“ไผเป็นไผ”! รวมหลักฐานชัด มัดนักการเมืองดัง หนุน “แก๊งทะลุแก๊ส” ยุป่วนเมือง แต่สุดท้ายเททิ้งไม่ไยดี “ทุนทะลุฟ้า” โอดโอย ต้องวิ่งหาเงินประกันโดนจับรายวัน “อมธ. - 27 คณะ” ปะทะ สภา นศ.มธ. ขัดแย้งจัด “6 ตุลา”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (18 ก.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น รอเคลมชัยชนะ? รวมหลักฐานชัด นักการเมืองดัง หนุน “ทะลุแก๊ส” ยุป่วนเมือง แต่สุดท้ายเททิ้งไม่ขอยุ่ง!
โดยระบุว่า หลังจาก นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ปลุกเร้าปรากฏการณ์ทะลุแก๊สที่ดินแดง ในทำนอง “การลุกขึ้นสู้แบบปฏิวัติ” ที่น่าจับ ในท่ามกลางคนในสังคมไทยเอือมระอาพฤติกรรมก่อความรุนแรง สร้างความเดือดร้อน ทำลายทรัพย์สินนั้น เท่ากับเป็นการยุยงส่งเสริม แบบมีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือไม่
และต่อมามีกระแสวิพากษ์วิจารณ์โพสต์ดังกล่าว ว่า นายปิยบุตร กำลังอวยม็อบอื่นแทนกลุ่ม 3 นิ้วซะแล้ว เพราะเห็นว่า ทางฝั่ง 3 นิ้วกระแสแผ่วลงไปมาก เลยหันมาพูดหนุนกลุ่มทะลุแก๊สที่แยกดินแดง จนมีบางคนไปย้อนถามในโพสต์ว่า อาจารย์เข้าใจจุดยืนของน้องๆ เขาจริงหรือเปล่าเนี่ย และเรียกร้องให้นายปิยบุตรออกมานำขบวนแทนน้องๆ
ย้อนไปก่อนหน้านี้ ไม่ใช่แค่นายปิยบุตรที่ออกตัวมาหนุนม็อบที่แยกดินแดง โดยมีทั้ง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคาร์ม็อบ ที่ชื่นชมการเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ แต่ทุกครั้งที่มีการรวมตัวชุมนุม นายณัฐวุฒิจะบอกว่า จะไม่เผชิญหน้าเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงปะทะ
ส่วนทางฝั่งของพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และ นายรังสิมันต์ โรม เคยลงพื้นที่ ไปดูผู้บาดเจ็บที่แยกดินแดง และนายรังสิมันต์ โรม ยังเคยทวีตข้อความไว้ด้วยว่า “ผมติดตามสถานการณ์ที่ดินแดงอยู่นะครับ ตำรวจไม่อาจอยู่ลำพังได้ ตราบที่พวกคุณยังจ่ายตลาด ส่งเสื้อซักรีด ส่งลูกเรียน ไปโรงพยาบาล ฯลฯ พึงสำนึกด้วยว่า คนที่คุณกำลังยิงกระสุนยางใส่อาจเป็นลูกหลานของพวกคุณหรือคนที่คุณรู้จัก เตือนด้วยความหวังดี อย่าคิดว่าทำกับประชาชนได้ฝ่ายเดียว”
นอกจากนี้ ยังมี นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่โยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ คฝ. ว่า ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ คฝ.เข้ามาในพื้นที่ เหตุการณ์ที่แยกดินแดงจึงบานปลาย และอีกหนึ่งคนที่หนุนกลุ่มทะลุแก๊ส ก็คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า ที่ในโซเชียลได้มีการให้ข้อมูลว่า ทะลุแก๊ส สาขา 2 มี นายธนาธร ระดมเงินทุนช่วยเหลือ ผ่านกิจกรรม Clubfest ราษฎร Strike Back จัดโดยกลุ่มพลังคลับในคลับเฮ้าส์เมื่อวันที่ 27-29 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งระดมเงินได้ถึง 3,188,230.23 บาท
งานนี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้เข้าร่วมกิจกรรมประมูลภาพวาด พร้อมโพสต์ข้อความว่า “ผมขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการต่อสู้ร่วมกับประชาชน ในการประมูลภาพผลงานของผมเอง เพื่อระดมทุนให้กองทุนที่สนับสนุนและดูเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ได้แก่ กองทุนราษฎรประสงค์ กองทุนดาตอร์ปิโด ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน...”
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกลุ่มทะลุแก๊สหลากหลายกลุ่มแยกย่อยออกมาในพื้นที่ดินแดง แต่ทุกกลุ่มล้วนเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันด้วยความรุนแรง โดยเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค. 64 จนถึงปัจจุบัน และยังมีการแฉข้อมูลในกลุ่มม็อบด้วยกันเองว่า แม้แต่กลุ่ม 3 นิ้ว ยังเลือกเทกลุ่มที่ดินแดง ไม่สนับสนุน แต่อาจจะรอแบบเงียบๆ เพื่อเคลมชัยชนะ
การที่ นายปิยบุตร ออกมาหนุนทะลุแก๊สผ่านโพสต์เฟซบุ๊ก จึงทำให้น่าติดตามได้สองมุมมองว่า หลังจากที่คนดังในการเคลื่อนไหวทางการเมืองเข้ามาเชียร์ จะเป็นแรงยุให้กลุ่มนี้ยิ่งสร้างความรุนแรงขึ้นอีกหรือไม่ หากกลุ่มนี้สู้จนชนะ ม็อบกลุ่มอื่นๆ ก็จะเข้ามาเคลมผลงานร่วมด้วย แต่ถ้าหากถูกเจ้าหน้าที่ปิดเกมที่แยกดินแดงได้สำเร็จ ก็อาจจะไม่มีใครพูดถึงกลุ่มนี้อีกเลย?
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น ผู้สนับสนุนทุนม็อบออกตัว ทะลุฟ้าป่วนไม่หยุด โดนรวบรายวัน ทำเดือดร้อนต้องวิ่งเต้นหาเงินประกัน!
เนื้อหาระบุว่า หลังจากกลุ่มทะลุฟ้า นัดชุมนุมบริเวณแยกนางเลิ้ง เป็นเวลา 2 วันติดกัน ทั้งวันที่ 26-27 ก.ย. 64 และจะมีการนัดหมายในเย็นนี้อีกครั้ง
โดยทั้ง 2 วัน เจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว ทั้งรถยนต์กระบะ รถ จยย.ได้เข้าสลายการชุมนุม ทำให้กลุ่มที่จะฝ่าเข้ามาในแนวกั้นแตกหนีกระเจิง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงสามารถยึดพื้นที่แยกนางเลิ้งไว้ได้ทั้งหมด พร้อมกับตรึงกำลังเอาไว้ได้
โดยวันที่ 26 ก.ย. จับผู้ก่อเหตุได้ 15 คน ในจำนวนนี้พบว่า เป็นเยาวชนจำนวน 4 คน ยึดรถจักรยานยนต์จำนวน 6 คัน และวันที่ 27 ก.ย. ถูกจับกุมตัวอีก 5 ราย
ล่าสุด มีผู้สนับสนุนเงินให้กับม็อบ เข้าไปคอมเมนต์เพจทะลุฟ้า ว่า การสู้ของน้องๆ เละไม่เป็นท่า ไปป่วนแล้วทำไมไม่หนีให้ทัน ยิ่งโดนจับตัวรายวันแบบนี้ เหนื่อยจะระดมหาเงินไปช่วยประกันตัว ซึ่งเงินกองทุนที่ช่วยเหลือม็อบ จะมีบัญชีใหญ่คือกองทุนราษฎรประสงค์ เหลือเงินยอดปัจจุบันที่ 2 ล้านกว่า โดยกองทุนนี้จะใช้ในกาประกันตัวแกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ เป็นหลัก และกลุ่มทะลุฟ้าก็มีบัญชีแยกต่างหากที่ไม่ได้แจกแจงยอด และรายละเอียด ขณะที่กลุ่มทะลุแก๊ส ก็แยกกลุ่มย่อยกระจายไปอีกหลายกลุ่ม ไม่ได้รับเงินหนุนมากเท่าที่ควร หากเกิดเหตุถูกจับกุมก็จะไม่มีเงินประกันตัว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายปิยบุตร เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้ออกมาแสดงตัวหนุนและชื่นชมม็อบทะลุแก๊ส ชื่นชมการรวมตัวที่แยกดินแดง จนทำให้มวลชนจำนวนหนึ่งเข้าไปขอแรงให้นายปิยบุตร พูดกับกลุ่มอื่นๆ ให้มาหนุนกลุ่มดังกล่าว และออกมานำขบวนแทนน้องๆ ด้วย
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ยังมีประเด็น นักศึกษา อมธ. และ 27 คณะ ปะทะ สภานักศึกษาธรรมศาสตร์ กรณีจัดกิจกรรม 6 ตุลา
เนื้อหาระบุว่า สืบเนื่องจากกรณี องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แถลงการณ์ร่วมคณะกรรมการบริหารองค์การนักศึกษา (อมธ.) และคณะกรรมการนักศึกษา 27 คณะ/วิทยาลัย/สถาบัน/หลักสูตร เรื่อง การมีมติไม่เข้าร่วมแถลงการณ์ของสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมกับได้มีการลงรายนามผู้เข้าร่วมแถลงการณ์ทั้ง 27 คณะ โดยเป็นการไม่สนับสนุนให้จัดกิจกรรมรำลึก 6 ตุลา ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าว สร้างความไม่พอใจให้กับ กลุ่มแกนนำคณะราษฎร เป็นอย่างมาก ทำให้ รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ต่อต้านแถลงการณ์ดังกล่าว พร้อมทั้งเปิดโหวตคัดค้าน โดยมีรายละเอียดว่า “ร่วมลงชื่อคัดค้านแถลงการณ์ อมธ.และ กน.27 คณะ ที่ไม่สนับสนุนให้จัดงาน 6 ตุลาค่ะ”
ซึ่งแถลงการณ์เปิดโหวตคัดค้านดังกล่าว มีเนื้อหาว่า
มติที่ขาดความชอบธรรม การตัดสินใจด้วยพื้นหลังของความกลัว การไม่เคารพต่อความล้มเหลวที่เกิดขึ้นในสังคม การไม่ตระหนักต่อความเป็นมนุษย์ที่ถูกรัฐย่ำยีนำเอาศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์จากเพื่อนร่วมสถาบัน ดังนั้น องค์การนักศึกษาในฐานะองค์กรที่ดำเนินงานภายใต้การแสดงเจตจำนงของนักศึกษาส่วนรวม มิใช่การแสดงเจตจำนงค์ส่วนตัว หรือการพิจารณาด้วยความไม่รอบคอบทุกประการ
องค์การนักศึกษาต้องทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการแสดงออกครั้งนี้ เพื่อเป็นประวัติศาสตร์ต่อการเรียนรู้ ต่อการบริหารองค์การของนักศึกษารุ่นถัดไป รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงองค์การภายใต้เงื่อนไขที่ยอมรับแนวทางการต่อสู้ทางการเมือง การแสดงออก ของกลุ่มกิจกรรม
ประชาธิปไตย ต้องไร้ซึ่งความกลัวต่อการแสดงออก หรือองค์การกลัวที่ยืนเคียงข้างผลประโยชน์ที่จะสร้างความตระหนักรู้ต่อประชาชน ในวันที่รัฐใช้อำนาจกฎหมาปิดปากประชาชน?
ล่าสุด ทางองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ได้ออกมาชี้แจง ยืนยันไม่ใช่ไม่สนับสนุนการจัดกิจกรรมรำลึก 6 ตุลา 2519 ปี 2564 ที่ “ธรรมศาสตร์” แต่ห่วงมาตรการด้านสุขภาพ และกฎหมาย
โดยให้เหตุผล 3 ประการ คือ 1. การวางแผนและมาตรการทางสาธารณสุขของการจัดกิจกรรมออนไซต์ภายในพื้นที่มหาวิทยาลัย ยังไม่รัดกุมและสอดคล้องรูปแบบการจัดกิจกรรมแบบออนไซต์มากพอ นอกจากนี้ การควบคุมจำนวนผู้เข้าร่วม อาจเป็นไปได้ยาก
2. การจัดกิจกรรมครั้งนี้ยังขาดการอ้างอิงในส่วนของข้อกฎหมายที่แสดงถึงสิทธิ์และความสามารถในการดำเนินการจัดกิจกรรม จึงอาจก่อให้เกิดผลกระทบทั้งต่อผู้จัด และผู้เข้าร่วม ทั้งในส่วนของความเสี่ยงในการติดเชื้อ และความเสี่ยงทางกฎหมาย
และ 3. การไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรม วันรำลึก 6 ตุลา 2519 ประจำปี 2564 เป็นการได้รับทราบข้อมูลจากทางสภานักศึกษาฯ แต่ยังไม่ได้ข้อมูลจากทางมหาวิทยาลัย จึงจะมีการประสานขอข้อมูลจากมหาวิทยาลัยฯ เพื่อความชัดเจนต่อไป
แน่นอน, ประเด็นก็คือ ในเวลานี้ ดูเหมือนการแสดงออกต่อการเคลื่อนไหวทางการเมือง มีความชัดเจนอย่างมากว่า มีนักการเมืองบางกลุ่ม ให้การสนับสนุน ยุยงส่งเสริม ม็อบทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นม็อบราษฎร ม็อบสามนิ้ว หรือแตกตัวมาใช้ชื่ออื่นก็ตาม ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังที่สาธารณชนก็รับรู้อยู่แล้ว
ยิ่งเมื่อมีการรวบรวมหลักฐานการแสดงออก และแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อสาธารณะทั้งหมดแล้ว ก็ยิ่งชัดเจน
ขณะบางคนยังชัดเจนด้วยว่า ให้การสนับสนุนด้านเงินทุนอย่างเปิดเผย และไม่นับว่าที่ไม่เปิดเผยมีด้วยหรือไม่?
ดังนั้น เมื่อมีทั้งเงินทุนบริจาค เงินทุนประกันตัวผู้กระทำความผิด มีผู้ยุยงส่งเสริม มีผู้ให้ค่าให้ราคาเยี่ยงวีรบุรุษ หรือ ฮีโร่ “นักปฏิวัติ” ม็อบทุกม็อบก็ยิ่ง “เหิมเกริม” รุนแรงไปกันใหญ่ และไม่รู้สึกผิดกับการกระทำที่ผ่านมา แม้ว่าคนไทยจะเบื่อหน่ายเอือมระอาอย่างมากก็ตาม ยิ่งกว่านั้น ยังฮึกเหิมที่จะสู้แบบไม่คิดชีวิต
อันสวนทางกับ ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน หรือ โพลที่ออกมาว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้จัดการกับม็อบขั้นเด็ดขาด และจัดการกับผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดเสียทีด้วย จะทำอย่างไร???
กรณีจัดการกับม็อบอย่างเด็ดขาด ดูเหมือน เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำอยู่อย่างเต็มความสามารถ แต่กับคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่เรื่องง่าย แม้รู้ทั้งรู้ว่า “ไผเป็นไผ”
ปัญหาคือ ยังไม่มีเงื้อมมือกฎหมายใดเลย ที่จะเอื้อมเข้าไปใกล้ตัวบุคคลเหล่านี้ได้ และดูเหมือนคนไทยอาจต้องทนรับสภาพนี้ จนกว่าจะมีฝ่ายแพ้ ฝ่ายชนะ หรือไม่ก็ไม่รู้!?