คนกันเองยังงง! “ใบตองแห้ง” ซัด หน.ครอบครัว พท. ไม่ใช่จุดขาย “อุ๊งอิ๊ง” “สมชัย” ชี้ อยู่เหนือกว่าพรรค ใกล้แคนดิเดต “นายกฯ” เจ้าตัวลั่น “ปากท้อง ปชช.” มาก่อนพาพ่อกลับบ้าน “แรมโบ้” เตือน จะเหมือน “แม้ว-ปู”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (20 มี.ค.) เฟซบุ๊ก Atukkit Sawangsuk ของ นายอธึกกิต แสวงสุข หรือ นามปากกา “ใบตองแห้ง” โพสต์ข้อความระบุว่า
“ฟังแล้วก็ยังงงๆ
เราคงไม่แปลกใจ ถ้าจะใช้สโลแกนแบบ อุ๊งอิ๊ง ความหวังใหม่ของเพื่อไทย
อุ๊งอิ๊ง อนาคตอันรุ่งโรจน์ อุ๊งอิ๊ง ผู้สืบสานความสำเร็จ บลาๆๆๆ
แต่บอกว่า เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย “ขุ่นแม๊” ในวัย 35
(ขณะที่บรรดา ส.ส. 50-60-70) นี่มันตลกๆ อยู่นะ แม้ไม่ถือเรื่องวัย แต่ทำไมต้องใช้คำว่า “หัวหน้าครอบครัว”
ซึ่งมันไม่เข้ากับบุคลิก จุดเด่น หรือจุดขายอะไรเลย
ขณะเดียวกัน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคเสรีรวมไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า
“การเปิดตัวอุ๊งอิ๊ง เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย มีความหมายทางการเมืองอย่างไร 1. ครอบครัว ใหญ่กว่าพรรค 2. การเป็นสมาชิกครอบครัว ทำลายกำแพงข้อจำกัดของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ที่สมาชิกพรรคต้องเสียค่าสมาชิก 200 บาท/ปี เป็นสมาชิกครอบครัวไม่ต้องเสียเงิน 3. การเป็นสมาชิกครอบครัว จึงไม่มีข้อจำกัดใดๆ แต่กลายเป็นฐานสนับสนุนของพรรคในการเลือกตั้ง
4. ถือเป็นการเดินเกมทางการเมืองใหม่ของพรรคเพื่อไทย แต่ต้องระวังเรื่องการให้สิทธิประโยชน์แก่คนในครอบครัวเพื่อไทย เพราะยังถือว่าเป็นกิจกรรมทางการเมืองของพรรคอย่างหนึ่ง ที่ยังต้องถูกควบคุมโดย พ.ร.ป. พรรคการเมือง 5. มีคำทำนายว่า หัวหน้าครอบครัว คือ อีกก้าวที่เข้าใกล้ตำแหน่งผู้ที่พรรคเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี 6. อุ๊งอิ๊ง วันนี้ ดูไม่สดใส ไม่เฉียบเท่าการเปิดตัวครั้งที่แล้ว น่าจะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง หากจะเป็นแบบข้อ 5 ยังต้องเทรนให้มีพลังแบบคุณพ่อและมีเสน่ห์แบบคุณอาอีกนิด” (สยามรัฐออนไลน์)
อย่างไรก็ตาม วันนี้ที่ จ.อุดรธานี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีได้เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จะนำไปสู่การรับตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคหรือไม่ ว่า
ความจริงที่ตั้งใจมาเปิดตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เนื่องจากอยากให้สมาชิกพรรคไทยรักไทยเดิมได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง เพื่อร่วมจิตวิญญาณเดิมของเราที่เคยอยู่ร่วมกันและเคยทำให้บ้านหลังเก่าแข็งแรง ประเด็นของตนเองมีเพียงเท่านี้
เมื่อถามว่า พร้อมใช่หรือไม่หากจะรับตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อย่างที่บอกว่าเราต้องทำงานกันเป็นทีม การที่เข้ามาทำงานในพรรคเพื่อไทยในวันนี้ ไม่ได้อยู่ที่ตนเองเพียงคนเดียวแล้วจะได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ การทำงานทุกอย่างต้องอาศัยพรรค วันนี้ทุกคนในพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ พร้อมที่จะทำทุกอย่าง เพื่อให้เรามีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล เพื่อที่จะได้ผลิตนโยบายดีๆ มาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน และขจัดความฝืดเคืองด้านเศรษฐกิจให้กับประชาชน
ตลอดระยะเวลาที่ทำงานมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทยได้พิสูจน์ผลงานอยู่แล้วว่า สิ่งที่คิดและเสนอออกไปสู่ประชาชน สามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง ตลอด 23 ปี มาจนถึงพรรคเพื่อไทย เรามีเครื่องมือที่ดี บุคลากรที่มีคุณภาพ ที่จะมาผลักดันนโยบายที่ดีให้กับประเทศ
“พูดได้เลยว่า หากพร้อมเมื่อไร ไม่ใช่แค่ตัวอิ๊งที่พร้อม แต่ทุกคนพร้อมที่จะแก้ปัญหาของประเทศชาติที่กำลังเผชิญอยู่ วันนี้เพื่อไทยพร้อมที่สุดแล้ว ส่วนแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย เคยตอบไปแล้ว ยุบสภาเมื่อไรค่อยว่ากัน”...
เมื่อถามว่า ที่ประกาศบนเวทีว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้ได้เพื่อทำให้เผด็จการหมดไป เหมือนเป็นการประกาศศึก กังวลจะมีผลกระทบตามมาหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คิดว่ามันเป็นความจริง พอเราต้องเอาระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบกลับคืนมา คือ สิ่งที่ถูกต้อง เพราะประเทศไทยเราควรเป็นประชาธิปไตยแบบ 100% และรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นมาได้ก็ต้องมาจากการเลือกตั้ง ประชาชนต้องเป็นคนเลือกเท่านั้น...
ถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พูดหลายครั้งว่าอยากกลับมาเมืองไทย ในฐานะลูกสาวของนายทักษิณ มีเป้าหมายเรื่องนี้อย่างไร น.ส.แพทองธาร กล่าว่า คุณพ่ออยากกลับมาเลี้ยงหลาน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพรรคเพื่อไทย แต่ทุกเรื่องที่อยู่ในชีวิตของอิ๊งตั้งแต่เล็กแล้ว เราปรึกษาคุณพ่อตลอด เพราะเราเป็นครอบครัวที่ใกล้ชิดกันมากๆ
“ส่วนเรื่องพ่อกลับบ้าน ไม่ใช่เป้าหมายหลัก วันนี้ปัญหาหลักของประเทศ คือ ปากท้อง คือเศรษฐกิจ และปัญหาของประชาชน ไม่ใช่ปัญหาของครอบครัวอิ๊ง ควรจะโฟกัสตรงนั้น แต่คุณพ่อคุณแม่และครอบครัวทุกคนเป็นกำลังใจที่ดีของอิ๊ง”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทย ตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หาสมาชิกพรรคสู่เป้าหมายชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ ประกาศต้านรัฐประหาร ว่า ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยคงทราบดีว่าไม่สามารถที่จะกอบกู้คะแนนนิยมจากประชาชนได้ จึงอาศัยคนในตะกูลชินวัตร หวังมีคะแนนเสียงเพิ่มมากขึ้น
ส่วนที่ประกาศจะชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ตนเองมองว่า เป็นเรื่องที่ยาก เพราะประชาชนรู้พฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างดี ทำตัวเป็นฝ่ายค้าน มุ่งแต่ช่วยเหลือพ่อและอา น.ส.แพทองธาร ให้พ้นผิด กลับประเทศไทย ซึ่งประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรจากพรรคเพื่อไทยเลย
นายเสกสกล ยังระบุว่า ที่น้องอุ๊งอิ๊งบอกจะจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และระบบเผด็จการต้องหมดไปนั้น อยากจะทำความเข้าใจใหม่ว่า หากหมายถึงนายกฯ ประยุทธ์ ยืนยันว่ามาถูกต้องตามกติกาทุกอย่าง
อีกทั้ง นายกฯ ประยุทธ์ คนนี้แหล่ะ ที่เข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ที่อาของน้องอุ๊งอิ๊งสร้างไว้ และนายกฯ ประยุทธ์ คนนี้ ยังเป็นคนที่แก้ไขปัญหา พัฒนาประเทศมากมายให้กับประเทศมาจนดีขึ้นถึงทุกวันนี้ ซึ่งแตกต่างจากพ่อและอาของน้องอุ๊งอิ๊งมาก ที่บริหารประเทศจนกลายเป็นนักโทษหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ
“น้องอุ๊งอิ๊งยังไม่เข้าใจความหมายระบบเผด็จการรัฐสภาที่คุณพ่อทักษิณและคุณอายิ่งลักษณ์เคยใช้บังคับ ส.ส.ในคอกมาแล้ว ถ้ามีโอกาสตนอยากจะได้นำเสนออธิบายให้น้องอุ๊งอิ๊งฟังอย่างเข้าใจชัดแจ้ง ว่าพฤติกรรมเสียงข้างมากลากไปโดยไม่ฟังเสียงข้างน้อยออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ตัวเองและครอบครัว คุณพ่อและคุณอาใช้วิธีการอย่างไรจะได้เล่าสู่น้องอุ๊งอ๊งฟังอย่างละเอียด
สำคัญที่สุด คือ การบีบบังคับบรรดา ส.ส.ในคอกให้ยกมือตามอำเภอใจของเจ้าของคอก... เพื่อออกกฎหมายแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องนั้นทำอย่างไร มีวิธีอย่างไร จนคุณพ่อคุณอา ถูกดำเนินคดีข้อหาโกงกิน จนต้องหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศตราบเท่าทุกวันนี้ นี่แหละเค้าเรียกว่า เผด็จการรัฐสภาตัวจริงเสียงจริงหนักหนาสาหัสมากกว่าเผด็จการในความหมายที่น้องอุ๊งอิ๊งเข้าใจเสียอีก”
“มีคนมากมายฝากมาบอกด้วยความห่วงใย และสงสารน้องอุ๋งอิ๋งกลัวโดนชะตากรรมวิบากกรรมเหมือนคุณพ่อและคุณอาเป็นที่สุด สิ่งที่คุณพ่อและคุณอากำลังจะทำให้น้องอุ๊งอิ๊งเข้ามาสู่อำนาจเพื่อที่จะออกกฎหมายโดยมิชอบหรือใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัวช่วยเหลือเรื่องคดีล้างมลทินนำคุณพ่อและคุณอากลับบ้านอีก
โดยเฉพาะการที่คุณพ่อบอกว่าจะกลับบ้านใน พ.ศ.นี้ และจะกระซิบบอกน้องอุ๊งอิ๊งเป็นคนแรก ความหมายนัยยะนี้แปลว่าอะไร ช่วยตอบคำพูดของคุณพ่อในข้อนี้ ชี้แจงความหมายให้ประชาชนคนไทย ได้รับรู้และเข้าใจอย่างกระจ่างชัดเจนว่าที่คุณพ่อพูดมาแปลว่าอย่างไร จะกระซิบให้ดำเนินการอย่างไร...”
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ ความพยายามที่จะพลิกฟื้นกระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทย โดยต้องการฟื้นความนิยมในอดีต ให้กลับมาเหมือนสมัยเมื่อครั้งพรรคไทยรักไทย ที่ถือว่า เป็นยุครุ่งเรืองของ “ทักษิณ”
ยุคนั้น เป็นยุคที่เปรียบกันเล่นๆ ว่า พรรคไทยรักไทย เอาเสาไฟฟ้าลงก็ได้รับเลือกตั้ง เป็นยุคที่กระแสพรรคมาแรง และพรรคมีอำนาจต่อรองสูง ที่จะเลือกผู้สมัคร ส.ส. รวมทั้ง “ทักษิณ” เองในยุคนั้น ก็มีอำนาจล้นฟ้า และมักทำอะไรตามอำเภอใจ เพราะเหลิงในอำนาจ จนนำมาสู่พฤติกรรมมากมายที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ก่อนที่จะถูกรัฐประหาร
ไม่แปลก ที่ “อุ๊งอิ๊ง” และ “ทักษิณ” ต้องการย้อนกลับไปสู่ยุคนั้น และไม่แปลก ที่ “อุ๊งอิ๊ง” บอกว่า จะนำบทเรียนที่ผิดพลาดมาแก้ไข
ประเด็นก็อย่างที่ “ใบตองแห้ง” ก็ยังงง ว่าคำว่า “หัวหน้าครอบครัว” มันไม่เข้ากับบุคลิก จุดเด่น หรือจุดขายของ “อุ๊งอิ๊ง” เลย แล้วจะฟื้นความนิยมกลับมาได้อย่างไร?
อย่างดีก็แค่ ทำให้การรณรงค์หาเสียง ดูอบอุ่น ใกล้ชิด ผูกพัน ส่วนจะซื้อใจคนไทยได้หรือไม่ คนที่เป็นสาวกอยู่แล้ว ก็คงให้ความสนใจ ส่วนคนที่เป็นฝ่ายตรงข้าม ก็คงไม่เอา “ทักษิณ” เหมือนเดิม
ส่วนการที่ตั้ง “อุ๊งอิ๊ง” เป็น “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” อาจเป็นไปตามที่ “สมชัย” วิเคราะห์ นั่นคือ การยกฐานะให้สูงขึ้นกว่าหัวหน้าพรรค เพื่อไม่ต้องถูกตั้งข้อครหาว่า ใช้เส้น “ทักษิณ” หรือ บงการจาก “ทักษิณ”
หากแต่อยู่ในฐานะของ “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” ที่เหนือกว่าอยู่แล้ว และถึงเวลาที่ต้องเสนอชื่อ ก็มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แบบไม่ต้องข้ามหัวใคร
ทั้งหมดน่าจะมีการวางแผนเอาไว้แล้วอย่างเหมาะเจาะพอดี กับการเปิดตัวแคมเปญใหม่ และมติใหม่ความหวังเก่าของ “ทักษิณ” นั่นเอง