ข่าวปนคน คนปนข่าว
** มหากาพย์ค่าโง่โฮปเวลล์เริ่มกันใหม่ ลูกฮึดของ “ศักดิ์สยาม” - “ยิ้ม” ผู้ปิดทองหลังพระ และ คำถาม ทำไมรัฐบาล คสช.ไม่สู้?
กรณีที่ศาลปกครองกลางได้อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 65 คดีข้อพิพาทโฮปเวลล์ โดยศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่ง กลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้รับคำขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ไว้พิจารณา ซึ่งเท่ากับว่า มหากาพย์คดีค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้าน กลับไปเริ่มต้นกระบวนการต่อสู้กันใหม่
“นิติธร ล้ำเหลือ” หรือ “ทนายนกเขา” หนึ่งในทีมทำงานเรื่องนี้ และแกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย โพสต์ในเพจ กลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) ถึงกรณีนี้ ว่า ขอขอบคุณประชาชนทุกฝ่าย หน่วยงานรัฐทุกฝ่าย และฝ่ายบริหาร รวมทั้งขอบคุณพี่น้องพนักงานรถไฟทุกคน ที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวในการทำเรื่องนี้ เพื่อรักษาไว้ซึ่งทรัพย์สินของชาติ เพราะหมายถึงผลประโยชน์ของประชาชนร่วมกัน ขอบคุณ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ที่เอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ของความตั้งใจ ในการที่จะร่วมมือกัน โดยก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ แล้วมุ่งที่ผลประโยชน์ของชาติ และขอขอบคุณ “นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” และทีมงาน ที่ร่วมกันในการทำเรื่องดังกล่าว ซึ่งทุกคนทำงานทุ่มเท ถือเป็นก้าวที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งในขณะนี้ก็งดการบังคับคดีได้ คิดว่า วันที่ 7 มี.ค. ทางกระทรวงคมนาคมการรถไฟแห่งประเทศไทย จะไปยื่นเพื่อของดการบังคับคดีให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนคดีที่ให้มาพิจารณากันใหม่ คงไม่มีอะไรต้องว่ากันมาก เพราะข้อเท็จจริงชัดเจนไปตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว เหลือเพียงประเด็นข้อกฎหมาย จึงขอฝากให้ประชาชนติดตาม และเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ทำงานนี้
ขณะที่ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ถึงกรณีเดียวกันในหัวข้อ “ปิดทองหลังพระ” ซึ่งได้เล่าถึงการทำงานของผู้เกี่ยวข้อง ตั้งแต่กลางปี 62 กับข้อพิพาทที่ยืดเยื้อมากกว่า30 ปี และเบื้องหลังว่ามีความยากลำบากในการแก้ไขปัญหาและต่อสู้คดี อย่างไร โดยยกความดีความชอบให้กับ “สุทธิรักษ์ ยิ้มยัง” หรือ “ยิ้ม” พนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตำแหน่งอณาบาล หรือ นิติกร ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงคนสำคัญ ที่ทุ่มเทกำลังกาย และเสียสละในการจัดทำข้อมูลเอกสาร จนนำไปสู่การพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งรับคำขอพิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่
“พีระพันธุ์” ยังได้บอกว่า “ยิ้ม” เป็นตัวอย่างที่ไม่นึกว่าจะมีคนแบบนี้ตั้งมั่นในการทำงานให้ รฟท. โดยไม่ได้สนใจเรื่องตำแหน่ง ถือเป็น “ผู้ปิดทองหลังพระ” อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ดี มีรายงานข่าวจาก รฟท.แจ้งว่า เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 65 “นายนิรุฒ มณีพันธ์” ผู้ว่าการ รฟท. ได้ลงนามในคำสั่ง ให้ “สุทธิรักษ์ ยิ้มยัง” หัวหน้างานนิติกรรม (นิติกร 8) กองนิติการ สำนักงานอาณาบาล ไปดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองประจำการรถไฟฯ (ระดับ 10 เฉพาะตัว) โดยมีผลนับแต่วันที่ ผู้ว่าการ รฟท.ลงนาม โดยเป็นคำสั่งการรถไฟฯ เลขที่ บคบ.143/2565 เรื่อง แต่งตั้งเลื่อนระดับพนักงาน รฟท. จำนวนทั้งสิ้น 3 คนเรียบร้อย
คดีนี้ มองกันโดยภาพรวมการต่อสู้เพื่อไม่ให้รัฐต้องจ่ายค่าโง่มูลค่ามหาศาล ก็ต้องถือเป็นชัยชนะของ คมนาคม ของ “รมว.ศักดิ์สยาม” พรรคภูมิใจไทย ที่ปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ ในขณะที่ทุกคน ทุกฝ่ายบอกให้จ่ายจะได้จบๆ ไป แต่ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย “ศักดิ์สยาม” กลับมีลูกฮึด เห็นช่องทางกฎหมาย ที่จะสามารถดำเนินการ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ ไม่ให้เงินแผ่นดินต้องเสียไป โดยไม่เป็นธรรม และเห็นว่ากระทรวงคมนาคม ยุคนี้ต้องไม่เสียค่าโง่ ไม่จ่ายค่าโง่ ให้ใครอีก จนกว่ากระบวนการทางศาลจะสิ้นสุด จึงได้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุด ให้พิจารณาคดี “ค่าโง่โฮปเวลล์” ใหม่ และศาลปกครองสูงสุด ได้รับไว้พิจารณา ส่งผลให้ รัฐบาล ยังไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้บริษัทโฮปเวลล์ ประเทศไทย และ ให้นำคดีนี้กลับมาพิจารณากันใหม่ อีกครั้งดังกล่าว
คดีนี้น่าสนใจ ตรงที่ทำไมศาลจึงรับไว้พิจารณาใหม่ ทั้งๆ ที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งแล้ว เอกสารหลักฐานใหม่ คือ อะไร? แล้วทำไม รัฐบาล คสช. จึงไม่ส่งให้ศาลพิจารณา หรือ ไม่สู้อะไรเลย
งานนี้จะจบลงอย่างไรก็ต้องติดตามกันต่อไป.
** แตงโมต้องไม่ตายฟรี ชาวเน็ตลุยต่อหลังเหวอกับ “แม๊...30 ล้าน” “บิ๊กปั๊ด” ให้รออีก 2-3 วัน คดีชัด
แม้จะออกอาการเหวอจนต้องประชดประขันตัวเองว่า กลายเป็น “หมา” ให้ “แม๊...30 ล้าน” ไปทั้งประเทศ หลังกรณี “ภนิดา ศิระยุทธโยธิน” แม่ของ “แตงโม นิดา” ไปออกรายการ “โหนกระแส” ตำหนิคนช่วยเหลือลูก แต่ให้อภัยผู้ชาย 2 คน 100% ที่อยู่บนเรือวันเกิดเหตุ พร้อมคำนวณค่าเยียวยาศพลูกกลางรายการ 30 ล้านบาท
ชาวเน็ตที่ได้ยินได้ฟังวันนั้น ต่างเดือดดาล จัดทัวร์ลงในโซเชียลฯกันรัวๆ พร้อมกับไม่อยากจะติดตามคดีอีกต่อไปแล้ว แต่เพราะคดีนี้อยู่ในความสนใจของสังคม จากเงื่อนงำ ข้อพิรุธต่างๆ ยังไม่ชัดเจน และด้วยนักสืบโซเชียลฯ ยังไม่บรรลุภารกิจ จึงทำให้ในโลกโซเชียลฯเห็นว่า ต้องกดดันการทำงานของตำรวจต่อไป จนกว่า “แตงโม” จะได้รับความเป็นธรรม ความจริงต้องถูกเปิดเผย จนเป็นที่มาของแฮชแท็ก #แตงโมต้องไม่ตายฟรี เผยแพร่ไปอย่างแพร่หลาย กลายเป็นแฮชแท็ก ยอดฮิตติดชาร์ต
นี่ต้องชื่นชมในหัวจิตหัวใจของชาวเน็ตที่สู้ไม่ถอย ซึ่งพอมีความเคลื่อนไหวในคดีของแตงโมต่างออกมาขุดคุ้ย สืบหา และแสดงความเห็นหลากหลายที่อาจจะเป็นเบาะแสได้
ขณะที่ “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า “มีบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับน้องแตงโมมาคุยกับผม #จันทร์นี้รู้เรื่อง” พร้อมกับเป็นภาพแชตข้อความโดยระบุว่า
“ผมได้ข้อมูลจากบุคคลที่น่าเชื่อถือคนหนี่ง ซึ่งอยู่ในแวดวงไฮโซ แจ้งมาว่า มีคนๆ นึงเวลาไปเที่ยวมักมีพฤติกรรมหยอดยาให้ผู้หญิงหมดสติ” โดยโพสต์นี้มีแฟนเพจเข้ามากดไลก์กว่า 1 แสนคน มีคอมเมนต์กว่า 1 หมื่นข้อความ
“รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์” ทนายความชื่อดังอีกคนก็โพสต์ข้อความ พร้อมภาพตำรวจนำอุปกรณ์ค้นหาแก้วไวน์ในเรือคดีแตงโม-นิดา ดารานักแสดงที่ตกเรือเสียชีวิตผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า
“เดี๋ยวก่อน! ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ทำลายพยานหลักฐาน ทำไมตำรวจให้ประกันตัว ภาพนี้คือตำรวจนนท์นำอุปกรณ์ค้นหาแก้วไวน์ในเรือที่คนบนเรือโยนทิ้งน้ำ (ทำให้เหลือแก้วแค่ใบเดียว) ไม่รู้จะเจอหรือเปล่า แต่ผมคาดว่าที่โยนเพื่อปกปิดเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ไม่ให้คนรู้ว่าเมาแล้วขับเรือทำผู้โดยสารตกไปตาย”
ส่วนด้านตำรวจ “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการคลี่คลายคดี ว่า ได้สั่งให้ตรวจสอบทุกประเด็น ซึ่งตอนนี้ยังรอผลจากกองพิสูจน์หลักฐาน ทั้งเรื่องวัตถุพยาน การผ่าพิสูจน์ศพ ผลตรวจบาดแผลที่เกิดขึ้นมาจากไหน เกิดขึ้นเมื่อไร ซึ่งเหล่านี้จะนำมาประกอบกับข้อมูลด้านอื่นๆ ทั้งคำให้การ โทรศัพท์มือถือ จีพีเอสเรือ ข้อมูลพยานแวดล้อม ซึ่งทุกอย่างจะมีความที่ชัดเจนขึ้นมากกว่าเดิมภายใน 2-3 วัน
สำหรับการสันนิษฐานสาเหตุการเสียชีวิต ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า พยานหลักฐานยังไม่มีอะไรมากกว่าอุบัติเหตุ
งานนี้กระแสสังคมกดดันตำรวจ ต้องรอดูว่า ที่ว่า 2-3 วันชัดเจนนั้นอะไรชัด ขัดแย้งสายตา หรือว่ากระจ่างแจ้ง โปรดติดตาม