ยุขึ้น!? หลัง “ปิยบุตร” ยก “ทะลุแก๊ซ” คือ มวลชนลุกขึ้นสู้แบบปฏิวัติ วันนี้เปิดตัว “ภาคีปฏิวัติประชาชนไท-PRA” ประกาศ “ยึด กทม.” ขณะแนวร่วมเสียงแตก อยากจบม็อบ เริ่มตาสว่าง “โบว์” โต้สามกีบ “อยากให้ทุกอย่างล้มเหลว”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (17 ต.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น ทะลุแก๊ซ-PRA เผยจุดยืน 4 ข้อ ต้องการล้มล้างการปกครอง ยั่วยุสงครามกลางเมือง สนับสนุนก่อการร้าย?
โดยระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีที่กลุ่มทะลุแก๊ซ ซึ่งเป็นกลุ่มป่วนเมือง ที่มีการจัดวางเป็นขบวนการ มีการขนคนจากต่างจังหวัดเข้ามาร่วมขบวนการป่วนเมือง อีกทั้งในกลุ่มของทะลุแก๊ซ มักจะใช้อาวุธจำพวกระเบิดเพลิง และระเบิดไทยประดิษฐ์เป็นอาวุธหลัก ในการโจมตีเจ้าหน้าที่ ทำให้หลายๆ คนเกิดความสงสัยว่า กลุ่มดังกล่าวแท้จริงแล้วต้องการเรียกร้องสิ่งใด หรือแค่ต้องการให้พื้นที่ดินแดงเป็นเขตสีแดงความรุนแรงเท่านั้น
ล่าสุดหลัง ทะลุแก๊ซ เปลื่ยนชื่อเป็น “ภาคีปฏิวัติประชาชนไท-PRA” แนวทางต้อสู้ก็ชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ พวกเขาได้ประกาศผ่านทวิตเตอร์ของกลุ่ม ว่า ต้องการล้มล้างการปกครอง ปลดปล่อยอีสานล้านนา และปาตานี ซึ่งชัดเจนว่า จุดไฟแบ่งแยกดินแดนหรือไม่
ที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือ จุดยิน 4 ข้อ โดยมีรายละเอียดว่า
1. พรุ่งนี้เป็นต้นไป Twitter ทะลุแก๊ซจะถูกปรับไปใช้รูปแบบของ ภาคีปฏิวัติประชาชนไท อย่างเต็มรูปแบบ และทางเฟซบุ๊กจะเหลือไว้เพียงพื้นที่แจ้งข่าวเท่านั้น
และขอแจ้งไปยังมวลชนที่สนับสนุนเราให้ทราบว่า การจัดตั้ง PRA ไม่ได้เป็นการกดเพดานสันติวิธี แต่คือการดันเพดานของสันติวิธีทุกรูปแบบ
2. เพื่อสร้างพื้นที่ขยายแนวร่วมในการลุกขึ้นตอบโต้รัฐและกำหนดชีวิตร่วมกัน “ทั่วกรุงเทพฯ” ทางภาคีได้มีมติแล้วว่า เราจะทำการจัดตั้งกลุ่มนักปฏิวัติสามัญชนให้อยู่ในทุกตารางเมตรของกรุงเทพฯ เพื่อสร้าง Solidarity ในการต่อต้านเผด็จการ, รัฐชาติรวมศูนย์ และทุนนิยมสามานย์ที่ปล้นชิงพวกเรา
3. กลุ่มคนจัดตั้งเหล่านี้จะเป็นกลุ่มแรกที่ส่งต่อคบไฟแห่งการปฏิวัติประชาชน จุดความหวังในการสร้างสังคมแห่งความเท่าเทียมเรียกร้องรัฐธรรมนูญประชาชนเพื่อประชาชนโค่นล้มระบอบการปกครองเผด็จการกษัตริย์นิยมปลดปล่อยอีสานล้านนา ปาตานีให้เป็นอิสระในเป้าหมายต่อไป เพราะนี่คือการปฏิวัติชั่วชีวิต
4. นี่เป็นอีกครั้งที่สันติวิธีอหิงสาไม่ใช่คำตอบ ในสังคมที่ผู้คนล้วนแล้วแต่มีสำนึกทางการเมืองแบบหน้าไหว้หลังหลอกเป็นบรรทัดฐาน การเอาตัวรอด การไม่แยแสหรือยี่หระจวนรันทดต่อสภาพสังคมที่เกิดขึ้นนิ่งเฉยให้กับความอยุติธรรม เพราะถูกปกครองในระดับชีวญาณ สำนึกความถูกต้องจึงมีปัญหาในการเข้าใจ
ทั้งนี้ ในเพจของกลุ่มดังกล่าว ยังได้มีการโพสต์เนื้อหาเกี่ยวกับการก่อการร้ายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการเปิดเผยแนวคิดที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า กลุ่มดังกล่าวไม่ได้ต้องการเรียกร้อง เพียงแค่ต้องการความรุนแรงเท่านั้น ใช่หรือไม่
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น ซัดกันยับ! “ทะลุแก๊ส” เริ่มเสียงแตก อยากจบเกมม็อบ เริ่มตาสว่าง มวลชนติดคุกฟรี แต่คนหนุนได้ประโยชน์?
โดยอ้างทวิตเตอร์ของ เจ๊จุก คลองสาม ได้เปิดเผยภาพแชตในกลุ่มที่มีเครือข่ายทะลุแก๊ส และมวลชนจำนวนหนึ่งอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งใจความของการสนทนาออกมาในทำนอง ม็อบเริ่มเสียงแตก เพราะไม่พอใจการกระทำของทะลุแก๊สบางคน ที่ยังใช้อาวุธ และประทัด
รวมทั้งยังพูดถึงด้วยว่า ตอนนี้ม็อบแยกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่จะสู้แบบสันติและกลุ่มที่ต้องการปะทะ รวมทั้งยังมีการต่อว่าแอดมินเพจบางกลุ่ม ที่ยกเลิกการชุมนุม ไม่สู้ต่อ ทั้งๆ ที่มีคนติดคุก ถูกดำเนินคดีไม่ได้รับความช่วยเหลือ บางรายที่เคยออกมาป่วนเมืองด้วยกัน ถึงขั้นพิการ เจ็บหนักก็มี แต่ในกลุ่มยังนิ่งเฉย
นอกจากนี้ เจ๊จุก ยังได้แสดงความคิดเห็นด้วยว่า “ตั้งแต่ 7 ส.ค. เป็นต้นมา ที่พวกทะลุแก๊สออกมาป่วนดินแดง ได้เห็นพวกอีห้อยอีโหนออกมาเกาะกระแสกันรายวันเพื่อด่ารัฐบาล แต่พอเริ่มแผ่วเริ่มพลาด ไม่น่าเชื่อว่าแม้กระทั่งพวกเดียวกันเองยังออกมากระทืบซ้ำ ส่วนที่โดนจับติดคุกก็ถูกลืม สรุป ที่ออกมาสู้กันใครได้ประโยชน์ คนเจ็บคนติดคุกได้อะไร?”
อย่างไรก็ตาม น่าจับตามองอีกครั้งว่า ในตอนนี้กลุ่มทะลุแก๊สได้แตกออกเป็นหลายเสียง ในการจะเดินหน้าชุมนุมต่อ และในวันที่ 31 ต.ค. นี้ จะมีการนัดรวมตัวกับกลุ่มราษฎร จะมีมวลชนมาร่วมมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงกลุ่มทะลุแก๊สจะมีการใช้อาวุธปะทะแบบที่แยกดินแดงอีกหรือไม่
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น “โบว์” ตอบกลับสามกีบเจ็บ
โดยเนื้อหา เนื่องจาก “รัสเซล โครว์” ดารานักแสดงฮอลลีวูด ได้โพสต์ทวิตเตอร์ ชื่นชมเมืองไทยเรื่องภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และยังถ่ายภาพรัวๆ โปรโมตเชิญชวนให้คนมาเที่ยวเมืองไทย
แต่ต่อมาปรากฏว่า กลุ่มสามนิ้ว แสดงความคิดเห็นในเชิงลบต่อการเดินทางมาประเทศไทยของรัสเซล โครว์ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า น่าแปลกที่คนไทยกลับทำให้ประเทศตัวเองดูแย่ แต่ต่างชาติเขาชื่นชมเรามากๆ
.
ขณะที่ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ นักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้ออกมาโพสต์ทวิตเตอร์ Bow Nuttaa Mahattana @NuttaaBow กล่าวชื่นชมรัสเซล โครว์ ระบุว่า จากภูเก็ตมากรุงเทพฯต่อ good timing จริงๆ
จากนั้นได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า เค้าน่าจะสมเพชมากกว่าโปรโมตนะ ทำให้ น.ส.ณัฏฐา ตอบกลับไปว่า “ที่น่าสมเพชคือ คนที่พยายามลุ้นให้ทุกอย่างล้มเหลวมากกว่าค่ะ อะไรที่เป็นประโยชน์ส่วนรวมก็ควรแยกแยะบ้าง”
.
ทั้งนี้ จากโพสต์ดังกล่าวของ โบว์ ณัฏฐา จึงมีการแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก เช่น นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ว่า “ขอคารวะ คุณโบว์ครับ”
.
ขณะที่ ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง แชร์ทวิตเตอร์ของ โบว์ ณัฏฐา และมีผู้เข้ามาคอมเมนต์สนับสนุนและเห็นด้วยจำนวนมาก ว่า ชอบความมีเหตุผลของโบว์ อย่างน้อยเธอก็แยกแยะเป็น และถึงแม้ว่าเธอจะเห็นต่าง แต่ต้องยอมรับในทัศนคติที่บางเรื่องแยกแยะได้ ส่วนพวกที่ชอบต่อว่าประเทศตัวเอง อยากรู้จริงๆ ว่าไม่รักบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองบ้างหรือยังไง
.
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ในเพจเฟซบุ๊ก พี่คนดี ยังได้แสดงความคิดเห็นถึงกลุ่ม 3 นิ้ว ว่า เหลืออะไรบ้างที่ 3 นิ้วยังไม่แบน เหมือนเห็นอะไรดีๆ ในประเทศตัวเองแล้วทำให้ไม่ค่อยพอใจ รับไม่ได้ ดังนั้น การโพสต์ตอกหน้าในครั้งนี้ของ โบว์ ณัฏฐา ทำให้เห็นว่า เสียงส่วนมากในสังคมนี้ ไม่ได้หนุนทุกอย่างที่กลุ่ม 3 นิ้วชอบกระทำเสมอไป
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ความชัดเจนในแนวทางต่อสู้ของ ทะลุแก๊ซ ที่เปลื่ยนมาเป็น “ภาคีปฏิวัติประชาชนไท-PRA” พร้อมประกาศจุดยืน 4 ข้อ ที่ไม่เคยมีมาก่อน
แถมยังเหลือเชื่อว่า ลำพังกลุ่มทะลุแก๊ซ จะเขียนจุดยืนทั้ง 4 ข้อออกมาได้ ด้วยภาษาของ ขบวนการ “ปฏิวัติ” ได้อย่างไหลลื่น ทั้งยังใช้ภาษาที่สวยหรูไม่น้อย เขียนอย่างนี้นักวิชาการธรรมดายังทำไม่ได้เลย นี่คือ ข้อสังเกตว่า น่ามีเบื้องหลัง?
อะไรไม่สำคัญเท่ากับ ทำให้อดคิดถึง ความเห็นของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ต่อกลุ่มทะลุแก๊ซ ไม่ได้
โดย เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล โพสต์หัวข้อ [ปรากฏการณ์ “ทะลุแก๊ส” ที่ดินแดง คืออะไร?](26 ก.ย. 64)
.
ตอนหนึ่งระบุว่า “...นี่คือปรากฏการณ์ในลักษณะ “ผุดขึ้นมาเอง” - spontaneous ปราศจากองค์กรจัดตั้งหรือปลุกระดม
นี่คือปรากฏการณ์ในลักษณะ “ตอบโต้กับสิ่งที่รัฐกระทำมาตลอดขวบปีที่ผ่านมา” - action vs reaction
นี่คือปรากฏการณ์ในลักษณะ มีแนวโน้มไปสู่การลุกขึ้นสู้แบบปฏิวัติ - soulèvement révolutionnaire
เรามักมองเหตุการณ์ที่ดินแดง ว่า เป็นการก่อจลาจลของวัยรุ่นเด็กแว้นคึกคะนอง หรือ riot แต่นั่นคือ การมองจากภาพการกระทำภายนอก มองจาก action การปาพลุ ดอกไม้ไฟ การขว้างปาสิ่งของ การขี่มอเตอร์ไซค์เข้าปฏิบัติการ
แต่ถ้าเรามองลงไปให้ลึกกว่านั้น riot หรือ การก่อจลาจล แบบนี้ อาจมีลักษณะเป็น “การลุกขึ้นสู้” ด้วย
คนมือเปล่าแบบไหนกันที่จะกล้าเอาชีวิตตนเองเข้าไปเสี่ยงคุก เสี่ยงตาราง บาดเจ็บ ล้มตาย จากการปะทะกับเจ้าหน้าที่
เยาวรุ่นแบบไหนกันที่จะกล้าเอาอนาคตของตนเองเข้าไปเสี่ยง ยอมให้คนจำนวนมากก่นด่า ยอมถูกฝ่ายเดียวกันที่ต่อสู้กับรัฐบาลตั้งคำถาม
บางที อาจไม่ใช่การจลาจลทั่วๆ ไป อาจไม่ใช่เยาวรุ่นใจร้อน อยากใช้กำลังท้าตีท้าต่อยกับเจ้าหน้าที่
แต่คือ กลุ่มคนที่เกิดจิตสำนึกของการต่อสู้กับระบอบอันอยุติธรรม ไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่ ไม่ว่าจะเกิดจากปัจจัยใด และไม่ว่าจะเกิดเมื่อไร แต่จิตสำนึกนี้ได้กระตุ้นให้พวกเขาพร้อมเข้าเสี่ยงสู้กับอำนาจรัฐ อำนาจกฎหมาย เข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่บางครั้งอาจเสี่ยงตาย บาดเจ็บ ยินยอมเข้าเสี่ยง เพราะไม่ต้องการปล่อยให้ความอยุติธรรมนี้ดำรงต่อไป
การแสดงออกของ “ทะลุแก๊ซ” จะเป็นการก่อจลาจลดาดๆ หรือกลายเป็นการลุกขึ้นสู้แบบปฏิวัติ ประเด็นชี้ขาดอยู่ตรงนี้”
หรือว่า “ทะลุแก๊ช” ได้สนองตอบแรงยุของ “ปิยบุตร” เรียบร้อย
แต่ประเด็นที่น่าเป็นห่วงก็คือ การยึดสมรภูมิ กทม. เป็น “สนามรบ” เพราะไม่เพียงจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างสูง หากแต่อาจทำให้ กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ก่อวินาศกรรม ก็เป็นได้ เพราะอย่าลืมว่า เคยเกิดเหตุระเบิดร้ายแรงมาแล้ว
และถ้ากลุ่มทะลุแก๊ซทำตามจุดยืนทั้ง 4 ข้อจริง ความเดือดร้อนของประชาชนเมืองหลวงจะตามมาไม่ต่างกับ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เป็นได้?
แม้ดูตามสภาพกลุ่มทะลุแก๊ซในเวลานี้ อาจไม่มีสง่าราศีเพียงพอที่จะก่อการใหญ่ได้ แต่ก็ประมาทกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้ เพราะมีทั้งเงิน ทั้งคน แถมอาจมีมือไม้แขนขาในวงราชการที่เงิน “ง้าง” ได้ทุกอย่าง ถ้าจะทำจริง ก็ไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถ
ดังนั้น จึงนับว่าน่าจับตามองอย่างใกล้ชิด และถ้า “ตัดไฟเสียแต่ต้นลม” ได้ ก็ควรจะรีบเร่งทำเสียแต่วันนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป