สวนกระแสชาวบ้านชาวช่อง “ปิยบุตร” ยก “ทะลุแก๊ส” ปรากฏการณ์ใหม่ในสังคมไทย ลุกขึ้นสู้แบบปฏิวัติ ขณะโพลชี้ “ปชช.” หมดความอดทน หนุนจัดการม็อบทุกกลุ่มเด็ดขาด “ทะลุฟ้า” จุดไม่ติด เจอ คฝ.สลายชุมนุมเร็ว
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (26 ก.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์หัวข้อ [ปรากฏการณ์ “ทะลุแก๊ส” ที่ดินแดง คืออะไร?]
.
โดยระบุว่า “ภายหลัง “แกนนำ” ของ “ราษฎร” หลายคน ถูกรัฐใช้ “นิติสงคราม” เข้าปราบปรามอย่างหนัก จนต้องถูกจำคุก โดยไม่มีสัญญาณว่าจะได้รับอิสรภาพชั่วคราวเมื่อไร จนดูเหมือนว่าการชุมนุมของ “ราษฎร” ในช่วงที่เหลือของปี น่าจะมาสู่ช่วงขาลง ไม่สามารถกลับมาผลักดันประเด็นทั้งสามข้อได้อย่างร้อนแรงเหมือนปลายปีที่แล้ว
พลันก็เกิดการชุมนุมที่ดินแดง ช่วงหัวค่ำ เกือบทุกวัน ปะทะกับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน
ไม่มีใครรู้จักว่าพวกเขาเหล่านี้คือใคร?
ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าข้อเสนอของพวกเขาคืออะไร?
ไม่มีใครเคยได้ยินการปราศรัยของพวกเขา?
รู้กันแต่เพียงว่า มีการตั้งชื่อเล่นๆ ว่า “ทะลุแก๊ซ”
ผมเฝ้าสังเกตการต่อสู้ของประชาชนกลุ่มนี้อย่างสนใจว่า นี่จะกลายเป็นการต่อสู้ในลักษณะใหม่แบบที่ไม่เคยเกิดในประเทศไทยมาก่อนหรือไม่?
ผมติดตามสถานการณ์ที่ดินแดงทุกวัน ก็ยังไม่อาจวิเคราะห์ฟันธงลงไปได้ทั้งหมด แต่ขอตั้งข้อสังเกตเบื้องต้นไว้ ดังนี้
นี่คือปรากฏการณ์ในลักษณะ “ผุดขึ้นมาเอง” - spontaneous ปราศจากองค์กรจัดตั้งหรือปลุกระดม
นี่คือปรากฏการณ์ในลักษณะ “ตอบโต้กับสิ่งที่รัฐกระทำมาตลอดขวบปีที่ผ่านมา” - action vs reaction
นี่คือปรากฏการณ์ในลักษณะ มีแนวโน้มไปสู่การลุกขึ้นสู้แบบปฏิวัติ - soulèvement révolutionnaire
เรามักมองเหตุการณ์ที่ดินแดง ว่า เป็นการก่อจลาจลของวัยรุ่นเด็กแว้นคึกคะนอง หรือ riot แต่นั่นคือ การมองจากภาพการกระทำภายนอก มองจาก action การปาพลุ ดอกไม้ไฟ การขว้างปาสิ่งของ การขี่มอเตอร์ไซค์เข้าปฏิบัติการ
แต่ถ้าเรามองลงไปให้ลึกกว่านั้น riot หรือ การก่อจลาจล แบบนี้ อาจมีลักษณะเป็น “การลุกขึ้นสู้” ด้วย
คนมือเปล่าแบบไหนกันที่จะกล้าเอาชีวิตตนเองเข้าไปเสี่ยงคุก เสี่ยงตาราง บาดเจ็บ ล้มตาย จากการปะทะกับเจ้าหน้าที่
เยาวรุ่นแบบไหนกันที่จะกล้าเอาอนาคตของตนเองเข้าไปเสี่ยง ยอมให้คนจำนวนมากก่นด่า ยอมถูกฝ่ายเดียวกันที่ต่อสู้กับรัฐบาลตั้งคำถาม
บางที อาจไม่ใช่การจลาจลทั่วๆ ไป อาจไม่ใช่เยาวรุ่นใจร้อน อยากใช้กำลังท้าตีท้าต่อยกับเจ้าหน้าที่
แต่คือ กลุ่มคนที่เกิดจิตสำนึกของการต่อสู้กับระบอบอันอยุติธรรม ไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่ ไม่ว่าจะเกิดจากปัจจัยใด และไม่ว่าจะเกิดเมื่อไร แต่จิตสำนึกนี้ได้กระตุ้นให้พวกเขาพร้อมเข้าเสี่ยงสู้กับอำนาจรัฐ อำนาจกฎหมาย เข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่บางครั้งอาจเสี่ยงตาย บาดเจ็บ ยินยอมเข้าเสี่ยง เพราะไม่ต้องการปล่อยให้ความอยุติธรรมนี้ดำรงต่อไป
การแสดงออกของ “ทะลุแก๊ซ” จะเป็นการก่อจลาจลดาดๆ หรือกลายเป็นการลุกขึ้นสู้แบบปฏิวัติ ประเด็นชี้ขาดอยู่ตรงนี้”
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH ก็ได้โพสต์ประเด็นผลสำรวจ ประชาชนส่วนใหญ่ หนุน ตร.จัดการเด็ดขาด กับม็อบทุกกลุ่ม หลังหมดความอดทน ชี้ทำลายความสุข
เนื้อหาระบุว่า หลังจากที่กลุ่มทะลุฟ้า ได้ออกมารวมตัวชุมนุม เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 64 ที่ผ่านมา และได้มีการตอบโต้กับเจ้าหน้าที่ ก่อนจะแยกย้ายยุติชุมนุมอย่างรวดเร็ว เพราะเจ้าหน้าที่เอาจริง รุกหนักเข้าสลายการชุมนุมสำเร็จ
ทั้งนี้ ตามที่ทาง บช.น. ได้คาดการณ์ว่า จะสามารถจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมในพื้นที่ดินแดงได้ในเดือน ต.ค.นี้ ดูเหมือนว่าจะเริ่มมีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่มผู้ชุมนุมยอมถอย เนื่องจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มม็อบด้วยกันเอง และมีกองทุนสนับสนุนน้อย แม้จะย้ายสถานที่ใหม่ เจ้าหน้าที่ คฝ. ก็มีการปรับแผนรับมือได้ดี
ขณะที่ ก่อนหน้านี้ นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ความหวังและการบั่นทอนใจในสถานการณ์โควิด-19 กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,104 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 21-24 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา โดยมีประเด็นที่น่าสนใจของม็อบเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คือ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.9 ระบุว่า ม็อบขัดขวางการทำมาหากินของผู้อื่นที่บริสุทธิ์ ก่อความเดือดร้อนรำคาญต่อผู้สัญจรและผู้พักอาศัยในพื้นที่ร้อยละ 94.4 รับรู้ข่าว ม็อบรุนแรงรายวันที่ใช้เด็กและเยาวชนเป็นเครื่องมือ ร้อยละ 94.2 ระบุ ต้องการให้ตำรวจเอาจริง เด็ดขาดทางกฎหมายกับแกนนำ กลุ่มผู้สนับสนุน ผู้ก่อเหตุและผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด
ร้อยละ 93.7 ระบุ ผู้ปกครองและสังคมต้องไม่ปล่อยให้เยาวชนถูกปั่นหลอกใช้ซ้ำซากจนเกิดการเผชิญหน้า ขยายสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายในสังคมเหมือนในอดีต ร้อยละ 93.3 ระบุ ม็อบที่ใช้ความรุนแรงเป็นการก่ออาชญากรรม เกินเลยการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย
ร้อยละ 93.2 ระบุ มีแกนนำและกลุ่มผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง รู้เห็นเป็นใจใช้ความรุนแรงถ่อยเถื่อน หยาบคายทำลายทรัพย์สินสาธารณะจากเงินภาษีของประชาชน และร้อยละ 92.9 ระบุ ไม่เห็นประโยชน์ของม็อบ ที่ใช้ความรุนแรง ขาดอุดมการณ์ ล้ำเส้นสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ทำลายภาษีของประชาชน สร้างความเดือดร้อน เบียดเบียนผู้อื่น
ผลโพลนี้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มมีความหวังต่อการเปิดประเทศและเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิดดีขึ้นตามลำดับ และประชาชนส่วนใหญ่กังวล หมดความอดทน และไม่เห็นประโยชน์กับม็อบรุนแรงรายวันที่ขาดอุดมการณ์ประชาธิปไตยและล้ำเส้นสิทธิและเสรีภาพผู้อื่น ขัดขวางการทำมาหากิน สร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อผู้สัญจรไปมาและผู้พักอาศัย มีแกนนำรู้เห็นเป็นใจใช้ความรุนแรง
ที่น่าสนใจอีกประเด็น คือ ประชาชนส่วนใหญ่มองว่า เป็นอาชญากรรม เกินเลยการชุมนุม ต้องการให้ตำรวจเอาจริงเด็ดขาดทางกฎหมายกับแกนนำ ผู้ก่อเหตุและผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ไม่ปล่อยให้เยาวชนถูกปลุกปั่นหลอกใช้ซ้ำซากจนเกิดการเผชิญหน้าขยายสู่ความขัดแย้งทางสังคมดังเช่นอดีต
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้มาตรการเด็ดขาดมากขึ้น จับตัวคนกระทำผิดได้รวดเร็ว และมีการควบคุมตัวผู้ชุมนุที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้จำนวนมาก ซึ่งตอนนี้บรรดาแกนนำในเครือข่ายม็อบ 3 นิ้ว ก็ถูกดำเนินคดี จนทำให้กระแสการรวมตัวชุมนุมแผ่วลงไปมากเช่นกัน ทำให้น่าติดตามว่าในเดือน ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถปิดเกมม็อบทั้งที่แยกดินแดง และแยกนางเลิ้งได้สำเร็จหรือไม่ เพราะหากทำสำเร็จ เท่ากับว่าประชาชนส่วนใหญ่จะกลับมามีความสุข มีความหวังอีกครั้ง เพราะไม่ต้องกังวลกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น เละทั้งขบวน! “ทะลุฟ้า” จุดไม่ติด คนร่วมชุมนุมน้อย เจอ คฝ.รุกเร็ว รีบกระเจิงหนี
เนื้อหาระบุว่า หลังจากที่กลุ่มทะลุฟ้าได้ประกาศจะรวมตัวการชุมนุมในวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยเริ่มมารวมตัวกันตั้งแต่เวลา 16.00 น. ที่บริเวณแยกยมราช มีการปิดการจราจร และพ่นสีบนถนน ก่อนจะเคลื่อนขบวนมาถึงบริเวณแยกนางเลิ้ง และได้มีการขว้างปาสิ่งของต่างๆ ขวดบรรจุสีแดง ใส่พื้นที่ถนนหน้าแนวรั้วลวดหนามบริเวณดังกล่าว
แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะประกาศแจ้งเตือนให้แต่ละกลุ่ม ยุติการกระทำและออกจากพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และขอให้นักข่าวอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย แต่กลุ่มดังกล่าวก็ยังไม่หยุดการตอบโต้ จนช่วง 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนใช้ชุดเคลื่อนที่เร็วบุกไล่สลายการชุมนุม และนำกำลังอีกส่วนเข้ากระชับพื้นที่แยกนางเลิ้ง ขณะที่ผู้ชุมนุมได้พากันแยกย้ายออกจากพื้นที่อย่างชุลมุน ต่อมาในเพจทะลุฟ้า ได้ประกาศยุติชุมนุม และขอให้มวลชนกลับบ้าน
ขณะที่บริเวณแยกยมราช “ลูกนัท” ได้มายืนปราศรัย แต่พบว่า มีมวลชนให้ความสนใจน้อย ทั้งนี้ การออกมารวมตัวของกลุ่มทะลุฟ้า และม็อบในเครือข่าย 3 นิ้ว มีจำนวนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และต้องยุติการชุมนุมอย่างรวดเร็ว
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. เผยว่า ขณะนี้ได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 15 คน ยึดรถจักรยานยนต์ 6 คัน และรถยนต์ 1 คัน ในข้อหา มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ (ป.อาญา ม.215), เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้ที่มั่วสุมเลิกแล้วไม่เลิก (ม.216) และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม คดีกลุ่มที่เผาป้อมตำรวจ เจ้าหน้าที่ได้มีการสืบสวน ขยายผลจับกุมผู้ก่อเหตุทุบทำลายได้แล้ว 10 กว่าคน โดยเจ้าหน้าที่ก็จะมีการดำเนินการอยู่ตลอด คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีหมายจับออกมาอีกหลายราย
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ การออกมาปกป้องกลุ่มทะลุแก๊ส ทั้งยังยกให้เป็นผู้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ อย่างเหลือเชื่อว่า คิดได้ ของ “ปิยบุตร” ท่ามกลางคนไทยส่วนใหญ่มองในทางตรงข้าม โดยเฉพาะการก่อความรุนแรง เผาทำลายทรัพย์สินทางราชการ อย่างชนิดหาประโยชน์ในการเคลื่อนไหวของพวกเขาไม่ได้เลย ทั้งยังสร้างความเดือดร้อนให้กับโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียง และประชาชนในละแวกนั้นทุกคืน
ถ้าไม่ใช่พวกเดียวกัน หรือ คนที่รู้เห็นเป็นใจ ก็คงคิดไม่ได้ว่าพวกเขาเป็นปรากฏการณ์อะไร ดีอย่างไร ดีกับใคร??? หรือว่า ดีกับ “ปิยบุตร” ? ดีที่ชาวบ้านเดือดร้อน? ดีที่ก่อจลาจล ใช้ความรุนแรง เผาดะ?
นอกจากนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน หรือ โพลที่ออกมา ก็ชัดเจนว่า ประชาชนต้องการให้ตำรวจจัดการขั้นเด็ดขาด เพราะทนไม่ได้กับการกระทำดังกล่าว จึงนับว่า แปลก ที่นายปิยบุตร มักทำอะไรที่สวนทางกับคนไทย
ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด “ปฏิรูปสถาบัน” การฝักใฝ่ “ปฏิวัติฝรั่งเศส” ที่ล้มสถาบันกษัตริย์ และปัจจุบันปกครองแบบสาธารณรัฐ การพยายามที่จะเปลี่ยนความคิดเยาวชนคนรุ่นใหม่ ให้เห็นคล้อยตามแนวคิดปฏิรูปสถาบัน หรืออาจถึงขั้น “ปฏิวัติ” ซึ่งเจ้าตัวพูดเอง สิ่งเหล่านี้ คนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย และต่อต้านอย่างหนัก เพียงแต่ไม่แสดงออกให้มีผลกระทบ และเข้าทาง “กลุ่มปิยบุตร” เท่านั้น
ลองคิดดู ถ้าคนอย่าง “ปิยบุตร” ยกย่อง “กลุ่มทะลุแก๊ส” เป็นปรากฏการณ์ใหม่ในประเทศไทย และเชื่อมั่นในทำนองสามารถนำไปสู่การ “ปฏิวัติ” ได้ คนอย่างนี้ คิดอย่างนี้หรือ คือคนที่เสนอตัว เป็นผู้นำทั้งในทางความคิด และปฏิวัติสังคมไทย ฝากความหวังได้หรือไม่!?