xs
xsm
sm
md
lg

ฝันค้างแลนด์สไลด์ “โทนี่” เดือดไฮโซแยกวง !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
เมืองไทย 360 องศา


นาทีนี้ถ้าจับอาการ “พล่าน” ก็ต้องบอกว่า มี “โทนี่” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคดีทุจริต รวมอยู่ในระดับแถวหน้าอย่างแน่นอน หลังจากระยะหลังเริ่มมองเห็นว่าเป้าหมายที่เคยมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งแบบ “แลนด์สไลด์” เริ่มมีอุปสรรคขวากหนาม และเกิดความไม่แน่นอนสูงขึ้นแล้ว


ทางหนึ่งนอกเหนือจากกติกาการเลือกตั้งที่เป็นผลมาจากรายละเอียดของ ร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ได้ถูกคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากโหวตให้ใช้วิธี “กาคนละเบอร์” นั่นคือ แยกเบอร์ในบัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขต และบัตรเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ดับความหวังที่ต้องการให้ใช้วิธี “กาเบอร์เดียว” ทั้งสองใบ ทำให้ความหวังที่คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เปรียบ มั่นใจว่า จะสามารถเพิ่มจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อมากขึ้น ก็สะดุดลง

ผลจากการโหวตของคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากดังกล่าว ยังสะท้อนให้เห็นว่า ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลแทบทั้งหมดผนึกกำลังกันแน่น กับ ส.ว. ซึ่งในอนาคตข้างหน้ายังเป็นไปได้สูงที่การโหวตจะเปลี่ยนมาใช้วิธีนับคะแนนแบบ “สัดส่วนผสม” แบบทุกคะแนนไม่ตกน้ำ รวมไปถึงใช้ตัวหารด้วยตัวเลข 500 ตามจำนวน ส.ส.ทั้งหมด แทนที่จะหารด้วยตัวเลข 100 ตามจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งหากออกมาแบบแรก ก็จะทำให้คะแนนเฉลี่ยของ ส.ส.บัญชีรายชื่อแต่ละคน จะลดลง และจำนวน ส.ส.จะกระจายไปหลายพรรคการเมือง ซึ่งก็ต้องลุ้นกันอีกไม่นานว่าจะออกมาแบบไหน

ที่ผ่านมา ผลของการโหวตที่สรุปให้ใช้วิธีการ “กาคนละเบอร์” ก็ทำให้พรรคเพื่อไทยหัวเสียมาแล้ว โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวหาทันทีหลังแพ้มติในชั้นกรรมาธิการ ว่า เป็นเจตนเพื่อดับฝันการแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย

“ยืนยันว่า การที่เสนอให้ใช้บัตรสองใบเบอร์เดียวกัน เพื่อความสะดวกกับผู้ใช้สิทธิ และไม่สร้างความสับสนกับประชาชน แต่การใช้คนละเบอร์จะยิ่งทำให้ผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้ง จะไม่ยอมหาเสียงให้พรรคการเมือง และจะยิงลูกโดด ... ดังนั้น เห็นว่า การลงมติครั้งนี้เสียงออกมาเป็นกลุ่มเป็นก้อน จึงเชื่อว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกับข้อกังวลว่าจะขัดรัฐธรรมนูญ แต่น่าจะกลัวแลนด์สไลด์จากพรรคเพื่อไทยมากกว่า” นพ.ชลน่าน กล่าว

ขณะที่ นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่า เป็น “ใบสั่ง” จากผู้มีอำนาจในรัฐบาล ต้องการให้ออกมาแบบนี้ โดยเห็นว่าคะแนนที่ออกมาเป็นกลุ่มเป็นก้อน ซึ่งเป็นไปได้ยาก หากไม่มีการสั่งการลงมา อย่างไรก็ดี พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า จะสงวนคำแปรญัตติเพื่อนำไปสู้ต่อในที่ประชุมสภาในวาระสองต่อไป

นั่นคือ ด่านแรกที่ถูกทำลายไปแล้ว สำหรับความเชื่อว่าที่ว่า หากมีการใช้วิธีการบัตรเบอร์เดียวกัน จะทำให้พรรคเพื่อไทยได้เปรียบ มี ส.ส.บัญชีรายชื่อมากขึ้น รวมไปถึงความมั่นใจในเรื่อง “แลนด์สไลด์” ตามที่ นายทักษิณ ชินวัตร เคยคุยโม้เอาไว้ก่อนหน้านี้ และต่อมา นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี ประธาน ส.ส.ภาคอีสาน ของพรรคเพื่อไทย และเป็นหนึ่งในสอง ส.ส.ที่ไปพบกับ นายทักษิณ ที่สิงคโปร์ แล้วกลับมากล่าวอย่างมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย ได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 280 เสียง เลยทีเดียว ซึ่งนั่นเท่ากับว่า พรรคเพื่อไทย สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้อย่างสบาย แล้วกลับมามีอำนาจอีกครั้ง

อย่างไรก็ดี อย่างที่รู้กันดีว่า นั่นคงเป็นความมั่นใจฝ่ายเดียว หรือไม่ก็คงได้รับข้อมูลจากฝั่งพวกเดียวกันที่ป้อนไปให้เชื่อแบบนั้น ซึ่งนอกเหนือจากกติกาบางอย่าง เช่น “กาคนละเบอร์” ดังกล่าวแล้ว ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป “หมดยุคทักษิณฟีเวอร์” ไปแล้ว มันไม่น่าจะง่ายเหมือนกับเมื่อหลายปีก่อน ที่ครอบครัวนี้สามารถชี้นำการเมืองไทยได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่งใครลงสมัคร ส.ส.ก็ได้ หรือแม้แต่การสนับสนุนใครมาเป็น “นายกฯ หุ่นเชิด” ก็ได้

แต่สถานการณ์และบรรยากาศในเวลานี้อย่างที่บอกว่ามันเปลี่ยนไปแทบจะสิ้นเชิงแล้ว ที่สำคัญ ฐานมวลชนสนับสนุนล้วนแตกฉานซ่านเซ็นไปคนละทิศละทาง มีพรรคการเมืองที่มีฐานเสียงเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน มาแย่งคะแนนเสียงกันอีก ความหลากหลายทางนโยบาย ทำให้เวลานี้หลายคนเชื่อว่าไม่ได้โดดเด่นกันมากนัก

ที่น่าจับตาก็คือ การแตกตัวออกมาจากพรรคเพื่อไทย ของ กลุ่มคณหญิงสุดารัตน์ เกยราพันธุ์ มาก่อตั้งไทยสร้างไทย ที่มีฐานเสียงเดียวกัน ยังมีการดึง ส.ส.ออกมาจากพรรคอีกจำนวนหนึ่ง แน่นอนว่า ย่อมส่งผลกระทบไม่น้อยกับพรรคเพื่อไทย และก็อาจเป็นเหตุผลหนึ่งทำให้ นายทักษิณ ถึงกับออกอาการหัวเสียอย่างรุนแรง

โดย เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมา นายทักษิณ ร่วมสนทนาผ่านคลับเฮาส์ ในกลุ่มแคร์คิดเคลื่อนไทย ที่เป็นการเมืองในเครือข่าย หัวข้อ “มองเมืองดูไบ ใส่ใจกรุงเทพฯ ถึงตัวอยู่ไกล แต่ใจยังคิมิโนโตะ” โดยตอนท้าย นายทักษิณ พูดย้ำให้เห็นว่า เขาเทิดทูนสถาบันเบื้องสูง แต่มีคนที่ออกจากพรรคเพื่อไทย ไปบอกกับคนอื่นในทางตรงกันข้าม และยังอ้างถึงคนๆ นี้ที่ ชวน ส.ส.พรรคเพื่อไทย มาอยู่กับเขา โดยอ้างว่า พรรคเพื่อไทย ถูกยุบแน่ และยังกล่าวอีกว่า...

“เมื่อไปถึงพื้นที่ ก็ไปบอกคนในพื้นที่อีกว่า นี่เป็นพรรคสาขากัน เลือกใครก็เหมือนกันแหละ สับสนกันไปหมด ดังนั้น ผมถือว่าใครออกจากพรรคเพื่อไทย ถือเป็นลูกน้องเก่า แวะมาดูไบก็กินข้าวกับผมได้ตลอด ขอแค่อย่าด่าพ่อล่อแม่ผมเท่านั้น” คำพูดตอนหนึ่งของ เขาที่กล่าวถึงคนที่ออกจากพรรคเพื่อไทยคนนั้น

แน่นอนว่า หากให้เดา นาทีนี้คงไม่ใช่ “เก่ง” หรือ นายการุณ โหสกุล แน่นอน เพราะแม้ว่าจะตอบโต้อยู่กับพวก “นักรบห้องแอร์” หลายคน แต่ระดับชั้นถึงไม่ถึงขั้นทำให้ นายทักษิณ ชินวัตร ต้องกล่าวถึง และมีการพูดถึงระดับ “ไฮโซ” มันก็ต้องอีกระดับหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมา หากมองหาคนที่แยกออกมาจากพรรคเพื่อไทยในแบบไม่สวยนัก ก็มี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เคยเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค และเป็นอดีตประธานยุทธศาสตร์ของพรรค ชื่อชั้นย่อมไม่ธรรมดา การออกมาตั้งพรรคไทยสร้างไทย ที่หลายมองว่ามีฐานเสียงเดียวกัน และในการเลือกตั้งคราวหน้า ก็ถูกมองว่าจะมีการตัดคะแนนกันเอง ทั้งในกรุงเทพฯ และในภาคอีสาน เป็นต้น

อย่างไรก็ดี แม้ว่านาทีนี้ยังไม่อาจระบุชัดว่าคำพูดของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่พูดถึงคนที่แยกออกไป เป็นใคร และชักชวน ส.ส.เพื่อไทย ออกไปนั้นเป็นใคร แต่เมื่อพิจารณาในหลายมุมแล้ว มันก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าเป้าหมายน่าจะเป็น “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และพรรคไทยสร้างไทย หรือเปล่า แต่มันก็น่าจะเข้าเค้า !!



กำลังโหลดความคิดเห็น