“แก้วสรร” มีคำตอบ ผลทางกฎหมาย คดีล้มล้างการปกครองฯ ชี้ ขบวน 3 นิ้ว เผด็จการจำแลง นักวิชาการดังประกาศผ่านโซเชียล แจ้งจับ “ปิยบุตร” “รุ่นใหญ่” ไฝว้กันแล้ว! “อดีตบิ๊กการข่าว” รำคาญ “ชาญวิทย์” พล่ามแต่ขู่
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (13 พ.ย. 64) แก้วสรร อติโพธิ เขียนบทความถามตอบ “ผลทางกฎหมายของคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ คดี 3 นิ้ว เคลื่อนไหวล้มล้างรัฐธรรมนูญ”
ถาม : ฐานคิดของมาตรา 49 แห่งรัฐธรรมนูญ ที่ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขบวนการสามนิ้วต้องยุติความเคลื่อนไหวล้มล้างสถาบันกษัตริย์นั้น มีที่มาอย่างไร
ตอบ : มาจากบทเรียนของเยอรมันที่เปิดโอกาสให้ฮิตเลอร์ใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เคลื่อนไหวสร้างมวลชนปฏิวัติ ขึ้นมาทำลายระบอบรัฐธรรมนูญกลายเป็นระบอบเผด็จการเต็มตัว พาชาติไปสู่ความล่มจมในที่สุด ดังนั้น จึงต้องสร้างกลไกให้ประชาชนใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญได้
ถาม : ถ้าสามนิ้ว จะเป็นภัยต่อการปกครองโดยรัฐธรรมนูญจริง ต้องปรากฏความเป็น “มวลชนปฏิวัติ” เหมือนฮิตเลอร์เช่นใด
ตอบ : ต้องดูจากเทคนิคการจัดตั้งเป็นสำคัญครับ ว่า
1. ต้องหากินกับความเกลียดชัง ปลุกระดมป้ายร้ายว่าสถาบันคือต้นตอที่แท้จริงของความสิ้นหวังในปัจจุบัน
2. ต้องสื่อสารให้เห็นสถาบันเป็นปีศาจผูกขาดความเลว ที่ต้องจงเกลียดจงชังเผาทำลาย เพราะในแง่เทคนิคสร้างมวลชนนั้น คนธรรมดาจะรวมตัวเป็นมวลชน ลืมตัวตนความคิดอ่านได้ ก็ด้วยความจงเกลียดจงชังร่วมกันเท่านั้น ยิ่งเกลียดก็ยิ่งรวมตัว ยิ่งรวมตัวก็ยิ่งเกลียด เป็นพลวัตไปอย่างนี้ คำพูดที่ว่าจะปฏิรูปจึงเป็นแค่การอำพรางตัวเท่านั้น ใครที่โผล่มาคัดค้านติติงก็ต้องชี้เป็นบริวารปีศาจที่ต้องต่อตีทำลายใส่ร้าย ไม่มีการรับฟังแลกเปลี่ยนความเห็นใดๆ
3. ต้องมีการจัดตั้งเคลื่อนไหวเป็นขบวนการ คึกคักต่อเนื่องหยุดไม่ได้ ในระยะแรกต้องปกปิดการจัดตั้งเครือข่าย ต้องไม่โชว์ตัวผู้นำ โดยอ้างว่าไม่มีแกนนำ เป็นความเคลื่อนไหวโดยธรรมชาติ โดยจะไม่ยอมขออนุญาตตามกฎหมายให้ปรากฏตัวผู้รับผิดชอบเลย
ถาม : ฟังแล้วความเคลื่อนไหวแบบนี้ ครรลองนี้ ไม่ใช่ประชาธิปไตย
ตอบ : ไม่ใช่ครับ เป็นเผด็จการจำแลงซ่อนเข้ามาใช้สิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ต้องหาทางหยุดยั้งขบวนการแบบนี้
ถาม : ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สามนิ้วกำลังเติบโตจัดตั้งเคลื่อนไหวเป็นมวลชนปฏิวัติหรือครับ
ตอบ : ผมอ่านคำวินิจฉัยแล้วเห็น ข้อเท็จจริงและเหตุผลในคำวินิจฉัยเป็นเช่นนั้น นี่คือ ประเด็นแรกที่แลกเปลี่ยนกันได้ว่า เป็นเช่นที่ผมสังเคราะห์หรือไม่
ถาม : เมื่อศาลวินิจฉัยให้หยุดความเคลื่อนไหวเช่นนี้ จะมีผลทางกฎหมายเช่นใด
ตอบ : ผมเห็นว่าเป็นการตัดสินว่า ความเคลื่อนไหวของสามนิ้ว อยู่นอกรัฐธรรมนูญ และจะไม่มีความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญอีกต่อไป คือ ชี้ไปเลยว่าขบวนการนี้มีอยู่จริง และเป็นอันตราย เช่น ซ่องโจรทางการเมือง เลย
ถาม : จะเอาติดคุกกันให้หมดหรือ
ตอบ : เป็นการ Out Law เท่านั้น ไม่มีเหตุผลเป็นการสั่งให้ลงโทษอะไร ความเคลื่อนไหวใดเป็นคดีอาญาก็ว่าไปตามกฎหมายอาญาและศาลอาญา แต่ความเคลื่อนไหวนับจากนี้ต่อไปจะอ้างไม่ได้ว่าเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญอีกแล้ว ตรงนี้ถ้าไม่ยอมหยุดแล้วต้องคดีใหม่อีก เช่น ข้อหาปลุกปั่น ก็จะอ้างต่อไปไม่ได้อีกแล้วว่าตนเคลื่อนไหวตามครรลองรัฐธรรมนูญ เพราะถูกศาลรัฐธรรมนูญชี้ไปแล้วว่าพวกนี้อยู่นอกรัฐธรรมนูญ ศาลคดีอาญาจึงต้องถูกผูกพันตามนั้น
ถาม : ใช้กับคดีที่เกิดขึ้นใหม่ เคลื่อนไหวใหม่เท่านั้นหรือ
ตอบ : ถูกต้องครับ คำพิพากษาศาลต้องมีผลไปในภายหน้า ย้อนหลังไม่ได้
ถาม : แล้วแค่กฎหมายอาญา กระบวนการทางอาญาจะพอยับยั้งได้หรือครับ
ตอบ : ตรงนี้เป็นเรื่องของสภาว่า จะสร้างกฎหมายพิเศษจัดการขบวนการสามนิ้วแบบคอมมิวนิสต์หรือไม่ สมัยนั้นเรามีกฎหมายเอาผิด “การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์” เลย เป็นสมาชิกไม่ได้ สนับสนุนไม่ได้ ขังไม่ต้องผ่านศาลก็ได้จะเอากันอย่างนั้นหรือ ประสาทหรือเปล่า
ถาม : นอกจากคดีอาญาแล้วมีผลอะไรอีก
ตอบ : คำวินิจฉัยนี้ผูกพันส่วนงานที่ใช้อำนาจรัฐทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานเหล่านี้จะปฏิบัติหรือไม่
ถาม : เช่นอะไรบ้าง
ตอบ : ก็มีเยอะอยู่นะครับเช่น
1. ทุกส่วนราชการจะให้ใช้พื้นที่ชุมนุมไม่ได้ ถ้าไปใช้ถนนก็โดนกีดขวางทางทันทีไม่มีสิทธิอ้างรัฐธรรมนูญ ปีที่แล้วที่ผมและกลุ่มศิษย์เก่าขอไม่ให้สามนิ้วใช้พื้นที่ธรรมศาสตร์ก็เพราะเหตุนี้
2. บรรดาแกนนำที่ปกปิดตนเอง แฝงอยู่ในราชการ ก็ให้ออกจากราชการ ฐานประพฤติตนเป็นปฏิปักษ์ประชาธิปไตยได้ ถ้าเป็นพรรคการเมือง กกต.ก็เสนอศาลสั่งยุบได้ เป็น ส.ส.ก็เสนอศาลให้พ้น ส.ส.ได้ แต่ต้องเป็นเรื่องภายหลังคำพิพากษานะครับ
3. ปปง.เองก็ตรวจที่มาเงินอุดหนุนได้แล้ว ไม่ต้องกลัวถูกกล่าวหาว่ากลั่นแกล้งรังแก
4. กสทช. ก็กำหนดได้แล้วว่า ทุกสื่อจะออกหรือรายงานแถลงการณ์ ของขบวนการนี้ไม่ได้
5. กระทรวงต่างประเทศก็ต้องแจ้งไปยังสถานทูตต่างๆ ด้วยว่า เรา Out Law พวกนี้แล้ว
ฯลฯ
ถาม : แล้วพวก ส.ส.หรืออาจารย์ที่ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญล่ะครับผิดไหม
ตอบ : แค่ไม่เห็นด้วย และไม่ใช่ขบวนการสามนิ้ว ก็วิพากษ์ได้ แต่ด่าศาลไม่ได้ ขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีกฎหมายละเมิดอำนาจศาลคุ้มครองแล้วนะครับ
ถาม : แล้วตั้งแต่นี้ต่อไปใครจะแตะต้อง 112 ไม่ได้เลยใช่ไหม
ตอบ : ยังเสนอแก้ไขปรับปรุงได้ แต่ต้องใช้สิทธิตามครรลองไม่ใช่ปลุกให้จงเกลียดจงชังสถาบันเหมือนสามนิ้ว
ต้องเข้าใจตรงนี้ให้ได้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า ขบวนการสามนิ้วเป็นภัยต่อรัฐธรรมนูญแล้วเลิกไม่รับรองคุ้มครองการใช้สิทธิเสรีภาพอย่างนี้อีกต่อไปเท่านั้น ไม่ได้ปิดปากห้ามแตะต้องกฎหมายเกี่ยวกับสถาบัน
ถาม : ก็ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าข้อเสนอ 10 ข้อ ของสามนิ้วไม่ถูกต้องไม่ใช่หรือ
ตอบ : มันต้องมีองค์ประกอบอื่นมาสมทบให้เห็นภาพรวมว่าเป็นการล้มล้างด้วยความเกลียดชังและการจัดตั้งด้วย ไม่ใช่แค่ลำพังข้อเสนอเท่านั้น
สรุปแล้วผมว่า คำพิพากษานี้ต้องสื่อสารและใคร่ครวญนำไปปฏิบัติอย่างระมัดระวังสูงสุด อย่าสู้กับเผด็จการจนกลายเป็นเผด็จการเสียเองเป็นอันขาด บ้านเมืองจะยิ่งแตกแยกหนักขึ้น เข้าทางเขาอย่างจังโดยพวกเขาไม่ต้องเหนื่อยเลย
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็นนักวิชาการดังแจ้งด่วน บุกโรงพักจับปิยบุตร!...
โดยระบุว่า จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 10 ข้อเรียกร้อง ของกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งนำโดย อานนท์ นำภา, ภาณุพงศ์ จาดนอก, ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล มีความผิดฐานล้มล้างการปกครองนั้น
ทั้งนี้ พบวา นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm ถึงการดำเนินคดีกับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ว่า วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน นัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลดุสิต เรื่องสำคัญมาก
นอกจากนี้ นายเทพมนตรี ยังโพสต์ข้อความอีกครั้งว่า “สัปดาห์หน้าปิยบุตร โดนคดีครับ สั้นๆ กระชับๆ”
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก นายปิยบุตร มีภรรยาอยู่ฝรั่งเศส หลายคนจึงสงสัยว่า หากถูกดำเนินคดี อาจหลบหนีคดีหรือไม่ หรือจะอยู่สู้คดีอย่างถึงที่สุด เคียงข้างกับกลุ่มเด็ก เยาวชน ที่ต้องโดนคดีจำนวนมาก และหลายคนต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ แทบจะหมดอนาคต เพราะมีผู้ใหญ่บางคนปลุกระดมปั่นหัว???
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น รุ่นใหญ่ไฝว้กันแล้ว! อดีตบิ๊กการข่าว รำคาญชาญวิทย์...
โดยระบุว่า จากที่ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ระบุบางช่วงว่า “ล้มล้างการปกครองฯ” ว่าปฏิรูป หรือปฏิวัติ Reform or Revolution ด้วยจิตคารวะต่อนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และเพื่อราษฎรไทย ผมเศร้าใจและละอายใจ ที่ทั้งตัวบุคคลและทั้งสถาบัน กับทั้งเครือข่ายของรัฐข้าราชการทหาร/ตำรวจ/ตุลาการ ที่กุมอำนาจรัฐไทยอยู่ในขณะนี้ กระทำการทั้งปราบปราม ทำร้าย และทำลายชีวิตคนรุ่นใหม่ๆ อย่างไร้มนุษยธรรม
มีทั้งจับกุมคุมขัง (คุก) กระทำการดำเนินคดีความ โดยไม่ยึดถือตามหลักการณ์ของนิติธรรม และหรือนิติรัฐ ผมเศร้าใจและละอายใจ ที่บุคคลและหรือตัวแทนของสถาบันเหล่านี้ ส่วนใหญ่ก็เรียนจบไปจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยเรา
ผมทั้งละอายใจ และขายหน้า ที่บุคคลที่ได้รับการศึกษาสูงเช่นนี้ สามารถจะกระทำการที่ต่ำช้า และขัดต่อจิตวิญญาณประชาธิปไตย ขัดกับหลักการทางวิชาการนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ ได้ถึงเพียงนี้
ผมเชื่อว่า จากการศึกษาประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของการดำรงอยู่ และ/หรือการล่มสลายของสถาบันกษัตริย์ทั่วโลก ไม่ว่าจะในเอเชีย หรือยุโรป เช่น ในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
มีข้อสรุปเพียงสั้นๆ อยู่ที่ว่า หากมี “การปฏิรูป” ก็อยู่รอด แต่หากขัดขืนดำเนินไปแบบเดิมๆ หรือ แบบทั้งรุนแรง ทั้งร้ายแรง ก็จะหลีกเลี่ยง “การปฏิวัติ” ที่นองเลือดไปไม่ได้ ด้วยความชื่นชม และนับถือในน้ำใจและความกล้าหาญของนักประชาธิปไตยทุกรุ่น
ล่าสุด วันนี้ (13 พ.ย. 64) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้ออกมาโพสต์ข้อความตอบโต้ผ่านเฟซบุ๊กอย่างดุเดือดว่า
“น่ารำคาญ
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชัดเจนจนขนาดนี้ ยังไม่สลด ยังทำปากดี รำคาญไอ้พวกอาจารย์ที่ส่งเสียงขู่ฟอดๆ กลัวตัวสั่นเลย
จะปฏิวัติ จะต้องนองเลือด สงครามกลางเมือง เปลือยตัวตนหมดแล้ว ว่ากระหายเลือด ไม่สงบสันติจริงๆ ขนาด พคท.องค์กรปฏิวัติ มีการจัดตั้งเข้มแข็ง ยังไปไม่รอด
จาบจ้วงสถาบันที่คนทั้งประเทศรักและหวงแหน ใครมันจะยอม ไม่อยากท้านะ ออกมานำเองเลย เอาไงเอากัน
ขอยืมวาทะหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ กูไม่กลัวมึง”
แน่นอน, สิ่งที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิด ก็คือ ถึงขนาดมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ให้เห็นความผิด “ขบวน 3 นิ้ว” อย่างชัดเจน และห้ามการกระทำดังกล่าวอีกต่อไป พร้อมมีผลผูกพันกับทุกองค์กร อันถือเป็นการป้องปรามเอาผิดเอาไว้อย่างกว้างขวาง
รายละเอียด อ.แก้วสรร ตอบเอาไว้อย่างชัดเจน
การต่อสู้ เพื่อ “ปฏิรูปสถาบันฯ” จะยุติลงเพียงแค่นี้ หรือ ไปต่ออย่างไร? เพราะอย่างน้อยก็มีคำขู่ “สงครามกลางเมือง” ของ ทั้ง “ปิยบุตร” และ “ชาญวิทย์” ต่อเรื่องนี้ จะเกิดขึ้นได้ด้วยเงื่อนไขอะไร
ที่สำคัญ จะทำให้ขบวนการ 3 นิ้ว เคลื่อนไหวได้มากแค่ไหน เมื่อเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมีคำวินิจฉัยของศาลฯ เป็นแนวทางในการดำเนินคดี และถ้าทำผิดในลักษณะเดิม โทษรุนแรงอย่างมากด้วย
ที่น่าจับตามองไปกว่านั้น ในเมื่อขบวน 3 นิ้ว เคลื่อนไหวไม่ได้ “อีแอบ” ที่อยู่เบื้องหลัง มีโอกาสออกมานำเองหรือไม่ หรือยังคงยุเด็กให้เลี่ยงโทษหนักขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างอำมหิตกว่าที่ผ่านมา นี่คือ ประเด็นที่น่าติดตาม