เมืองไทย 360 องศา
ตอนแรกยังนึกว่าปล่อยให้มีการวิวาทะ ด่าทอกันสองสามคำพอหอมปากหอมคอแล้วก็เลิกแล้ว แยกกันไปเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านๆ มา แต่คราวนี้ดูเหมือนว่า น่าจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว เพราะดูท่าแล้วว่า ความขัดแย้งระหว่างสองพรรคการเมือง ที่เป็นตัวแทนของคนสองคน นั่นคือ ระหว่างพรรคเพื่อไทย ของ นายทักษิณ ชินวัตร หรือ “แม้ว” หรือที่เปลี่ยนชื่อเรียกแบบฝรั่งเมื่อไม่นานว่า “โทนี่ วู้ดซัม” กับ พรรคก้าวไกล ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เห็นท่ากลายเป็นความขัดแย้งแบบร้าวลึก จนยากสมานกลายเป็นเนื้อเดียวกันได้อีกแล้ว
เพราะคราวนี้เป็นแนวรบที่ขยายลงไปยังกลุ่มมวลชน ผู้สนับสนุนของแต่ละฝ่าย โดยเฉพาะการใช้ “สื่อโซเชียล” ตอบโต้ด่าทอฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรงแบบไม่ลดละซึ่งกันละกัน และที่น่าสังเกตก็คือ เป็นการใช้คำรุนแรงด่าทออีกฝ่ายนั้น ล้วนมาจาก “ลูกน้องใกล้ชิด” ซึ่งนั่นก็ทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่าเป็นการ “สะท้อนความรู้สึกของนาย” ไปถึงอีกฝ่าย
แน่นอนว่า ในบางมุมอาจมองได้เหมือนกันว่า การออกมาแสดงท่าทีแบบนั้นอาจจะต้องการ “เอาใจนาย” ในฐานะที่เลี้ยงดู จ่ายค่าจ้าง แต่ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง การที่ออกมา “กระแทก” แรงๆ ใส่อีกฝ่ายติดๆ กันแบบต่อเนื่องแบบไม่ลดราวาศอก มิหนำซ้ำ ยัง “จัดหนัก” จัดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม มันก็ย่อมไม่ธรรมดา อาจเป็นการสะท้อนความรู้สึกลึกๆ ภายในของอีกฝ่ายได้เหมือนกัน
เมื่อวันก่อน ได้เห็น นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งถือว่าเป็นระดับ “คนใกล้ชิด” ของ นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว ได้ออกมาตอบโต้พวกแกนนำพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล จากกรณีมีปัญหาขัดแย้งกันในเรื่องตัวบุคคลรัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ โดยไม่มีชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
โดย ฝ่ายพรรคก้าวไกล กล่าวหาว่า พรรคเพื่อไทยฮั้วกับพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ นายภูมิธรรม ตอบโต้กลับอย่างรุนแรงไม่แพ้กันว่า เป็นการเมืองในแบบ “เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น” และที่สำคัญ ยังตั้งข้อสังเกตว่ามี “เจตนาทำลายพรรคเพื่อไทย” อีกด้วย
นั่นเป็นระดับ ส.ส. และแกนนำสำคัญของพรรคแต่ละฝ่ายที่ตอบโต้กันอย่างรุนแรง ทั้งที่จะเริ่มการอภิปรายซักฟอกกันในอีกไม่กี่วันอยู่แล้ว ซึ่งตามปกติแล้วบรรดาพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะต้องแท็กทีมมุ่งถล่มฝ่ายรัฐบาลอย่างเต็มที่ แต่การออกมา “รบกันเอง” ให้เสียรูปมวยแบบนี้ มองอีกมุมหนึ่งมันก็ถือว่า “เหลืออด” หรือ “เก็บอาการ” ต่อไปไมไหวอีกแล้ว
นี่ยังไม่นับบรรดาเครือข่ายผู้สนับสนุนของแต่ละฝั่งที่ออกมาโจมตีฝ่ายตรงข้ามกันอย่างรุนแรงไม่แพ้กัน อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจาก “คนใกล้ชิด” หรือ อีกความหมายหนึ่งก็คือ “ลูกน้อง” ที่รับใช้กันมานาน ที่น่าจับตาก็คือ กรณีของ นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ที่ถือว่าเป็นลูกน้องของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่โพสต์โจมตีเครือข่ายคนเดือนตุลาฯ ที่รับใช้ใกล้ชิด นายทักษิณ ชินวัตร ว่า “กระจอก” ไปครั้งหนึ่งแล้ว จากกรณีไม่มีรายชื่อของ พล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัส ในญัตติซักฟอกรัฐมนตรีไปเมื่อวันก่อน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม นายธนาพล อิ๋วสกุล ได้โพสต์ “เล่นใหญ่” กว่าเดิม คราวนี้พุ่งเป้าโดยตรงไปที่ “ตัวพ่อ” คือ นายทักษิณ ชินวัตร โดยตรงเลยทีเดียว โดยข้อความระบุว่า “ปัญหาของทักษิณ ชินวัตร และบรรดาคนเดือนตุลาฯ ในกลุ่มแคร์ คิด เคลื่อน ไทย คือ คิดว่าตัวเองฉลาดหลักแหลมมากกว่าใครทั้งหมดในการเมืองไทย ทั้งที่ตัวเองทิ้งไพ่โง่มาจะยี่สิบปีแล้ว”
แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พูด แต่เป็น “ลูกน้องพูด” อย่างไรก็ดี หากมองอีกมุมหนึ่ง มันก็อาจเป็นการสะท้อน “อารมณ์ของธนาธร” ผ่านทางลูกน้อง แต่รับรองว่า เมื่อ “โทน” ออกมาแนวเดียวกันแบบนี้ ไม่ว่ามองในมุมไหนมันก็น่าจะใช่
ขณะที่อีกฟากหนึ่งหากเป็นระดับลูกน้อง ก็ต้องมองไปที่ “ติ่งตัวแม่” น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ “คำผกา” พิธีกรช่องวอยซ์ ของ นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร กล่าวหาแรงว่า ฝ่ายก้าวไกล เป็นเกมการเมืองที่ “อำมหิต” มาก เห็นแต่ชัยชนะของตัวเองจากการขายวิญญาณ ม้วนตัวกลับหลังหันไปฟาดพรรคเพื่อไทย “หวังจะชนะพรรคเดียว” และว่า “อย่าคิดทำลายคู่แข่งด้วยต้นทุนที่สูงที่สุด นั่นคือ ต้นทุนที่ว่าด้วยการชุบชีวิตวาทกรรม คนดี vs คนเลว และหรือ คนดีที่เลือกตั้งทีไรก็แพ้ ดังนั้น ต้องทำลายพรรคการเมือง “ชั่ว” ที่มักชนะเราเวลาเลือกตั้ง ถือว่า “แรง” ทะลุลิมิต
นาทีนี้ก็ต้องบอกว่ามันเหลืออด โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ต้อง “วางเดิมพันสุดท้าย” หลังจากที่พรรคเพื่อไทย ไปจับมือพรรคร่วมรัฐบาล ลุยแก้ไขรื้อระบบเลือกตั้ง มาเป็นใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ ขณะที่พรรคก้าวไกล ขวางสุดฤทธิ์ แต่ก็แพ้หมดรูป ขณะที่ตัวเองก็ “เล่นใหญ่” เกินตัว ที่มุ่งไปทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ และต่อเนื่องมาถึงเรื่องญัตติซักฟอก ที่งัดข้อกันในเรื่องรายชื่อรัฐมนตรีคนสำคัญ และล่าสุด มาจนถึงเรื่อง “ม็อบไล่ลุง” ที่หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า “ทักษิณกำลังพยายามฮุบม็อบสามนิ้ว” หลังจากเกิดกรณี “คาร์ม็อบ” ที่นำโดย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แต่เชื่อว่าอีกฝ่ายไม่ยอม เรื่องถึงได้บานปลายอย่างที่เห็น
แต่จะว่าไปแล้ว มันเป็นเรื่อง “อนาคตทางการเมือง” ของทั้งสองพรรคมากกว่า โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ของนายทักษิณ ชินวัตร ที่พยายามกลับมามีบทบาทอีกครั้ง และที่สำคัญ ดูเหมือนมีเจตนา “ฮุบม็อบสามนิ้ว” และดึงฐานเสียงเดิมกลับมา หลังจากมั่นใจว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญใช้บัตรเลือกตั้งสองใบสำเร็จ ขณะที่ฝ่ายพรรคก้าวไกล และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็เสี่ยงจะสูญพันธุ์ มันถึงเวลาที่ต้อง “ระเบิด” ขึ้นมาจนได้ !!