MGR Online - รองฯ ปิ่น เตือนชุมนุม 3 กลุ่มวันนี้ ผิดกฎหมาย แนะเลี่ยง 9 เส้นทาง ใช้ยุทธการสายตรวจร่วมปราบ ทะลุแก๊ส ป่วนดินแดงวานนี้ เผย แม้จับไม่ได้ แต่มีหลักฐานชัด จ่อออกหมายเรียก ผบช.น.สั่งตรวจสอบนักข่าวไร้สั่งกัด ไลฟ์สดรายงานข่าวบิดเบือนข้อมูล พบแอดมินเพจสอนทำระเบิด เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.วัตถุระเบิดฯ จับตากิจกรรมรำลึก 45 ปี 6 ตุลา การข่าวไม่พบเหตุรุนแรง ส่งชุดสืบร่วมฟังคำปราศรัย เตรียมรองรับสถานการณ์ ยัน จำเป็นซ่อมรถจีโน่รีบกลับมาใช้งาน ราคา 47 ล้าน ถือว่าไม่แพง วอนอย่ามองว่าสิ้นเปลืองงบ ไม่แน่ใจเสร็จทันสิ้นปี 64 ลั่น ต้องมีคนรับผิดชอบทางแพ่ง
วันนี้ (6 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น.ในฐานะรองโฆษก บช.น.กล่าวว่า ในวันนี้มีการนัดหมายชุมนุมทางการเมืองของ กลุ่ม นายสุเทพ สุริยะมงคล เวลา 06.00-19.00 น. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์, กลุ่มพลเมืองโต้กลับ เวลา 17.00 น. ที่หน้าศาลฎีกา, กลุ่มทะลุแก๊ส เวลา 17.30 น. ที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง บช.น.เตือนว่า กรุงเทพฯประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.โรคติดต่อ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.ได้จัดเตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยไว้แล้ว โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมาย เส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบและควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ถนนราชดำเนินใน, ถนนหน้าพระธาตุ, ถนนหน้าพระลาน, ถนนสนามไชย, ถนนอโศก-ดินแดง, ถนนวิภาวดีรังสิต (แยกสามเหลี่ยมดินแดง-แยกสุทธิสาร), ซอยพหลโยธิน 2, ทางลงด่วนดินแดง, อุโมงค์ดินแดง
สำหรับการชุมนุมของ 2 กลุ่ม เมื่อวานนี้ (5 ต.ค.) กลุ่มพลเมืองโต้กลับ เวลา 17.00 น. ที่หน้าศาลฎีกา เหตุการณ์เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย, กลุ่มทะลุแก๊ส เวลา 19.30 น. ที่ซอยมิตรไมตรี 2 ใกล้แยกสามเหลี่ยมดินแดง ผู้ชุมนุมทำการขว้างประทัด พลุ และระเบิดเพื่อยั่วยุ ตำรวจประกาศแจ้งเตือนให้ยุติการชุมนุมกลับไม่เลิก เวลา 21.00 น. ตำรวจควบคุมฝูงชน (อฝ.) เข้ากระชับพื้นที่จนผู้ชุมนุมแยกย้าย จากนั้นกลับมารวมตัวก่อความวุ่นวายอีกครั้ง จึงใช้ยุทธการสายตรวจร่วมทั้ง บก.ป. บก.สปพ.(191) และ บช.ทท.โฉบติดตามตัวแต่สามารถหลบหนีไปได้ เวลา 00.30 น. ตำรวจ คฝ.เข้ากระชับพื้นที่รอบ 2 และรักษาความสงบเรียบร้อยไว้ได้ แม้จะไม่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ ผบช.น.สั่งจับตาเฝ้าติดตามผู้ที่เข้ามาก่อเหตุและหลบหนีไป ขณะนี้ตำรวจมีข้อมูลหลักฐานหมดแล้ว หากพิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้จะออกหมายเรียก
กรณีมีนักข่าวไร้สังกัดหลายคนเข้ามาในพื้นที่ชุมนุมนั้น ผบช.น.ได้เรียกประชุมให้ฝ่ายสืบสวนระดับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ บช.น.เฝ้าติดตามตรวจสอบการไลฟ์สดรายงานข่าว ถ้าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยก็ไม่มีความผิด มีหลายเพจบิดเบือนข้อมูลตำรวจจำเป็นต้องพิสูจน์ทราบ เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพจกลุ่มทะลุแก๊ส ได้ลงข้อมูลสอนการประกอบระเบิด ฝ่ายสืบสวนทดลองทำตามว่าใช้ก่อเหตุได้จริงหรือไม่ ถ้าใช้ได้แอดมินเพจอาจเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.วัตถุระเบิดฯ และถือว่าเป็นการสนับสนุนให้คนออกมาก่อเหตุ แม้จะเป็นอวตารยังไงก็ไม่รอด ส่วนการแยกแยะว่าใครคือนักข่าวจริง หรือนักข่าวปลอมต้องทำการพิสูจน์ทราบว่าใครเป็นใคร หากปรากฏกายไลฟ์สดโดยไม่มีสังกัดหลังเวลาเคอร์ฟิวตำรวจจะใช้มาตรฐานเดียวกัน เช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ไม่มีการจับกุมแต่มีหลักชัดเจนว่ามีพฤติกรรมอย่างไร ผบช.น.ได้มอบหมาย พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น.รับผิดงานกฎหมาย (กม.) เร่งรัดการสอบสวนดำเนินคดีเกี่ยวกับการชุมนุม เพื่อลดการออกมาตอบโต้ของผู้ก่อเหตุ
“สรุปการดำเนินคดี ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2563 รวมทั้งสิ้น 606 คดี สอบสวนแล้ว 278 คดี อยู่ระหว่างสอบสวน 328 คดี ฝากถึงผู้คิดจะเข้าร่วม กลุ่มทะลุแก๊ส ที่กระทำผิดกฎหมาย อาทิ ปิดถนน หรือวางเพลิง และอื่นๆ หมายไปถึงบ้านแน่ๆ โดยเฉพาะการปิดถนน หรือผู้ที่ขับรถผ่านพื้นที่ชุมนุมแล้วรถได้รับความเสียหาย หากใครมีภาพหลักฐานสามารถส่งมาที่ บช.น. 191 สน.ดินแดง ตำรวจจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ฝากถึงผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลายของตัวเองด้วย เนื่องจากอาจเสียประวัติจะลำบากตอนเข้าทำงาน” รองโฆษก บช.น.กล่าว
พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวต่อว่า การจัดกิจกรรมรำลึก 45 ปี 6 ตุลา โดย นายสุเทพ สุริยะมงคล ภายใน มธ.ท่าพระจันทร์ ผบช.น.มอบหมาย พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานมั่นคง (มค.) ประชุมร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) ฝ่ายการข่าว และฝ่ายปกครองในส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดติดตามสถานการณ์การข่าว ขณะนี้ไม่พบภัยคุกคามกับผู้ชุมนุม มือที่สาม และเหตุรุนแรงแม้จะมีผู้ชุมนุมเข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ บช.น.รับแจ้งว่าจะไม่เคลื่อนตัวไปที่อื่น โดยตำรวจตั้งจุดคัดกรองขอความร่วมมือในส่วนนี้ด้วย หากชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ปราศรัยตามขอบเขต หรือทำตามกฎหมายก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าปราศรัยยั่วยุส่อให้เกิดความเกลียดชัง ความรุนแรง อาจเข้าข่ายผิด มาตรา 116 ผบก.น.1 ในฐานะ ผบ.เหตุการณ์ ได้เตรียมแผนรองรับสถานการณ์ไว้แล้ว มีฝ่ายสืบสวนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฟังปราศรัย ยืนยันไม่ได้เป็นการไปจับผิดแต่อยากให้มองว่าไปช่วยดูแลความสงบเรียบร้อย
กรณี บช.น.ตกลงจ้างซ่อมแซมรถฉีดน้ำแรงดันสูงควบคุมฝูงชน (จีโน่) ที่ชำรุดเสียหายจากกรณีการชุมนุมสาธารณะ 5 คัน โดยเสนอราคา 47,080,000 บาท ตนรู้สึกเสียดายรถควรจะอยู่ใช้งานได้ตามปกติ จำเป็นต้องซ่อมบำรุงเพื่อรีบนำกลับมาใช้งานโดยเร็วที่สุด ไม่ได้เป็นการนำมาฉีดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมแต่อย่างใด เป็นการรักษาตามมาตรฐาน สำหรับรถจีโน่เป็น 1 ในยุทโธปกรณ์ หรือสิ่งที่ใช้ในการควบคุมฝูงชนตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ การซ่อมบำรุงอย่าไปตีความความว่าสิ้นเปลืองงบประมาณ ค่าซ่อมเฉลี่ยตกคันละ 9 ล้านกว่าบาท ทั้งหมด 47,080,000 บาท ถือว่าเป็นราคามาตรฐานดีกว่าไปซื้อใหม่ ไม่มีที่ไหนซ่อมได้นอกจากบริษัทนี้ เพราะต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์หลังผู้ก่อเหตุนำทรายกรอกใส่ ยืนยันว่า บช.น.ดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ ส่วนจะซ่อมเสร็จทันสิ้นปี 2564 หรือไม่ คงตอบยาก เพราะต้องนำรถไปซ่อมที่ประเทศเกาหลีซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทแม่ แค่ค่าขนสงก็หลายบาทแล้ว
ต่อไปนี้ใครทำลายอุปกรณ์ของตำรวจจะต้องถูกจับกุม ปัจจุบันเหลือใช้งาน 4 คัน จะต้องจัดสรรให้เพียงพอ ถ้าการชุมนุมอยู่ภายในกรอบของกฎหมาย ทุกสิ่งทุกอย่างเราสามารถควบคุมได้ แต่ถ้ายังสร้างสถานการณ์ที่รุนแรงตำรวจก็ต้องมีแผนในการใช้รถจีโน่ ส่วนจะมีการฟ้องร้องกับผู้ชุมนุมที่ก่อเหตุทำรถจีโน่เสียหายหรือไม่ ก็เป็นไปได้ ช่วงแรกพยานหลักฐานยังไม่ชัดเจน แต่ช่วงหลัง ผบ.ตร.ได้จัดระบบเรื่องการสืบสวนทำให้ข้อมูลต่างๆ ก็หลั่งไหลเข้ามา ฐานข้อมูลของ บก.สส.บช.น.สามารถระบุตัวตนได้ แน่นอนว่า กรณีดังกล่าวต้องหาผู้ผิดชอบทางแพ่ง