xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อไทย-ก้าวไกล ศัตรูในทางแคบถล่มกันเละ !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ชัยธวัธ ตุลาธน - ภูมิธรรม เวชยชัย
เมืองไทย 360 องศา

หากนับจากกรณีล่าสุดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ที่พรรคเพื่อไทยรวมหัวกับพรรคใหญ่ฝ่ายรัฐบาล ผ่านร่างแก้ไขในชั้นกรรมาธิการฯโดยเฉพาะการแก้ไขให้เปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้งมาใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ รวมไปถึงการแปรญัตติเพิ่มเติมบางมาตราโดยอ้างว่าเพื่อความสมบูรณ์ของร่างกฎหมายให้มีความต่อเนื่องกัน


และที่สำคัญก็คือ ระหว่างที่รอการแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่ต้องมีเหตุให้เลือกตั้ง ก็ให้อำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้สำหรับการเลือกตั้งไปพลางก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการแปรญัตติเพิ่มเติมเข้ามาในบทเฉพาะกาล นั่นเอง

เอาเป็นว่าหากมีการเลือกตั้งกันคราวหน้าก็เชื่อว่าต้องใช้ระบบการเลือกตั้งแบบใช้บัตรเลือกตั้งสองใบค่อนข้างสูงมาก เพราะล็อกเอาไว้หมดแล้ว ซึ่งก็แน่นอนว่าสำหรับพรรคก้าวไกลต้องกระทบไปเต็มๆและมีโอกาสถึงขั้น “สูญพันธุ์” หรือต่ำสิบกันเลยทีเดียว

เพราะครั้งที่ผ่านมาตัวเองได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจากระบบ “จัดสรรปันส่วนผสม” ที่นำมาจากระบบการเลือกตั้งของเยอรมนี ที่ว่า “ทุกคะแนนไม่ตกน้ำ” แต่เมื่อตัวเองไปย่ำยีว่าเป็น “รัฐธรรมนูญเผด็จการ” จะปกป้องก็น้ำท่วมปาก จะเสนอแก้ไขก็ดันเล่นใหญ่เกินตัว จะให้ยกร่างทั้งฉบับโดยมุ่งรื้อ “สถาบันพระมหากษัตริย์” ทำให้ตกไปตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เลยเกิดความไม่ลงรอย มีการกล่าวหาโจมตีกันอย่างดุเดือดระหว่างสองพรรคดังกล่าวมาแล้ว
ถัดมาล่าสุดก็ทำท่าลุกลามบานปลายกลายเป็นการตอบโต้กันระหว่างสองพรรค ร้อนแรงดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ จากต้นเหตุการณ์ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 6 คน นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

แม้ว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ร่วมกันยื่นญัตติ “ซักฟอก” ดังกล่าวต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว แต่เรื่องยังไม่จบง่ายๆ เมื่อบรรดาพลพรรคก้าวไกลระดับแกนนำพรรค ตั้งแต่เลขาธิการพรรค ลงมาจนถึงระดับ “กองเชียร์” ต่างโวยวายกล่าวหาพรรคเพื่อไทย ทำนองว่า “สมรู้ร่วมคิด” หรือ “ฮั้ว” กับพรรคพลังประชารัฐ จึงไม่มีรายชื่อของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐรวมอยู่ในรายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกซักฟอกในครั้งนี้

โดยฝ่ายพรรคเพื่อไทยอ้างว่าเป็นเพราะยังไม่พบหลักฐานที่เพียงพอ การอภิปรายคราวนี้จะมุ่งเน้นไปที่ความล้มเหลวในเรื่องการบริหารจัดการโรคระบาดโควิด-19 และเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก อีกทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่แล้ว ก็มีการซักฟอกไปแล้ว และในตอนนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานใหม่ที่ชัดเจน และยังอ้างว่ารายชื่อรัฐมนตรีแต่ละคน เป็นการลงมติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยฝ่ายเดียว

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากข้อความ การให้สัมภาษณ์ตอบโต้กันของทั้งสองฝ่าย ถึงขั้นที่เรียกว่า “ดุเดือด” จนอาจเรียกว่าถ้าเป็นคนปกติทั่วไปแล้วคงมองหน้ากันไม่ได้อีกแล้ว ที่น่าสนใจก็คือ การตอบโต้กันระหว่าง นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน (นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์) หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่กล่าวในทำนองสั่งสอนการทำงานร่วมกันกับพรรคอื่น ให้พรรคก้าวไกลได้รู้สำนึก เช่น เมื่อเป็นมติเสียงข้างมาก เมื่อผลออกมาอย่างไรก็ต้องจบ ซึ่งนี่คือตัวอย่างข้อความของ นายภูมิธรรม ที่โพสต์ ตอบโต้ นายชัยธวัธ ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ตอนหนึ่งว่า

“ผมถามในที่ประชุม แต่อ้ำอึ้งมาตลอด..เพิ่งเมื่อวานที่ประชุมถามเหตุผล ก็ตอบอ้อมแอ้ม...ต้องเอาข้อเท็จจริงมาพูดครับ...ตรงไปตรงมา เลขาฯก้าวไกลต้องเป็นผู้ใหญ่กว่านี้..อย่าใช้วิธีเล่าที่คลาดเคลื่อนข้อเท็จจริงฝ่ายเดียว..ไม่งั้นคงทำงานกันยาก วานนี้เราคุยด้วยความลำบาก ..คุณโยนให้เราคุยกับคนอื่นและยืนยันเอาตามมติพรรคร่วมฯ การพูดนอกห้องประชุม ถือว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ”

“..อย่าใช้วิธีนี้กับมิตร เมื่อเช้าหารือ คุณก็หลบ ถ้าทำงานการเมืองแบบเสนอความเห็นแล้วแพ้ในที่ประชุมก็ออกมาแสดงความเห็นกับแฟนคลับ..พูดเอาดีใส่ตน ทำลายคนอื่น...อย่างนี้ทำงานร่วมกันยากครับ ไม่เข้าใจ...เลขาฯพรรคก้าวไกล สถานการณ์วันนี้ทุกคนกำลังจะตรวจสอบอภิปรายความล้มเหลวรัฐบาล...ทำไมเปลี่ยนประเด็นมาด้อยค่าพรรคเพื่อไทย...คิดอะไรอยู่ครับ!!! ผมไม่อยากคิดว่า
"ต้องด้อยค่าพรรคเพื่อไทยลง จึงจะทำให้ตนแข็งแรงขึ้น"...ไม่กล้าคิดจริง

นั่นเป็นข้อความ ในช่วงของนายภูมิธรรม ที่ตอบโต้เลขาธิการพรรคก้าวไกล รวมไปถึงสมาชิกพรรค และผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลคนอื่นที่ออกมาโจมตีพรรคเพื่อไทย กรณีไม่มีรายชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า โดยนายภูมิธรรม ท้าให้ดีเบตกันกับนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เพื่อพิสูจน์ความจริง และล่าสุดนายชัยธวัช ก็รับคำท้า

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นข้อโต้แย้งกันทั้งสองฝ่าย ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน แต่หากพิจารณากันในมุมการเมืองแล้ว ถือว่า ทั้งสองพรรค คือพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลถือว่า เป็น “คู่แข่ง” กันอย่างแท้จริง แม้ว่าที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายจะพยายาม “เก็บอาการ” เอาไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เสียขบวนระหว่างร่วมรบกับฝ่ายตรงข้ามเฉพาะหน้า คือทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในนามกลุ่ม “3 ป.” ที่ครองอำนาจมายาวนาน

แต่ถึงอย่างไรในเมื่อ “ทางแคบ” เข้ามาทุกขณะ มันก็ต้อง “เบียด” เพื่อให้อีกฝ่ายตกไหล่ทางลงไป ขณะที่ในทางการเมืองก็เช่นกัน พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล มีฐานการสนับสนุนที่ “เหลื่อม” หรือ “ทับซ้อน” กัน แม้ว่าหากพิจารณาจากเส้นทางก่อนหน้านี้ก็ต้องยอมรับว่า ฐานของพรรคเพื่อไทยกว้างกว่า และต้องยอมรับเช่นเดียวกันว่า ผลจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาจากความผิดพลาดของพรรคไทยรักษาชาติ รวมไปถึงอานิสงส์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ทำให้พรรคก้าวไกล มีจำนวน ส.ส.มากเป็นกอบเป็นกำ

เมื่อมาถึง “ทางแคบ” ที่ต้องแย่งกันเดินไปถึงเป้าหมาย หรือเพื่อ “เอาตัวรอด” จากการเปลี่ยนแปลงกติการัฐธรรมนูญใหม่ ที่เชื่อว่าพรรคก้าวไกลเสียเปรียบ ประกอบกับที่ผ่านมาถือว่าพรรคก้าวไกล “เลยจุดพีค” มาแล้ว ถึงเวลาก็ต้องดิ้นรน และเป้าหมายก็ต้องพุ่งมาที่พรรคเพื่อไทย ที่ถือว่าเป็น “คู่แข่ง” อย่างแท้จริง งานนี้เชื่อว่าในอนาคตจะมีรายการดุเดือดเลือดพล่านกันอีกหลายครั้ง !!


กำลังโหลดความคิดเห็น