xs
xsm
sm
md
lg

แห่แชร์ “อ้างเป็นแม่เด็ก” แฉ “นกม.ส้ม” จ้างชุมนุม 500-10,000 “แชตทะลุแก๊ส” หลุดอีก? “อำนวย” ซัด อันธพาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ แห่แชร์ “อ้างเป็นแม่เด็ก” แฉ “นกม.ส้ม” จ้างชุมนุม ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
จริงหรือไม่? “อ้างเป็นแม่เด็ก” แฉถูก “นกม.ส้ม” จ้างป่วนแลกเงิน 500-10,000 แชตทะลุแก๊ส หลุดอีก? ล่อกันเอง หลังปั่น ตร.จัดฉาก อีกฝ่ายให้กล้ารับ ฝีมือผู้ชุมนุม “อำนวย” ซัดตรงประเด็น อย่าตีความ “แก๊งอันธพาล” เป็น “ผู้ชุมนุม”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (8 ต.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น เปิดลึก เยาวชนร่วมชุมนุม ต่ำสุด 11 ปี แห่แชร์โพสต์ อ้างเป็นแม่เด็ก แฉถูกนักการเมืองสีส้มจ้างป่วนแลกเงิน!?

โดยระบุว่า จากกรณีที่มีการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊ส ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งเกิดเหตุปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนมาโดยตลอด โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมมีการใช้อาวุธ หรือสิ่งของขว้างปาใส่เจ้าหน้าที่ เพื่อยั่วยุให้เจ้าหน้าที่ต้องสลายการชุมนุม

นอกจากนี้ ประเด็นที่น่าสนใจ คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ชุมนุมที่ก่อเหตุรุนแรงได้หลายราย พบว่า ในจำนวนนั้น มีเยาวชนจำนวนมาก ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า การชุมนุม มีเด็กเข้าร่วมจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้มาตรการทางกฎหมายเข้มข้นมากขึ้น หลังมีการประสานหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมอื่นๆ ควบคู่กับการปรับยุทธวิธีให้เข้ากับสถานการณ์ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง

หากย้อนไปเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 64 เพจ ทะลุฟ้า โพสต์บางตอนสะท้อนให้เห็นว่าจงใช้เด็กกำบังหรือไม่

“รถจีโน่เริ่มฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมทะลุฟ้า ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐหยุดใช้ความรุนแรง เนื่องจากมีเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 15 ปี ร่วมชุมนุม”

ภาพ โพสต์ อ้างเป็นแม่ แฉ นกม.จ้างเด็กมาป่วน ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
เหมือนกรณีวันที่ 21 ส.ค. 64 เวลา 18.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หนองแขม จับกุม 3 ผู้ต้องหา ริมถนนหน้าโรงเรียนกรพิทักษ์ศึกษา ถนนบางบอน 3 แขวง-เขตหนองแขม กทม. มี นายศุภโชค อายุ 18 ปี นายณัฐนนท์ อายุ 17 ปี และ นายนพรัตน์ อายุ 17 ปี พร้อมด้วยของกลางเป็นอาวุธจำนวนมาก

นอกจากนี้ อีก 4 วันถัดมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์แก้ว และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนภาค 7 จับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวเนื่องกับคดีชุมนุม เป็นวัยรุ่นชาย จำนวน 7 คน พร้อมของกลาง 18 ลูก และยาเสพติดส่วนหนึ่ง จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า มีการรวมตัวกัน สมคบกันประกอบอาวุธเพื่อมาใช้ในการชุมนุมที่แยกดินแดง

ล่าสุด บช.น.เผยมีการดำเนินคดีผู้ชุมนุมทั้งสิ้น 620 คดี สั่งฟ้องแล้ว 278 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 342 คดี...

ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า อัปเดตสถานการณ์ผู้ถูกจับกุมจาก #ม็อบ6ตุลา มีผู้ถูกจับกุมส่งตัวมาที่ สน.พหลโยธิน 3 รอบ รวม 28 คน ในนี้มีเด็กต่ำกว่า 15 ปี รวม 2 คน (อายุ 11 ปี กับ 13 ปี) เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 5 คน ซึ่งทางตำรวจจะแจ้งข้อหาและดำเนินคดี

เบื้องต้น สำหรับเด็กอายุ 11 กับ 13 หลังจากเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ปกครองสามารถมารับได้โดยลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน

อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญ มีการเผยแพร่ข้อความของบุคคลที่อ้างตัวว่า เป็นผู้ปกครองของเยาวชนที่เข้าร่วมการชุมนุม ซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ซึ่งผู้ปกครองคนดังกล่าวได้ไปแสดงความคิดเห็นในเพจๆ หนึ่ง

โดยระบุว่า สวัสดีค่ะแอด หนูไม่สบายใจเลยค่ะ เรื่องลูก
น้องบอกมีนักการเมืองสีส้มจ้างให้ไปชุมนุม เงินค่าตัวที่ไปชุมนุม ไปเดินชุมนุม 500-1000 บาท ไปสร้างความวุ่นวาย 1000-1500 บาท ไปเผาป้อมตำรวจ 2000 บาท ไปทำร้ายตำรวจบาดเจ็บ 5000 บาท กรณีโดนทำร้ายบาดเจ็บและเก็บภาพได้ 10000 บาท ไปปาระเบิx ใส่ฝั่งตรงข้ามลูกละ 500 บาท

ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น แชตทะลุแก๊ส หลุดอีก? ล่อกันเอง หลังปั่น ตร.จัดฉาก อีกฝ่ายแฉกลับ ฝีมือผู้ชุมนุม กล้าทำกล้ารับ!

โดยระบุว่า จากกรณีเมื่อช่วงดึกวันที่ 6 ต.ค. 64 เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน ได้ทำการกระชับพื้นที่บริเวณใต้แฟลตดินแดง จากการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊ส จนทำให้ ส.ต.ต.เดชวิทย์ เล็ทเทนสัน ผบ.หมู่ กก.อารักขา 1 ถูกลอบทำร้าย ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ต่อมามีการเผยแพร่แชตไลน์ที่อ้างว่าเป็นไลน์กรุ๊ปของกลุ่มเยาวรุ่นทะลุแก๊ส พูดคุยถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ คฝ.ถูกลอบทำร้ายว่า มีการจัดฉากแน่นอน เพราะต้องจับคนก่อเหตุได้ในเวลานั้น แต่ขณะนี้ยังจับไม่ได้ ซึ่งก็มีหนึ่งในสมาชิกได้ออกมาตอบกลับว่า อันนี้คุณควรยอมรับ 1 สิ่งก่อนว่า กระสุนมาจากทางฝั่งพวกเรา และเราไม่ควรปกป้อง ไม่งั้นพวกเราจะซวยไปด้วย ต้องว่ากันด้วยความจริง

ล่าสุด วันนี้ (8 ต.ค. 64) ในโลกออนไลน์มีการเผยแพร่ภาพแชตอีกครั้ง เมื่อกลุ่มเยาวรุ่นทะลุแก๊ส พูดถึงกรณีของหมู่เดวิดที่ถูกลอบทำร้าย โดยมีฝ่ายหนึ่งปั่นกระแส ว่า เป็นการจัดฉากของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกฝ่ายยอมรับว่า กระสุนมาจากฝ่ายม็อบแน่นอน พร้อมกับบอกว่า กล้าทำกล้ารับ ไม่ต้องไปปกป้องมือยิง

ภาพ แชตทะลุแก๊ส หลุดอีก? กล้าทำต้องกล้ารับผิด ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
โดยแชตสนทนาระบุว่า จัดฉากแน่นอน เพราะต้องจับคนก่อเหตุได้ในเวลานั้น แต่ขณะนี้ยังจับไม่ได้ ซึ่งก็มีหนึ่งในสมาชิกได้ออกมาตอบกลับว่า อย่าเข้าข้างคนยิง ม็อบนี่แหละ

และมีคนมาตอบกลับอีกว่า อย่าปั่นกันมากเลย อันไหนจริงก็บอกจริง อันไหนปลอมก็ปลอม อย่าปั่นเลย พร้อมมีคนกล่าวต่อว่า ไม่ควรมีใครต้องมาเจอกระสุนจริง ปั่นไปเรื่อย ยังไงก็มาจากม็อบแน่ๆ มาจากตรงซอยข้างร้านซักผ้า อันไหนผิดควรยอมรับอย่างลูกผู้ชาย ถ้าไม่พอใจก็ออกจากกลุ่มไป แค่นี้ก็รับความจริงไม่ได้ อย่าโลกสวย

รวมถึง นายสมบัติ ทองย้อย อดีตหัวหน้าการด์เสื้อแดงและกลุ่มราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กว่า รอยกระสุนที่หัว คฝ. ผมเดาว่า น่าจะกระสุนยางลั่น เพราะดูจากบาดแผล บวม ปูดขึ้นมา เพราะถ้ากระสุนจริง รูเข้าจะเล็กและปิด แต่ที่เห็นตรงบริเวณที่เลือดไหล บาดแผลจะบวมๆ แต่ทางรัฐรีบนำเสนอเพื่อชิงพื้นที่ข่าวว่าโดนกระสุนจริง #มโนยามดึก หาภาพดูเอาเองนะครับ

ภาพ แชตหลุด ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น อดีตรอง ผบช.น. แนะ “ผบช.น.คนใหม่” ใช้ หน่วยปราบปรามจัดหนัก อย่าตีความ “แก๊งอันธพาล” เป็นผู้ชุมนุม

เนื้อหาระบุว่า อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่า การชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งเรียกตัวเองว่า กลุ่มทะลุแก๊สนั้น ไม่ได้มีการเรียกร้องหรือต้องการสิ่งใด เพียงแค่ต้องการออกมาก่อความไม่สงบ ต้องการปลดปล่อยความรุนแรง อีกทั้งความรุนแรงค่อยๆถูกยกระดับขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นการจลาจล และที่สำคัญมีการใช้อาวุธที่เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น จนมีเจ้าหน้าที่หลายคนต้องถูกกระทำบาดเจ็บสาหัส

เรื่องนี้ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “กลุ่มทะลุแก๊ส” กับการใช้ยาผิด

โดยระบุว่า คงต้องส่งกำลังใจ และลุ้นระทึกกับอาการของสิบตำรวจตรี เดชวิทย์ เล็ทเทนสัน ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการอารักขา 1 ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชน ขณะเข้าไปทำการติดตาม ตรวจค้น กลุ่มวัยรุ่นที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มทะลุแก๊ส” จนกระทั่งถูกกลุ่มวัยรุ่นยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิด และขนาดทะลุผ่านหมวกกันน็อคในชุดควบคุมฝูงชนเข้าไปทำลายสมอง ถึงขั้นนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจต้องลงมาทำการผ่าตัดช่วยชีวิตอย่างสุดกำลังความสามารถ แต่อาการยังอยู่ในขั้นโคม่า…..

กระผมได้ติดตามพฤติการณ์ของวัยรุ่นกลุ่มนี้มาระยะหนึ่งแล้ว มีความชัดเจนว่า ไม่จัดเป็นการชุมนุมสาธารณะ เพราะพฤติการณ์รวมตัวกันโดยไม่มีข้อเรียกร้องใดๆ แล้วไปก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองในลักษณะที่รุนแรง ร้ายแรงขึ้นตามลำดับ เผาทรัพย์สินของทางราชการ จุดพลุดอกไม้ไฟ ประทัดยักษ์ ยิงหัวนอต ยิงลูกแก้วใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะตะลอนไปตามที่ต่างๆ ตรอกซอกซอยก่อความเดือดร้อนรำคาญเป็นอันตรายต่อประชาชนโดยส่วนรวม

เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนที่ไปปฏิบัติหน้าที่ถูกมองเป็นเป้าที่กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้จะใช้ประลองความแม่น คล้ายกับการไปยิงเป้างานวัดอย่างสนุกสนาน ระยะหลังเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นถึงขนาดมุ่งทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยอาวุธและสิ่งเทียมอาวุธ โดยเฉพาะอาวุธปืน (ของจริง) วัตถุระเบิด ในขณะที่เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนยังคงใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ใช้รถน้ำแรงดันสูง ใช้กระสุนยางซึ่งเป็นมาตรการในการควบคุมฝูงชน ตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ซึ่งมันเป็นคนละเรื่องกันเสมือนกับการใช้ยาไม่ถูกกับโรค นอกจากอาการจะไม่ทุเลาแล้ว จะยิ่งทำให้โรคร้ายทวีความรุนแรงมากขึ้น และอาจจะถึงขนาด เอาไม่อยู่ในที่สุด……..

ในฐานะที่กระผมเป็นบุคคลหนึ่งซึ่งร่วมยกร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ เมื่อครั้งพลตำรวจโท วิโรจน์ จันทรังษี เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ใช้เวลาร่วม 10 ปี กว่าที่พระราชบัญญัติฉบับนี้จะประกาศใช้ จะขอพูดโดยย่อเพียงนิยามของคำว่าการชุมนุมสาธารณะ ตามมาตรา 4 ซึ่งหมายความว่า “การชุมนุมของบุคคลในที่สาธารณะเพื่อเรียกร้อง สนับสนุน คัดค้าน หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยแสดงออกต่อประชาชนทั่วไป และบุคคลอื่นสามารถร่วมการชุมนุมนั้นได้ ไม่ว่าการชุมนุมนั้นจะมีการเดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายด้วยหรือไม่”

หากเป็นการชุมนุมสาธารณะตามความหมายนี้ จึงค่อยนำพระราชบัญญัติฉบับนี้ และมาตรการจากเบาไปหาหนักในการควบคุมการชุมนุมสาธารณะมาใช้ จึงจะเป็นการจ่ายยาถูกกับโรคแต่ถ้าตามพฤติการณ์ของกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวซึ่งไม่ถือเป็นการชุมนุมสาธารณะอย่างชัดเจน จะต้องใช้ยา (กฎหมาย) ให้ถูกกับโรค กล่าวคือ แทนที่จะใช้ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ, พ.ร.บ.โรคติดต่อ , พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งใช้กับผู้ชุมนุม ต้องหันกลับไปใช้ประมวลกฎหมายอาญา

หมวดที่เกี่ยวกับความมั่นคงความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง การก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง อั้งยี่ ซ่องโจร พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนฯ จึงจะถูกต้องสาสมเหมาะสมกับโรคและความรุนแรงของโรค

ภาพ “อำนวย” ซัด แก๊งอันธพาล ไม่ใช่ ผู้ชุมนุม ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
นอกจากนี้ จะต้องจัดชุดสืบสวน กระชากหน้ากากผู้อยู่เบื้องหลังของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้ที่คอยให้การสนับสนุนด้านการเงิน อาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อให้มีการก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เห็นความเดือดร้อนของประชาชนโดยส่วนรวม จ่ายเงินกันที่หลังแฟลตไหนซอยไหน วัยรุ่นกลุ่มนี้เป็นเด็กในย่านนั้น หรือเด็กต่างจังหวัดหรือลูกผสม ใครเป็นผู้จัดหา ใครเป็นผู้สนับสนุน ใครเป็นนายทุน เดี๋ยวคงได้รู้กันซึ่งกระผมเชื่อว่าไม่เกินความสามารถของตำรวจเรา เพราะงานสืบสวนสอบสวนในประเทศนี้ไม่มีใครเหนือตำรวจ

สุดท้ายนี้ ขอแสดงความยินดีกับ พลตำรวจโท สําราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ท่านใหม่) ซึ่งสื่อมวลชนยกย่องว่า ทำงานด้วยความรวดเร็ว เด็ดขาด “สำราญมาครบจบแน่” และ พลตำรวจตรี นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ท่านใหม่เช่นกัน ซึ่งท่านนี้กระผมรู้จักดี เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ชนิดหาตัวจับยาก รีบปรับยาเถอะครับ อย่าเอารถฉีดน้ำกับกระสุนยางไปสู้กับอาวุธปืนและวัตถุระเบิด…..

อย่าตีความให้แก๊งอันธพาลกวนเมือง ก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ถึงขนาดทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ถึงขั้นต่อไปอาจจะพัฒนาไปเป็นการก่อการร้ายได้ซะด้วยซ้ำ แต่ไปจัดประเภทให้เป็น “ผู้ชุมนุมสาธารณะ” จึงใช้กำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชนเข้าดำเนินการ แทนที่จะเป็นตำรวจสายป้องกันปราบปราม ซึ่งก็เป็นผลมาจากการจ่ายยาผิดนั่นเอง

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจทั้งหมด มาจบอยู่ที่ โพสต์ของ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน นี้เอง

ความจริง ปัญหาอาจมากกว่า การบังคับใช้กฎหมาย อาจเนื่องมาจากปัญหาการเมือง ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รู้ดีว่า เมื่อไหร่ก็ตาม ถ้าบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น เมื่อนั้น ในสายตาชาวโลกก็จะมองว่า ปราบปรามประชาชนทันที ซึ่งกลุ่มคนที่พร้อมปั่นกระแสฟ้องโลก จับจ้องตาไม่กระพริบอยู่แล้ว และการต่อสู้แบบทะลุแก๊สนี่เอง คือ สิ่งที่พวกเขาต้องการ เพราะมีโอกาสมากที่สุด และใกล้เคียงที่สุดกับการเกิดจลาจล และสถานการณ์สุกงอม ที่พวกเขาเชื่อว่า จะบีบให้ฝ่ายอำนาจรัฐก้าวพลาด ไม่ว่าปราบปรามหรือทำรัฐประหาร ก็จะมีการปลุกระดมประชาชนให้ลุกฮือขึ้นต่อต้าน จนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยในที่สุด

หรือจะลองใช้ยาแรง และถูกกับโรค อย่างที่ พล.ต.ท.อำนวย แนะนำ ก็น่าสนใจเหมือนกัน เพียงแต่สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไป และวางแผนอย่างรัดกุม ก็คือ การกระชากหน้ากากคนที่อยู่เบื้องหลัง ออกมาให้ได้ เพื่อให้เห็นว่า ม็อบนี้มีคนที่อยู่เบื้องหลังจริง และทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ไม่ใช่เพื่อส่วนรวมตามที่กล่าวอ้าง ประจานให้ชาวโลกเห็นเสียก่อน จึงจะมีความชอบธรรม

เพราะอย่าลืมว่า สิ่งที่รัฐบาลระมัดระวังที่สุด และเป็นจุดอ่อนที่ฝ่ายตรงข้ามรู้ดี ก็คือ การสืบทอดอำนาจจากการรัฐประหาร ที่ชาวโลกก็รู้กันดี ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่ตัดสินใจปราบปรามม็อบอย่างรุนแรง เมื่อนั้นจุดอ่อนนี้จะถูกใช้เป็นอาวุธหนักระดมยิงเข้าใส่ฝ่ายอำนาจรัฐทันที และตรงเป้าเสียด้วย

สุดท้าย ก็อยู่ที่ความแยบยลของการจัดการกับปัญหานี้ ที่ต้องใช้สติและปัญญา มากกว่า “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” จนนำไปสู้ความรุนแรงที่มิอาจหลีกเลี่ยงก็เป็นได้ คิดดูให้ดีก็แล้วกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น