พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เผยเจ้าหน้าที่นิติกรการรถไฟฯ ชื่อ "ยิ้ม" ผู้ปิดทองหลังพระ สู้คดีโฮปเวลล์ จนศาลสั่งรับคำขอพิจารณาใหม่ รื้อคดีค่าโง่
วันนี้ (5 มี.ค.) เฟซบุ๊ก "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - Pirapan Salirathavibhaga" ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งรับคำขอพิจารณาใหม่ในคดีโฮปเวลล์ ระบุว่า
"ปิดทองหลังพระ
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจและยินดีกับผลงานคดี “ค่าโง่โฮปเวลล์” ที่คาราคาซังมายาวนานกว่าสามสิบปี
กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ง่ายเลยครับ ผมเองต้องใช้เวลาเกือบทั้งหมดตั้งแต่กลางปี 62 เหนื่อยไปกับการสะสาง ตรวจสอบ ตรวจทาน และเรียบเรียงเอกสารต่างๆ ที่หมักหมมมานานกว่าสามสิบปี เปลี่ยนมาหลายรัฐบาล จนขึ้นใจทุกขั้นตอน
เรื่องนี้เอาจริงๆ แล้วต้องมีคนรับผิดอีกหลายคน แม้บางคนบางรายการอาจจะขาดอายุความในการเอาผิดแต่ก็สมควรที่จะต้องกระชากหน้ากากให้รู้ว่าตลอดสามสิบกว่าปีที่ผ่านมาใครเป็นใคร ใครทำอะไรไว้บ้าง เราถึงต้องมาตามแก้เป็นลิงแก้แหในวันนี้
แม้วันนี้เองคดีก็ยังไม่จบนะครับ ยังต้องทำอีกหลายเรื่อง
เปิดเผยได้อีกเรื่องคือขณะนี้เรากำลังฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้พิพากษาว่าการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคดีโฮปเวลล์เป็นโมฆะตามกฎหมาย เท่ากับว่าบริษัทนี้ไม่เคยมีตัวตนในโลกนี้ ผลคือ การใดๆ ที่ทำไปในนามบริษัทนี้เป็นโมฆะทั้งหมดไปด้วย
รออีกนิดนะครับ
ตอนนี้ก็ถึงตาที่ผมจะต้องขอบคุณและชื่นชมคนคนหนึ่งบ้าง คนที่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครรู้จัก เป็นคนเล็กๆ ที่ทำงานเงียบๆ ไม่ประสงค์จะเปิดเผยตัวหรือเป็นข่าว คนคนนี้เป็นคนที่ผมไม่คิดว่าจะมีในโลก ผมอยากได้คนแบบนี้มาช่วยงานนานมาแล้ว นานมาก คือตั้งแต่ผมเริ่มทำงานใหม่ๆ เมื่อสี่สิบปีก่อน แต่ไม่เคยหาได้ ผมเลยต้องทำงานทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างแสนเหน็ดเหนื่อยตามลำพังตลอดมา จนมาทำเรื่องโฮปเวลล์
ผมโชคดีอย่างยิ่งที่ได้เจ้าหน้าที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยคนหนึ่งมาช่วยงาน คนคนนี้ชื่อ “สุทธิรักษ์ ยิ้มยัง” ชื่อเล่นว่า “ยิ้ม”
“ยิ้ม” เป็นพนักงานการรถไฟฯ ตำแหน่งอนาบาล เรียกง่ายๆ ว่านิติกร ยิ้มเป็นคนเดียวที่ช่วยงานเรื่องนี้ผมมาตั้งแต่ต้น
งานชิ้นนี้ถ้าไม่ได้ยิ้มก็อาจไม่มีวันนี้ เพราะผมอาจทำงานไม่เสร็จตามกำหนดเวลาตามกฎหมาย ผลคือ “ยื่นเรื่องไม่ทัน” หรือไม่อย่างนั้นผมคงไม่ต้องนอนสามสี่วันติดกันในแต่ละเรื่อง เพราะเอกสารและข้อมูลเยอะมาก กว่าจะเขียนแต่ละเรื่องเสร็จใช้เวลามากและต้องค้นเอกสารและข้อมูลแบบท่วมหัว
ปรากฏว่ายิ้มจำได้หมดทุกเรื่อง
ไม่ว่าผมจะติดขัดหรือสงสัยข้อมูลอะไรตรงไหน ถามปั๊บยิ้มตอบได้ทันทีทุกเรื่องทุกขั้นตอน ผมสามารถยกร่างเรื่องต่างๆ ได้โดยเว้นว่างข้อความหรือข้อมูลที่ยังนึกไม่ออกในเวลานั้นไว้ได้โดยไม่ต้องหยุดพักไปค้นข้อมูลก่อน เสร็จแล้วก็ส่งให้ยิ้มช่วยเติมความให้เต็มได้อย่างถูกต้อง บางเรื่องผมบอกแนวทางบอกประเด็นให้ยิ้มยกร่างเบื้องต้นมาก่อนเพื่อที่ผมจะได้ไปทำงานอื่นได้แล้วค่อยกลับมาปรับนิดหน่อยก็เสร็จ ทำให้ผมสามารถเดินหน้าเตรียมการเรื่องอื่นๆ ได้พร้อมๆ กันมากขึ้น
ผมถามยิ้มว่าทำไมตอบผมได้หมด เขาบอกว่าเขาอ่านและเตรียมการล่วงหน้าไว้หมดนานมาแล้ว
ผมหาแบบนี้มานานครับเพิ่งจะเจอ ยิ้มเขาบอกผมว่าทุกวันนี้เขาเป็นห่วงการรถไฟฯ และบ้านเมืองกับปัญหาคดีนี้มาก ก่อนจะมารู้จักมาทำงานกับผมเขาได้ศึกษาค้นคว้าเตรียมข้อมูลตลอดมาแม้ไม่รู้ว่าจะได้ใช้หรือไม่ เขาบอกว่าเขาอยากทำด้วยใจจริงไม่ใช่เพราะตำแหน่งหน้าที่
ทำงานกันมาหลายปีผมก็เห็นยิ้มอยู่ที่เดิมตำแหน่งเดิม ทั้งๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาโฮปเวลล์ให้การรถไฟฯ ต้นสังกัดและช่วยผมแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้คนทั้งประเทศมานาน ผมถามยิ้มว่าที่ทำงานไม่มีตำแหน่งว่างที่จะโยกย้ายสูงขึ้นเลยหรือ เขาบอกว่ามี หัวหน้าเขาเพิ่งจะเกษียณพอดี
ผมบอกว่าคิวคุณขึ้นตำแหน่งนี้ได้ไหม เขาบอกว่าได้ แต่ขอให้อีกคนหนึ่งขึ้นจะดีกว่า เพราะหากต่อไปต้องสู้คดีโฮปเวลล์ในศาลแล้ว อีกคนหนึ่งจะทำงานได้ดีกว่าเขา ผมบอกว่าคุณลองไปคิดดูว่าคุณจะไปไหนได้บ้าง เขากลับมาบอกผมในเวลาต่อมาว่าคิดได้แล้วว่าจะขอไปอยู่แผนกพยาบาล
ผมงงมากว่าจะไปทำอะไรที่แผนกพยาบาล คำตอบคือ เขาคิดว่าที่แผนกพยาบาลไม่มีงานอะไรมากเขาจะได้ใช้เวลาเตรียมข้อมูลต่างๆ เรื่องโฮปเวลล์มาช่วยผมได้เต็มที่ ถ้ายังอยู่ที่เดิมก็ต้องทำงานอื่นด้วย ถ้าเขาทำเรื่องนี้เรื่องเดียวก็ต้องกินแรงเพื่อนให้ทำเรื่องอื่นแทนเขา
ผมถามว่าไปอยู่แผนกพยาบาลแล้วต่อไปจะกลับไปแผนกอื่นได้อย่างไร เขาบอกว่าไม่เป็นไร ผมบอกว่าแล้วมันจะก้าวหน้าในอาชีพได้อย่างไร เขาบอกว่าไม่เป็นไร
ผมถามว่าคุณคิดอะไรของคุณ เขาบอกว่าเขาคิดเพียงว่าขอให้เขามีเวลาทำงานเรื่องโฮปเวลล์ให้สำเร็จแค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว แม้เขาต้องหยุดชีวิตราชการไว้ที่แผนกพยาบาลเขาก็ยอม
เชื่อไหมครับว่าคนแบบนี้ยังมีในโลกจริงๆ
เวลายิ้มมารายงานเรื่องต่างๆ กับผม จะมีเพื่อนมาด้วยคนหนึ่ง แรกๆ ผมคิดว่าเป็นทีมงานของเขา แต่สังเกตว่านายคนนี้ไม่ค่อยพูดจาอะไร ผมเลยถามว่าคนนี้เป็นใคร คำตอบคือเป็นเพื่อนที่ขับรถพาเขามาหาผมเพราะเขาขับรถไม่เป็น เวลาไปไหนมาไหนเขาใช้รถเมล์ แต่มาหาผมต้องรีบกลัวผมรอนานเลยวานเพื่อนให้ขับรถมาให้ หลายครั้งที่ประมาณสี่โมงเย็นผมจะตามยิ้มไม่เจอ วันหนึ่งผมถามยิ้มว่าคุณหายไปไหนตอนเย็นๆ เขาบอกว่าต้องขอโทษเพราะเขาต้องไปดูแลแม่ที่แถวรังสิต ผมถามว่าแล้วไปอย่างไร คำตอบคือนั่งรถไฟแล้วไปต่อรถเมล์
นี่คือ “ยิ้ม” คนที่ทำงานทุ่มเทกับการต่อสู้คดีให้บ้านเมืองเป็นหมื่นล้าน แต่ยังไปไหนมาไหนด้วยรถเมล์ตลอดเวลา
เมื่อวานพอฟังคำสั่งศาลปกครองสูงสุดเสร็จผมบอกยิ้มว่าเห็นมีนักข่าวรออยู่ข้างล่างเดี๋ยวช่วยอธิบายเรื่องราวให้นักข่าวฟังด้วย ยิ้มขอโทษผมบอกว่าเขาเป็นแค่พนักงานการรถไฟฯ และต้องรีบกลับไปทำงาน
นี่แหละครับที่เรียกว่า “ปิดทองหลังพระ” ตัวจริง
วันนี้หลายคนชื่นชมและชมเชยผม แต่ผมขอชื่นชมและขอชมเชยยิ้ม “นายสุทธิรักษ์ ยิ้มยัง” พนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย
พนักงานตัวเล็กๆ ที่มีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ ผู้ปิดทองหลังพระเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง
หมายเหตุ : ผมอยากลงรูป "ยิ้ม" ด้วย แต่เพราะที่ผ่านมามัวแต่ยุ่ง ทำงานกัน ไม่เคยคิดเรื่องถ่ายรูปกันเลย วันหลังจะเอารูปยิ้มมาลงให้ดูกันนะครับ"
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
อนึ่ง เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ศาลปกครองสูงสุด โดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีคำร้องที่ 394-396/2564 ระหว่างกระทรวงคมนาคม ผู้ร้องที่ 1 และการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้ร้องที่ 2 กับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้คัดค้าน อันเป็นคดีที่กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทยอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลางที่ไม่รับคำขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ไว้พิจารณา
ซึ่งหมายถึงศาลปกครองสูงสุดสั่งรื้อคดี โฮปเวลล์ ที่กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท.ต้องจ่ายค่าเสียหายให้เอกชนเป็นเงินประมาณ 24,000 ล้านบาท โดยหลังจากนี้ภาครัฐจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับบริษัท โฮปเวลล์ หรือไม่ ต้องรอให้กระบวนการการตัดสินอีกครั้ง