ล้างสมองเด็ก! “สามนิ้ว” จัดหนัก การ์ตูนแกนนำม็อบ “ฮีโร่” แบบ “ฮ่องกง” แฉกันเละ “อดีตบิ๊กส้ม” เจอ ส.ส.กร่าง

“สามนิ้ว” รุกหนัก ปล่อย “การ์ตูน” เย้ย “ศธ.- ความมั่นคง” ชู แกนนำม็อบ “ฮีโร่” หวังล้างสมองเด็ก เลียนแบบฮ่องกง “ธาตุแท้โผล่” ผู้ก่อตั้ง “อนาคตใหม่” แฉสนั่น ส.ส.ส้ม โอ้อวดผลประโยชน์ ประจบประแจง โวลั่น เตรียมย้ายพรรค

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (27 ก.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “สามนิ้ว” รุกหนัก ปล่อยการ์ตูนสะเทือนความมั่นคง ยกย่อง “แกนนำเป็นฮีโร่” หวังล้างสมองเด็กเล็ก ตามแผน ม็อบฮ่องกง


โดยระบุว่า ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ได้โพสต์ภาพจากหนังสือ ที่เรียกได้ว่า ทำให้ผู้ปกครองหลายๆ คน ต้องถึงกับอึ้ง เมื่อภายในหนังสือนิทานสำหรับเด็ก กลับเป็นการปลูกฝังแนวคิดของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยภายในหนังสือยกให้ผู้ชุมนุม ที่กระทำความผิดตามกฎหมายหลายคดี และบางคนยังถูกคุมตัวอยู่แม้ว่าคดียังไม่สิ้นสุด

รวมถึงกลุ่มคนที่ถูกยกให้เป็นเหมือนฮีโร่ ในหนังสือดังกล่าว ยังมีแนวคิดต่อต้านสถาบันชาติอย่างรุนแรง โดยในหนังสือพยายามที่จะวาดให้ออกมาเหมือนบุคคลดังกล่าว เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชน จึงเกิดการตั้งคำถามขึ้นมากมายว่า แนวคิดต่างๆ กำลังถูกฝังลงไปในเยาวชนที่ยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ แบบนี้ถือว่าเหมาะสมแล้วจริงหรือ


และ ดร.อานนท์ ยังโพสต์ข้อความต่ออีกว่า “ผลิตสื่อลงมาล้างสมองเด็กให้เป็นซอมบี้สามกีบตั้งแต่อนุบาล ประถมต้น วาดการ์ตูนมาอย่างดี รัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ รู้แล้วหรือยัง?”

ซึ่งการผลิตหนังสือในแนวการ์ตูนสวยงาม ยกให้แนวคิดใดแนวคิดหนึ่ง ให้คนทำผิดกฎหมายบ้านเมืองเป็นฮีโร่ ทำให้เยาวชนซึมซับแนวคิดผิดๆ โดยเป้าหมายหลักมุ่งไปที่เด็กรุ่นใหม่ที่กำลังจะเติบโตต่อไป สร้างความเชื่อผิดๆ เป็นการวางรากฐานของการปรับเปลี่ยนการปกครองของประเทศแบบมีหลักและแบบแผนนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในประเทศไทยเท่านั้น

เพราะหากย้อนไปเมื่อปี 2562 กลุ่มผู้ประท้วงฮ่องกง ก็ใช้วิธีนี้ในการปลูกฝังแนวคิดของเยาวชน เพื่อให้ลุกออกมาป่วนเมือง โดยสอดแทรกแนวคิดต่อต้านรัฐบาล ผ่านหนังสือที่ชื่อว่า “ผู้พิทักษ์แห่งหมู่บ้านแกะ” แถมหนังสือการ์ตูนชุดดังกล่าว ยังถูกผลิตออกมาอีกหลายตอน

จนกระทั่งในวันที่ 22 ก.ค. 64 ทางเจ้าหน้าที่ฮ่องกง จึงได้ไหวตัวและรู้ว่าหนังสือการ์ตูนที่ดูเหมือนไม่มีอะไรนั้น แฝงแนวคิดล้างสมอง ที่สำคัญ ยังถือว่าหนังสือดังกล่าวเป็นภัยต่อชาติอีกด้วย จึงได้ดำเนินการจับกุม สมาชิก 5 คนของสหภาพแห่งหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังนิทานไตรภาคหมู่บ้านแกะ ฐานตีพิมพ์เผยแพร่ “เนื้อหาปลุกระดม” ด้วยเจตนาปลุกปั่นให้เด็กๆ เกลียดชังรัฐบาลฮ่องกง


ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น ผู้ก่อตั้งอนาคตใหม่ แฉ “ส.ส.พรรคส้ม” พฤติกรรมย่ำแย่ วางท่าใหญ่โต เข้าพบผู้ใหญ่สายการเมือง โวลั่นเตรียมย้ายพรรค!

เนื้อหาระบุว่า เรียกได้ว่า กำลังเป็นประเด็นที่พูดถึงกันอย่างมากสำหรับ “พรรคก้าวไกล” ที่กำลังระส่ำอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น การที่มีงูเห่าอยู่ในพรรคเป็นจำนวนมาก หรือไม่ว่าจะเป็นหนทางในการชนะบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ที่แทบจะไม่มีหวัง แถมเหล่าแฟนคลับก็ยังปะทะกันเดือดระหว่าง พรรคเพื่อไทย และ พรรคก้าวไกล อยู่ตลอด

ล่าสุด นายภูวกร ศรีเนียน ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กชื่อ Phuvakorn Srinean ซึ่งเป็นการพูดถึงพฤติกรรมของ ส.ส.พรรคส้ม ซึ่งอาจจะเป็น ส.ส.หน้าใหม่ ที่ไม่รู้จักว่า นายภูวกร คือ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง จึงได้เผยธาตุแท้ พร้อมกับแฉพรรคตัวเอง โดยมีรายละเอียดว่า

“เมื่อวาน หลังจบงานดนตรี ไปกินข้าว คุยงานโปรเจกต์ ทางสังคม ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ กับ สื่อผู้กว้างขวาง บังเอิญได้ร่วมโต๊ะกับ บุคคลระดับคีย์ทางการเมือง พุดคุยหลายอย่าง

ที่เซอร์ไพรส์ คือ มี ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคส้ม โผล่มาแบบเป็น วีไอพี ได้รับการเอาใจจากเจ้าภาพ บทสนทนา ตัวตน ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคส้ม คนนี้ พูดตรงๆ …มาก มีแต่โอ้อวดผลประโยชน์ ประจบประแจง บูลลี่พรรคที่ตัวเองอยู่ เอาเรื่องภายใน มาขายเครดิต สร้างราคา เลือกเขต ที่จะลงหากย้ายพรรค

บังเอิญ เราไม่รู้จักกัน และผมก็ห่างการเมืองออกมาแล้ว ผมเลยถามตรงๆ เจตน์ ถ้าเป็นแบบที่พูดทำไม คุณไม่อยู่ พรรค (….) ตั้งแต่แรก ส.ส. บัญชีพรรคส้ม คนนั้น ตอบตอนนั้นผมไม่มี คอนเนกชัน กับ พรรคนี้ เลยเข้าพรรคส้ม รอบหน้า พรรคส้ม เค้าจะให้ผมอยู่ ท็อปเทน ในพรรค

เจตน์ หันไปพูดกับ ทุกคนในโต้ะ “ส.ส. บัญชีพรรคส้ม พวกเหลือบเยอะ ไม่ค่อยทำงาน ชอบถ่ายรูปเอาหน้า ตีนไม่ติดดิน ดีแต่พูด ฉวยโอกาสมาเอาแสงจากพรรค แล้วไปต่อ พรรคส้มก็ชอบหลงคารม เห่อกับภาพลักษณ์ เลยแพ้ทางพวกนี้


ผมห่างออกจากพรรคการเมืองแล้ว แต่เห็นใจ และ อนาถใจ แทน เพื่อนฝูงมากมายที่ยังทำงาน ด้วยความตั้งใจ อุดมการณ์ โดยไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตัว ในขณะที่ พรรคปล่อยให้พวกเหลือบ มากอบโกย เกาะกิน อย่างประเจิดประเจ้อ (คนเราดูภายนอก เรียนเก่ง ความรู้ดี อายุน้อย หน้าตาดี ทันสมัย พูดเก่ง แต่ตัวจริง เป็นของปลอม หลอกกองเชียร์)

ปล.มี ส.ส. คนดัง จากพรรคส้ม อีกคน กำลังมา พอทราบว่า ในงานมีผมกับเพื่อน มันเลยเบี้ยวไม่มา”

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ ความพยายามของ “ขบวนการสามนิ้ว” ที่จะทำทุกวิถีทาง เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย และปฏิวัติสถาบันหลัก เพื่อให้เป็นไปตามแนวคิดของพวกเขา

ที่เรียกได้ว่า เป็นขบวนการ แม้ฉากหน้าจะมีแค่ “ม็อบสามนิ้ว” และม็อบทะลุแก๊ส ก็ตาม แต่อย่าลืมว่า ม็อบเกิดขึ้นได้จากแนวคิดใคร มีใครที่เคลื่อนไหวแนวคิดเปลี่ยนแปลงประเทศ ปฏิรูป และปฏิวัติสถาบันฯ ทั้งที่อยู่ในประเทศไทย และต่างประเทศ นี่คือ “ขบวนการ”

จริงอยู่ วันนี้เราอาจเห็นคนเคลื่อนไหวหลักอยู่ไม่กี่คน อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มสุกงอม เราอาจได้เห็นขบวนการที่ชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ

สำหรับหนังสือการ์ตูนล้างสมองนี้ อาจถือเป็นยุทธวิธีหนึ่งในหลากหลายยุทธวิธี ก็เป็นได้

ที่ถูกจับตามอง ก่อนหน้านี้ คณะก้าวหน้า ก็มีการจดทะเบียน มูลนิธิคณะก้าวหน้า เรียบร้อย โดยสารสำคัญมุ่งเน้นการให้การศึกษาในเรื่อง “ประชาธิปไตย” และอื่นๆ ซึ่งประชาธิปไตย ในแบบคณะก้าวหน้า ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่า สอดคล้องกับแนวทางการต่อสู้ของม็อบสามนิ้ว

หรือ แม้แต่ล่าสุด นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับกลุ่มทะลุแก๊ส ว่า เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของการ “ลุกขึ้นสู้แบบปฏิวัติ” ซึ่งมีความหมายอย่างมากในทางยุทธศาสตร์

นั่นเท่ากับว่า ยุทธวิธีอย่างกลุ่มทะลุแก๊ส ซึ่งมีลักษณะ ก่อกวน ยั่วยุ ปั่นป่วน ก่อจลาจลขนาดย่อม เผาทำลายทรัพย์สินทางราชการ จนอาจลุกลามเป็นขนาดใหญ่ได้ ซึ่งก็คือ สงครามกลางเมือง และสุดท้าย ก็มุ่งหวังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศเช่นกัน และอาจเร็วกว่าการล้างสมองเด็กด้วยซ้ำ?

อย่างไรก็ตาม ทั้งมูลนิธิคณะก้าวหน้า และหนังสือการ์ตูน ถือว่า เป็นการทำงานทางความคิด ไปพร้อมกัน ระหว่างกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่เป็นเป้าหมายของ มูลนิธิคณะก้าวหน้า กับ เด็กเล็กที่ยังสนใจการ์ตูน ของหนังสือการ์ตูน ทั้งนี้ เนื่องจากมีข้อสรุป จากระดับปรมาจารย์ล้มเจ้าบางคนแล้วว่า การต่อสู้ในแบบม็อบสามนิ้ว และทะลุแก๊ส ไม่สามารถนำไปสู่ชัยชนะได้ เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย และสู้ไปก็แพ้ ดังนั้น ทางเดียวที่จะชนะ ก็คือ การเปลี่ยนแปลงจากรากเหง้า โดยเริ่มจากเด็กและเยาวชน เพื่อสร้างฐานทางความคิด ค่านิยม และอุดมการณ์ให้เกิดขึ้น

แค่นี้ก็มีคำตอบให้แล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้น และคนไทยคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ก็อยู่ที่จะตัดสินใจอย่างไรต่อไป