นึกว่าคนไทยโง่? “เทพมนตรี” ลากไส้ “คกก.แอมเนสตี้” หมดพุง โยงใยก๊วนสามนิ้ว? เพื่อน ส.ส.คนดัง พรรคก้าวไกล “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” เผยจดทะเบียนกับ มท. จี้สอบรับทุน ตปท.? ยกตัวอย่าง อินเดียจับกุมนาย Parvez ขับไล่ได้
น่าสนใจเป็นอย่างยิง วันนี้ (24 พ.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “เทพมนตรี” เปิดลึก “คกก.แอมเนสตี้” เชื่อมโยงก๊วนสามนิ้ว? พบเป็นเพื่อนของ ส.ส.ก้าวไกล?
โดยระบุว่า จากกรณี แอมเนสตี้ ไทยแลนด์ ประกาศแคมเปญ จะเขียนจดหมายล้านฉบับถึงทั่วโลก จี้ทางการไทยหยุดดำเนินคดีกับ “รุ้ง ปนัสยา” ซึ่งต่อมาทางด้าน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ออกมาล่ารายชื่อประชาชนจำนวน 1 ล้านชื่อ ลงชื่อขับไล่กลุ่ม “แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล” ออกจากประเทศไทย
ขณะเดียวกัน วันที่ 25 พ.ย.นี้ กลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันฯ 6 องค์กร จะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ประเด็น Amnesty ก้าวก่ายแทรกแซงกิจการภายในของไทย ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมของไทย โดยเฉพาะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส่อสนับสนุนให้ท้ายคนหรือกลุ่มคนที่จาบจ้วงสถาบันฯ
หากย้อนไปเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 63 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดตัว คณะกรรมการชุดล่าสุด ประกอบไปด้วย ศศวัชร์ คมนียวนิช เหรัญญิก, วศิน พงษ์เก่า กรรมการ, ฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล ประธานกรรมการ, นาซานีน ยากะจิ กรรมการเยาวชน, ณพัทธ์ นรังศิยา กรรมการ ซึ่งที่น่าสนใจก็คือ ประธานกรรมการของแอมเนสตี้ ประเทศไทย ซึ่งก็คือ ฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล อาจารย์ประจำศูนย์กฎหมายระหว่างประเทศ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ล่าสุด วันนี้ (24 พ.ย. 64) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กถึงกรณีคณะกรรมการของแอมเนสตี้ ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมือง โดยระบุว่า
1. ในกรมการแอมเนสตี้ ไทยแลนด์ ที่แท้ก็เพื่อนจ่านิว เข้าใจเล่นกันนะ ไม่ด่าคำหยาบเก็บไว้เป็นข้อมูลให้ ดร.เสกสกลจะได้จัดการเสียทีเดียวครับ
วศิน พงษ์เก่า 1 ใน คณะกรรมการแอมเนสตี้ คือ เพื่อนซี้ ไผ่ ดาวดิน และเป็นกลุ่มดาวดินที่เชื่อมโยงอีสานเรคคอร์ด วนเวียนอยู่ในผู้คนเหล่านี้ ดร.เสกสกล (แรมโบ้) จัดการด้วย
ณพัทธ์ นรังศิยา ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM) ได้แก่ นายรังสิมันต์ โรม, น.ส.ชนกนันท์ รวมทรัพย์, นายกรกช แสงเย็นพันธ์, น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว, นายณพัทธ์ นรังศิยา, นายธีระชัย ศาลเจริญกิจถาวร, นายกรกนก คำตา, นายรัฐพล ศุภโสภณ, นายปณต ศรีโยธา, นายกันต์ แสงทอง, นัชชชา กองอุดม, นายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ และ นายปกรณ์ อารีกุล
นายณพัทธ์ นรังศิยา 1 ในคณะกรรมการแอมเนสตี้ ไทยแลนด์ เพื่อนซื้ รังสิมันต์ โรม
บันทึกประวัติศาสตร์บุคคล ไม่ด่า ไม่หยาบคาย นะครับ
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น อดีตบิ๊กข่าวกรองฯ เผยลึกแอมสเนสตี้ฯ จดทะเบียน มท. สอบเส้นทางเงินรับทุน ตปท.? มี พนง.คนไทย 20
เนื้อหาระบุว่า จากที่ Amnesty International Thailand แถลงการณ์ผ่านโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก โดยอ้างถึงความจริงจำนวน 6 ข้อ ทำให้ประชาชนคนไทยออกมาต่อต้านว่าเป็นข้อความที่ไม่จริง ทำให้มีบุคคลออกมาให้ข้อมูลที่น่าสนใจยิ่ง!!!
ทั้งนี้ โดยแถลงการณ์ของแอมเนสตี้ฯบางส่วน ที่สำคัญระบุว่า เป็นอีกหนึ่งองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร หรือ เอ็นจีโอ ที่เข้ามามีบทบาทในประเทศไทย จากการทำกิจกรรมรณรงค์ต่างๆ เพื่อเรียกร้องสิทธิให้แก่ผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ
บางคนมีความเข้าใจผิดที่ว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นองค์กรที่รับเงินมาจากรัฐบาลต่างประเทศ แต่ในความเป็นจริง เงินทุนสำหรับการจัดกิจกรรมของเรา ล้วนแต่มาจากการรับบริจาคของบุคคลทั่วไป ที่มีความสนใจด้านสิทธิมนุษยชน และค่าสมัครสมาชิกในแต่ละปี เพราะแอมเนสตี้ฯเป็นองค์กรอิสระที่ไม่แสวงหาผลกำไร และปฏิเสธที่จะรับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล หรือแหล่งทุนอื่นๆ
เป็นองค์กรที่ไม่ฝักใฝ่ทางการเมือง แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นองค์กรที่รณรงค์ในประเด็นเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน โดยไม่ฝักใฝ่อุดมการณ์ทางการเมือง หรือลัทธิใดๆ เน้นทำงานเกี่ยวกับการรณรงค์เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม และการให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนแก่ประชาชนทั่วไปเท่านั้น เนื่องจากแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล มีพันธกิจเพียงเพื่อให้สังคมเกิดการตระหนักถึงสิทธิมนุษยชน
ล่าสุด วันนี้ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้แอมเนสตี้ฯ ว่า
“แอมเนสตี้ฯอยู่ใต้กฎหมายไทย คนไทยที่จะไปชุมนุมกดดันให้รัฐบาลไล่แอมเนสตี้ฯออกไปจากเมืองไทย ผมเชียร์ เห็นด้วย และอยากให้ออกไปพ้นๆ ประเทศไทย
แอมเนสตี้มีสองส่วน แอมเนสตี้อินเตอร์เนชันนัล สำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และปาซิฟิก จดทะเบียนกับกระทรวงแรงงาน ส่วนแอมเนสตี้ที่วุ่นวายอยู่นี้ จดทะเบียนเป็นสมาคมกับกระทรวงมหาดไทย โดยรับเงินสนับสนุนมาจากต่างประเทศ มีพนักงานคนไทยกว่า 20 คน
จะเป็นเอ็นจีโอไม่แสวงหากำไร จะมาจากประเทศไหนไม่สำคัญ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทย ถ้าการทำงานกระทบหรือบ่อนทำลายต่อความมั่นคง ก็ผิดกฎหมาย ต้องจัดการ
ขอเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบที่มาของเงินทุน เงินดำเนินงานถูกต้องหรือไม่ การดำเนินถูกต้องตามวัตถุประสงค์ที่จดทะเบียนหรือไม่
เมื่อวันก่อน อินเดียจับกุมนาย Parvez ซึ่งมีฐานะเป็นผู้ประสานงาน JKCCS ปัญหาแคชเมียร์ในความยึดครองของอินเดีย ถูกจับกุมข้อหาระดมทุนเพื่อสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนในแคชเมียร์
ไม่มีประเทศไหนยอมให้เอ็นจีโอมีเสรีภาพทำอะไรก็ได้ตามใจ ตามสั่งของเจ้าของเงินทุน อย่าหลงใหลคำว่าเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน จนประเทศฉ.. หาย อย่าเห็นแก่เงินต่างชาติจนทรยศบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง อย่าเห็นฝรั่งหัวแดงดีกว่าคนในชาติตนเอง”
แน่นอน, ข้อมูลที่ถูกเปิดเผยออกมา จาก อ.เทพมนตรี และจาก นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ทำให้เห็นได้ชัดว่า ทำไมการเคลื่อนไหวขององค์กรนี้ จึงดูเหมือนเอียงข้างม็อบ 3 นิ้ว อย่างน่าเคลือบแคลงสงสัย
อ.เทพมนตรี พยายามเชื่อมโยงตัวบุคคลให้เห็นว่า ที่แท้แล้ว กรรมการแอมเนสตี้ฯประเทศไทยชุดปัจจุบัน มีความเชื่อมโยงกับก๊วน 3 นิ้ว และส.ส.พรรคก้าวไกลบางคน ซึ่งทำให้หลายคนถึงบางอ้อว่า ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง
ส่วน นายนันทิวัฒน์ อดีตบิ๊กข่าวกรองแห่งชาติ ชี้ว่า องค์กรนี้อยู่ภายใต้กฎหมายไทย โดยจดทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทย จึงสามารถตรวจสอบได้ ตั้งแต่เส้นทางการเงิน การทำงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ และหากทำการในลักษณะเป็นภัยต่อความมั่นคง ก็สามารถที่จะขับไล่ให้พ้นประเทศ อย่างที่หลายองค์กรกำลังเคลื่อนไหว
ประเด็นที่น่าสนใจไปกว่านั้น ก็คือ แอมเนสตี้ฯ ประกาศตัวชัดเจนว่า ไม่ฝักใฝ่อุดมการณ์ทางการเมืองใดๆ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่ใช่องค์กรที่หวังผลกำไร ไม่รับเงินจากรัฐบาลต่างประเทศ และองค์กรอื่นใด นอกจากเงินบริจาคและค่าสมาชิก แค่เคลื่อนไหวให้เคารพสิทธิมนุษยชน
แต่ความจริงที่ผ่านมา คนไทยเห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า องค์กรนี้เคลื่อนไหวสอดรับกับม็อบ 3 นิ้ว โดยเฉพาะหลังถูกจับกุม เนื่องจากทำผิดกฎหมาย และจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันฯ ทุกครั้งที่มีการชุมนุม ทั้งยังไม่สนใจว่า ม็อบ 3 นิ้วละเมิดกฎหมายอย่างไร ละเมิดสถาบันฯอันเป็นที่เคารพรักของคนไทยอย่างไร ไม่เคยเตือน หรือ ตำหนิม็อบ 3 นิ้ว ทั้งที่ช่วงหลังมีการใช้อาวุธรุนแรงกับเจ้าหน้าที่
แม้กระทั่งการรณรงค์ตามแคมเปญเขียนจดหมายช่วย “รุ้ง” ก็เป็นการฝักใฝ่ม็อบ 3 นิ้ว อุดมการณ์ทางการเมือง ต่อต้านสถาบันฯด้วยหรือไม่?
เห็นได้ชัดว่า แอมเนสตี้ฯ ทำตรงข้ามกับที่ประกาศเอาไว้ทั้งหมด
ความจริง ถ้าย้อนดูสิ่งที่ อ.เทพมนตรี ลากไส้กรรมการออกมา ก็ไม่มีอะไรที่น่าแปลกใจเลย เพราะเห็นได้ชัดว่า ทั้งกรรมการแอมเนสตี้ฯ กับ ขบวนการ 3 นิ้ว มีความใกล้ชิดกันมากแค่ไหน
ยุคก่อนโน้นอาจทำตามที่ประกาศเอาไว้ เพราะยังไม่มี ขบวนการ 3 นิ้ว และไม่มี “กรรมการ 3 นิ้ว” ฝักใฝ่ม็อบ 3 นิ้ว แต่ยุคนี้ คำประกาศขององค์กร มันแค่สิ่งที่ฟ้องว่า สิ่งที่พูดและทำบิดเบือนหรือไม่ เท่านั้น
