิทรายังแคปฯ ข้อความจากกล่องข้อความที่ส่งเข้ามาโดยตรง ระบุว่า "ผมอยากมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเนื่องจากได้ยินเรื่องทำนองนี้มาจากเพื่อนผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง นักศึกษาการเงิน ซึ่งเข้าใจผิดว่านายผู้นี้มีความรู้และเป็นคนดี เลยมีการไปฝึกงานและสัมภาษณ์งานกับนายผู้นี้ แต่สิ่งที่เพื่อนผมเจอกลับกลายเป็นการแต๊ะอั๋ง พูดจาไม่เหมาะสม รวมถึงการทักไลน์มาอย่างไม่เหมาะสม (ทั้งก่อนและหลังที่นายคนนี้จะแต่งงาน)

คนในวงการหุ้นส่วนใหญ่รู้ชื่อเสียงด้านลบนายคนนี้อยู่แล้ว รวมถึงสาเหตุที่นายคนนี้ต้องลาออกจากการเป็น head โบรกเกอร์แห่งหนึ่ง เพราะถูกจับได้เรื่องไม่เหมาะสมพวกนี้แบบมีหลักฐาน ไม่ทราบคุณทนายรู้หรือไม่ว่านายคนนี้เคยโดนจับคดีข่มขืนที่อังกฤษมาแล้ว มีข้อมูลลงข่าวปี 2003 แต่เพราะพ่อเส้นใหญ่เรื่องเลยจบไป"




รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า กรณีที่ผู้เสียหายร้องเรียนต่อทนายตั้มว่าถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ลวนลามนั้น เป็นเยาวชนอายุ 18 ปี กำลังศึกษาแบบสะสมหน่วยกิตในระดับปริญญาตรี หรือ พรีดีกรี (Pre-Degree) เทียบเท่าชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา เยาวชนรายนี้รู้จักกับรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ในงานอบรมเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนและเศรษฐศาสตร์แห่งหนึ่ง กระทั่งได้ติดต่อกัน เยาวชนรายนี้ได้ขออนุญาตแม่ไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารกึ่งผับอโบฟ อีเลฟเว่น ชั้นดาดฟ้าโรงแรมเฟรเซอร์ สวีทส์ ซอยสุขุมวิท 11 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ

เมื่อไปถึงปรากฏว่าไม่ได้คุยเรื่องเศรษฐกิจหรือการลงทุน แต่กลับพูดจาเกี่ยวกับเรื่องเพศ ก่อนจะหอมมือ หอมแก้ม จับก้น แถมขณะขับรถไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินยังลวนลามอีก หลังเกิดเหตุเยาวชนรายนี้ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้แม่ฟังด้วยความหวาดกลัวแล้วร้องไห้ตลอดเวลา กระทั่งแม่ได้ติดต่อนายษิทราผ่านไลน์แอด (LINE@) เพื่อขอคำปรึกษา จึงแนะนำให้แม่ไปแจ้งความ ต่อมาแม่ได้พาเยาวชนรายนี้ไปแจ้งความที่ สน.ลุมพินีเมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้ชุดสืบสวน สน.ลุมพินีอยู่ในระหว่างหาพยานหลักฐาน โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิด ก่อนจะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาแจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป

โดยในวันนี้ (14 เม.ย.) เวลา 14.00 น. นายษิทราจะเดินทางไปที่ สน.ลุมพินีเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี

นอกจากนี้ นายษิทรายังเฟซบุ๊กไลฟ์ระบุว่า ยังมีผู้เสียหายอีกเกือบสิบคนที่เป็นเหยื่อของรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ทักเข้ามาในไลน์แอด หลังจากที่เปิดประเด็นไม่ถึง 24 ชั่วโมง ซึ่งร้านอาหารดังกล่าวไม่ใช่รายแรกที่พามา แต่ยังมีเหยื่ออีกหลายคนที่พามาที่นี่ เช่น ผู้เสียหายรายหนึ่งเคยถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่เข้ามาจีบ ชวนไปกินข้าวและไปที่อพาร์ตเมนต์ พอไปถึงก็ลวนลามต่างๆ นานา โดยไม่ยินยอมจึงได้หลบหนีออกไปแล้ว ด้วยความโกรธและกลัวก็เลิกคบกันไป หลังจากนั้นก็ได้ยินข่าวว่าไปทำกับผู้เสียหายคนอื่นๆ วันหนึ่งเห็นข่าวว่าถูกจับกุมและขึ้นศาลคดีข่มขืนเด็ก 2 กระทงที่บ้านพักในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็ไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ยุคนั้นไม่มีข่าวในสื่อไทยเลย มีแต่สื่อต่างประเทศ เขาทำแบบนี้มาตั้งแต่สมัย 20 ปีที่แล้ว จนตอนนี้ยังไม่เลิกสันดาน แม้ว่าจะแต่งงานแล้วก็ตาม

ผู้เสียหายอีกรายหนึ่งระบุว่า เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน ตนเคยคบกับรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ตอนช่วงจะเรียนจบมีพฤติกรรมในช่วงที่กำลังทำวิจัยเพื่อเรียนจบปริญญาตรี สมัยที่รองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่คนดังกล่าวเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ (AVP) ธนาคารแห่งหนึ่ง เข้าไปทำโปรเจกต์จบที่นั่น เขาก็มีทีท่าให้ความช่วยเหลือ ทำดีกับตน จนวันหนึ่งชวนไปคุยที่คอนโดมิเนียมเพราะไม่สะดวกออกมา ตนก็ไปเพราะคิดว่าจะช่วยเรื่องโปรเจกต์ พอไปถึงกลับถูกลวนลาม กอดจูบ และข่มขืนกระทำชำเรา ตนสู้แรงไม่ได้ ตอนนั้นกลัวเขามากเพราะพ่อเขาใหญ่จริง เขาพูดโชว์เพาฯ ว่าพ่อจะได้ขึ้นตำแหน่งตำแหน่งหนึ่ง ก็ได้แต่เงียบ

หลังจากนั้นเขาเหมือนจะคบกันแต่กลับพบว่าเป็นการไปหาในเวลาที่เขามีความต้องการทางเพศ ตนกลัวเขาไปพูดไปแบล็กเมล์มาตลอด และเขาจะชอบขึ้นเสียง พูดจาไม่ดี ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทุกครั้งที่โมโหจะพูดจาหยาบคาย สุดท้ายจะต้องไปหาเขาทุกครั้งเวลาที่เขาเกิดอารมณ์ทางเพศ และทุกครั้งที่ไปหา เขาจะแก้ผ้าล่อนจ้อนรอไว้ตลอด เมื่อไปถึงก็จะลากขึ้นเตียงเลย จะเลิกก็เลิกไม่ได้เพราะเขาบอกว่าเขาเป็นคนที่จะเลิกเอง เราไม่มีสิทธิเลิก อยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ทั้งที่ใจไม่ได้รัก แต่กลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะพ่อมีฐานะทางสังคม จึงต้องเงียบและจำยอมมาตลอด

วันหนึ่งเขาบังคับให้ไปหาตอนกลางคืน ต้องโกหกพ่อแม่ว่าไปหาเพื่อน แล้วทำโทรศัพท์หายในแท็กซี่ คืนนั้นเขากักขังไว้ในคอนโดฯ ไม่ให้กลับบ้าน ไม่ให้ติดต่อพ่อแม่ และปล่อยกลับมาอีกที 5 โมงเย็นของอีกวันหนึ่ง ตนจึงให้พี่สาวไปเคลียร์กับเขาเพราะอยากจะเลิก เขาไม่ยอมเลิก เมื่อไปสืบพบว่าติดคดีข่มขืนที่ประเทศอังกฤษ แต่ข่าวปิดเงียบ ทำอะไรไม่ได้ ทุกข์มาก จึงต้องหนีไปเรียนที่ออสเตรเลียจึงเลิกกับเขาได้ ผ่านไป 15 ปีเขายังทำแบบนี้ไม่มีเปลี่ยน น่าจะมีเหยื่อเยอะมาก แต่จะกล้าออกมากันไหม รับไม่ได้ถ้าเขาจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือตำแหน่งใหญ่ทางการเมือง

ส่วนผู้เสียหายอีกรายหนึ่งเป็นโรคซึมเศร้า ต้องกินยารักษาทุกวันถึงทุกวันนี้ ระบุว่า ทำงานอีเวนต์ เมื่อปี 2558 รู้จักกับรองหัวหน้าพรรค ใช้ชื่อปลอมว่า "ดุ๊ก" (Duke) ขอเจอขอเลี้ยงข้าว ตนปฏิเสธแต่ถูกตามตื๊อมาตลอด กระทั่งวันหนึ่งมีโอกาสได้พบกัน ใช้จังหวะนั้นขึ้นไปที่อพาร์ตเมนต์ทาวเวอร์ พาร์ค ในซอยสุขุมวิท 3 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ หลอกว่าจะขึ้นไปเอาของข้างบน ให้ขึ้นไปด้วย ปรากฏว่าถูกข่มขืนกระทำชำเราทันที พยายามต่อสู้ขัดขืน แต่สู้แรงไม่ไหวถูกจับมือจนมือเขียว กระทั่งเขาสำเร็จความใคร่ ทีแรกมีความคิดว่าจะแจ้งความ แต่เขากล่าวว่าจะแจ้งความเหรอ รู้ไหมว่าพ่อเป็นใคร ถ้าแจ้งความครอบครัวน้องจะโดนอะไรบ้าง ปิดข่าวเอาเงินฟาดได้หมดอยู่แล้ว

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพิ่งจะเปิดปากบอกพ่อแม่เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา แม่ทุบโต๊ะทำไมเป็นคนแบบนี้ กระทั่งไปทำงานที่พรรคการเมืองหนึ่ง เจอรองหัวหน้าพรรคอีกครั้ง ก็พยายามหาเบอร์ใหม่จนเจอ ทักเข้ามาอีก ชวนไปกินข้าวอีก แต่ได้ปฏิเสธ ที่ย้อนแย้งก็คือหลังก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราเสร็จ ในโซเชียลฯ ของเขากลับโพสต์เรื่องธรรมะ เวลาตามตื๊อจะใช้แอปพลิเคชัน WhatsApp ในการตามตื๊อ มีการเคยนัดไปรับประทานข้าวที่ร้านอาหารกึ่งผับอโบฟ อีเลฟเว่น เวลาอยู่กับตนใช้ชื่อว่าดุ๊ก แต่พอสั่งสุรามาดื่มไม่ได้ใช้ชื่อดุ๊ก แต่เป็นชื่อจริงที่ทุกคนได้ยิน ผู้เสียหายจึงคิดว่าทำไมถึงโกหก

ชมคลิป คลิกที่นี่





ล่าสุดเฟซบุ๊ก "ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ" โพสต์ข้อความระบุว่า "อัปเดตข่าวเบื้องต้น รองหัวหน้าพรรคดังมีพฤติกรรมชอบลวนลามเด็กสาววัย 18 เหยื่อติดต่อเข้ามาในไลน์ษิทราลอส์เฟิร์มนับสิบราย นอกจากนั้นในเพจข่าวยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในขณะเรียนอยู่ลอนดอน ประเทศอังกฤษก็มีพฤติกรรม Sexual Harrasment [ในกระทู้ข่าวเขียนถึง Rape ซึ่งแปลว่าข่มขืน] สำหรับผมมองว่าในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ใหญ่ขนาดนี้ มันเป็นอันตรายกับเด็กผู้หญิงหลายคน เท่าที่ดูคือชอบเรียกเด็กเข้ามาฝึกงาน แล้วจบด้วยการแต๊ะอั๋ง บางคนถึงขนาดกระทำชำเราและกลายเป็นผู้ป่วยซึมเศร้า เหยื่อแต่ละคนไม่กล้าดำเนินคดี เพราะพ่อของผู้กระทำความผิดมีตำแหน่งใหญ่โต แบ็กดี วันนี้ผมเลยขอเสี่ยงเปิดเผยความเป็นจริงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย ยังไงผมขอให้ทางพรรคทำการตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยครับ ส่วนเจ้าตัวไม่ต้องมาชี้แจงอะไรกับผมหรอก ไปตามหมายเรียกก็พอ เพราะเหยื่อเริ่มทยอยไปให้การกับเจ้าหน้าที่แล้ว ตัวผมยอมเสี่ยงหมิ่นประมาทครับ ถ้ากล้าก็มา เพราะหลักฐานผมแน่นจริงๆ #นักการเมืองภัยสังคม #เหยื่อที่เคยถูกบุคคลนี้กระทำติดต่อมาได้ตลอดนะครับ"

อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
กำลังโหลดความคิดเห็น