เมืองไทย 360 องศา
แม้ว่าดูเหมือนไม่เป็นทางการ แต่ก็เหมือนกับว่าชัดเจนแน่นอนเป็นทางการไปแล้วสำหรับ การ “สถาปนาลูกสาวคนเล็ก” ของ นายทักษิณ ชินวัตร คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นเป็น “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” ที่จังหวัดอุดรธานี ระหว่างการจัดกิจกรรมของพรรค เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
แน่นอนว่า การเลือกมาเปิดตัวที่จังหวัดอุดรธานี ในครั้งนี้ ถือว่ามีความน่าสนใจไม่น้อย แทนที่จะเป็นจังหวัดเชียงใหม่ หรือในจังหวัดทางภาคเหนือ ที่เป็นบ้านเกิดของ นายทักษิณ ชินวัตร ส่วนสำคัญน่าจะเป็นเพราะต้องการ “ปักธง” ในภาคอีสาน และต้องการ “ชิงมวลชน” ให้กลับมา หลังจากในรอบ 5-6 ปีมานี้ ได้แตกฉานซ่านเซ็น ไปคนละทิศละทาง โดยเฉพาะมวลชน “คนเสื้อแดง” แต่ก็ไม่อาจโทษใครได้ เพราะที่ผ่านมาคนพวกนี้ถูกทอดทิ้งประเภท “ท่อน้ำเลี้ยงตีบตัน” อะไรประมาณนั้น
เมื่อวกมาที่จังหวัดอุดรธานี ในอดีตสำหรับครอบครัวชินวัตร ของนายทักษิณ ชินวัตร ในทางการเมืองก็ถือว่าเป็น “เมืองหลวง” ของพวกเขา ไม่ด้อยไปกว่าจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นบ้านเกิดของพวกเขา และหากมองย้อนกลับไปเมื่อการเลือกตั้งคราวที่แล้ว เมื่อปี 2562 พรรคเพื่อไทยก็กวาด ส.ส.ได้ทั้งจังหวัด จำนวน 8 คน โดยมีคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งแบบม้วนเดียวจบ แม้ว่าจะต้องสู้กับพรรคพลังประชารัฐในตอนนั้น ที่กระแสของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และอำนาจของ คสช.กำลังเข้มข้น
แต่การรักษาพื้นที่เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นแบบนี้ ถือว่าไม่ธรรมดา และไม่ต้องแปลกใจที่พรรคเพื่อไทย ได้มาจัดกิจกรรมเปิดตัวในแบบ “สถาปนาทายาท” ขึ้นมาคุมพรรคและนำทัพในการเลือกตั้งครั้งหน้า แม้ว่าจะยังไม่ใช่การประกาศตัวอย่างเป็นทางการแต่ อย่างที่บอกงาน “ขี้หมากองเดียว” ก็คงไม่มีใครกล้ารอง เพราะต้องใช่ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่เป็น “ลูกสาวคนเล็ก” คนนี้แน่นอนแล้ว
อีกทั้งยังเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า นี่คือ “เดิมพันครั้งสุดท้าย” ของนายทักษิณ ชินวัตร ถึงกับต้อง “งัดเอาทายาทโดยสายเลือด” โดยตรงเข้ามาเสี่ยง เนื่องจากไม่ต้องการใช้ “นอมินี” ที่เป็น “คนนอกไส้” อีกต่อไปแล้ว หลังจากเคยได้รับบทเรียนมาแล้วในยุคของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี
ขณะเดียวกัน สำหรับพื้นที่ภาคอีสานก็ยังถือว่าเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางการเมืองของหลายพรรค เนื่องจากมีจำนวน ส.ส.มากที่สุดของประเทศ หากใครสามารถชนะเลือกตั้งที่นี่ได้ ก็ย่อมได้เปรียบทางการเมือง และที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ก็ชนะการเลือกตั้ง กวาด ส.ส.เขต มาได้มากที่สุดทุกครั้ง แม้กระทั่งล่าสุดเมื่อการเลือกตั้งเมื่อเดือน มี.ค. 62
การเปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็ก ยังมีเจตนาต้องการสร้างความมั่นใจ ทั้งส.ส. นักการเมือง รวมไปถึงมวลชนผู้สนับสนุน เห็นว่า คราวนี้ นายทักษิณ ชินวัตร เอาจริง จนทำให้ แกนนำ ส.ส.ในภาคอีสานบางคนอย่าง นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี และประธาน ส.ส.ภาคอีสาน พรรคเพื่อไทย กล่าวอย่างมั่นใจว่า เท่าที่ประเมิน การเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.เขต 250 คน บัญชีรายชื่ออีก 30 คน รวมแล้ว 280 เสียง พรรคก้าวไกลได้ ส.ส.20 คน เสรีรวมไทย 7 คน ประชาชาติ 5 คน เพื่อชาติ อีก 5 คน ทำให้มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทย จะได้เป็นรัฐบาลแน่นอน
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้ง ผู้สมัครเตรียมไว้ครบหมดแล้ว นโยบายมีความพร้อม เป็นนโยบายที่พูดได้ ทำได้ แต่ขอยังไม่เปิดเผย เพราะกลัวโดนลอกการบ้าน และด้วยความสามารถ มีทีมงานที่เคยบริหารจนประสบความสำเร็จ เชื่อว่า หนี้ที่รัฐบาลก่อขึ้นกว่า 9 ล้านล้านบาท จะถูกใช้หมดในเทอมที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ภายใน 4 ปีหน้าอย่างแน่นอน
“ส่วนที่ถามกันมาก แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จะเป็นใคร อยากให้ลองสังเกตการจัดกิจกรรมของพรรค การจัดงานครอบครัวเพื่อไทย ที่ จ.อุดรธานี เป็นแคมเปญใหญ่ของพรรคครั้งที่ 2 คุณอุ๊งอิ๊ง ได้มาร่วมงานการจัดแคมเปญใหญ่ ในการประชุมใหญ่ของพรรคที่ จ.ขอนแก่น เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว คุณอุ๊งอิ๊ง ก็มาร่วมงาน ส่วนจะใช่หรือไม่ใช่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค อยากให้ประชาชนลองสังเกตเอาเองก็แล้วกัน” นายชูวิทย์ ระบุ
นั่นเป็นความมั่นใจของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ต้องเชื่อมั่น และ “อวยเจ้านาย” ของตัวเอง แต่ในความเป็นจริง ในสถานการณ์จริง มันใช่หรือไม่ มันก็ต้องพิสูจน์ เพราะสถานการณ์ในเวลานี้เมื่อเทียบกับยุคที่นายทักษิณ ชินวัตร ตั้งพรรคไทยรักไทย และมาพร้อมความเชื่อที่ว่า “รวยแล้วไม่โกง” นั้นคงไม่จริงแล้ว และสังคมรู้จัก “ธาตุแท้” ของคนในครอบครัวนี้ ได้ดีไม่น้อย กับข้อหาทุจริต ประพฤติมิชอบอยู่ตลอดเวลา จะเรียกว่าแทบทั้งชีวิตก็ว่าได้ ที่มีแต่เรื่องน่าสงสัย ข้อกล่าวหาในทางทุจริตตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “ซุกหุ้น” ผลประโยชน์ทับซ้อน ออกนโยบายเพื่อธุรกิจของตัวเอง ถูกศาลสั่งยึดทรัพย์กว่าสี่หมื่นล้านบาท ถูกศาลพิพากษาจำคุก จากคดีทุจริตหลายคดี
อีกทั้งว่าที่ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย คนนี้ก็เช่นเดียวกัน ก็เคยมีปัญหาในเรื่อง “ข้อสอบรั่ว” ระหว่างการสอบเข้ามหาวิทยาลัย จนเกิดเรื่องอื้อฉาวที่เชื่อว่าจะต้องถูกขุดคุ้ยซ้ำเติมขึ้นมาอีกอย่างแน่นอน ถือว่าเป็น “รอยด่าง” ส่วนตัว ที่ไม่มีทางสลัดหลุดออกไปได้ง่ายๆ
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวในหลายพรรคการเมืองต่างก็ต้องการช่วงชิงเก้าอี้ ส.ส.ในภาคอีสานกันทั้งนั้น ทั้งพรรคฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่เร่งสร้างฐานมวลชน หรือใช้วิธีลัด นั่นคือ “ดูด” ส.ส.เกรดเอ เข้ามา มีการเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี ทำให้เชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะต้องมีการแข่งขันกันสนุกแน่นอน และสำหรับพรรคเพื่อไทยก็คงไม่ง่าย
และเมื่อพิจารณาจากวันเปิดตัวหรือ “สถาปนาลูกสาวคนเล็ก” เมื่อวันก่อน คำถามก็คือ “ปังมั้ย” จะพาพรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งแบบ “แลนด์สไลด์” แบบที่พ่อของเธอ นายทักษิณ ชินวัตร คุยโม้เอาไว้ได้หรือไม่ คำตอบหากจะบอกว่า เพื่อไทยอาจจะ “แรง” ในบางจังหวะ แต่คงไม่น่าจะมาแบบ “ตึงตัง โครมคราม” เพราะเมื่อโฟกัสตัวบุคคล ถือว่าอาจยังไม่ปังมากนัก อาจจะตื่นเต้นเฉพาะในบรรดาสาวก ในทางตรงกันข้าม กลับถูกมองว่านี่ไม่ต่างกับ “มรดกครอบครัว” แบบยุคเก่าโบราณ ไม่ทันสมัยจริง
นอกเหนือจากนี้ ยังเป็นการฉายภาพของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เป็น “เงา” ทาบอยู่ข้างหลังแบบ “ทะมึน” ซึ่งคนอีกกลุ่มใหญ่มองแบบไม่ไว้ใจ เห็นภาพของความวุ่นวายจะตามมาอีก ดังนั้น หากให้สรุปล่วงหน้า นาทีนี้เมื่อเทียบกับเมื่อครั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกเชิดเป็น นายกฯหญิงคนแรก บรรยากาศความตื่นเต้นต่างกันเยอะ ที่สำคัญ ในตอนนี้คนรู้ทันมากกว่าตอนนั้นเสียด้วยซี นี่ยังไม่นับการแตกตัวออกมาของ “ทีมไทยสร้างไทย” ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่คาดว่า จะมี ส.ส.ไหลตามมาอีก เป็นการเบรกกระแสได้ไม่น้อยไม่เหมือนกัน !!