“พรรคฝ่ายค้าน” ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 6 รัฐมนตรี ปมบริหารวัคซีน-แก้ไขสถานการณ์โควิด-19 เศรษฐกิจล้มเหลว เมินแตะ “บิ๊กป้อม-ธรรมนัส” วอนพรรคร่วม รบ.นึกถึง ปชช.ที่เลือกมา
วันนี้ (16 ส.ค. ) ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ พร้อมด้วย หัวหน้าพรรคและตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน เช่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานยุทธศาตร์พรรคเพื่อชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลซ์ เข้ายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร
โดย นายสมพงษ์ กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ร่วมกันพิจารณาเห็นถึงความบกพร่องของรัฐบาล ทั้งการบริหารวัคซีนแก้ไขปัญหาโควิด-19 ไปจนถึงการแก้ไขสถานการณ์เศรษฐกิจที่ล้มเหลว จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล พร้อมขอให้ประธานสภาฯ บรรจุเป็นวาระด่วนเพื่อพิจารณาในการประชุมสภาฯต่อไป
สำหรับการอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลครั้งนี้ มีทั้งสิ้น 6 คน ประกอบด้วย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุชาติชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เมื่อถามถึงเหตุผลที่ไม่มีรายชื่อของรองนายกมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายสมพงษ์ ระบุว่า ที่ประชุมฝ่ายค้านก็มีการคุยเรื่องนี้ แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ได้ข้อสรุปว่าจะตั้งเป้าปัญหาโควิด-19 และเศรษฐกิจเป็นหลัก ดังนั้น การจะอภิปรายใครก็ตามจะต้องตรวจสอบว่าจะสามารถชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบว่างานของรัฐมนตรีดังกล่าวเป็นอย่างไรได้หรือไม่ และการทำงานของฝ่ายค้านต้องทำงานเป็นคณะ ซึ่งก็มีการประชุมกันมาหลายครั้งก่อนที่จะได้ข้อสรุปออกมา ซึ่งได้เน้นไปยังบุคคลที่รับผิดชอบเรื่องนั้นๆ เป็นหลัก โดยครั้งนี้เชื่อว่าข้อมูลที่จะอภิปรายนั้น มีความมั่นใจว่าหลักฐานครบถ้วนที่จะสามารถยื่นเอาผิดต่อได้ในภายหลังจากนี้ แต่การที่จะเอาชนะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้นั้น ต้องฝากไปยัง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ที่เมื่อรับฟังข้อมูลแล้วมีความคิดความอ่านก็ให้คิดถึงประชาชนเป็นหลัก เพราะจะส่งผลไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างแน่นอน
เมื่อถามต่อถึงเหตุผลที่ไม่มีชื่อรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า แม้มีรายงานว่าพรรคก้าวไกล ได้เสนอชื่อเข้าที่ประชุมด้วย โดย นายพิธา ตอบว่า กระบวนการเลือกรัฐมนตรีก็เหมือนกัน แต่ละพรรคจะมีรายชื่อรัฐมนตรีที่ไม่ไว้วางใจเป็นของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านก็ต้องประชุมร่วมกันก่อนจะพิจารณารายชื่อที่จะยื่นญัตติออกมาโดยโฟกัสไปที่รัฐมนตรีทั้ง 6 คน ที่ได้กล่าวไปแล้วเท่านั่น นอกจากนี้ นายพิธา ยังระบุถึงเหตุผลในการเลือกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงนี้ เป็นเพราะตั้งใจใช้กลไกสภาแก้ไขวิกฤตลดความขัดแย้ง ซึ่งครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนที่เด่นชัด คือ ความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมยืนยันฝ่ายค้านร่วมมือกันทำงานอย่างเหนียวแน่น เพราะทุกพรรคเอาประชาชนเป็นตัวตั้งทุกความเห็นต่างย่อมเกิดขึ้นได้ตลอด
ด้าน นายชวน กล่าวว่า เมื่อมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว เจ้าหน้าที่จะนำไปตัวสอบระเบียบข้อบังคับต่างๆ ไม่เกิน 7 วันก่อนที่จะแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบเพื่อหารือกับคณะรัฐมนตรีว่าจะอภิปรายในช่วงใดต่อไป
ทั้งนี้ นายมงคลกิตติ์ ยังกล่าวเรียกร้อง ให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รีบลาออกจากตำแหน่ง โดยหากยังฝืนอยู่ตนมองว่าอาจมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ หลังจากนี้ พร้อมระบุว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน เพราะสถานการณ์ในประเทศขณะนี้อยู่ในขั้นวิกฤต และฝากไปถึงพรรคร่วมรัฐบาล ว่า หากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ยังยกมือโหวตผ่านให้พลเอก ประยุทธ์ อีก ก็อยากให้ทุกพรรคร่วมรัฐบาลไปปิดพรรคได้เลย เพราะหากถึงวันเลือกตั้งจะไม่มีประชาชนเลือกอีกเลย
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยตัวแทนจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้แก่ พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติ พรรคพลังปวงชนไทย พรรคเสรีรวมไทย และพรรคก้าวไกล ร่วมกันยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีรัฐมนตรีที่จะถูกยื่นอภิปรายทั้งหมด 6 คน ได้แก่
1. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
2. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
3. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
4. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
5. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
6. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญา ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรมจริยธรรม และไร้ความสามารถที่จะเป็นผู้นำประเทศ บริหารราชการแผ่นดินเกิดความล้มเหลว โดยเฉพาะในยามที่บ้านเมืองต้องประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2563 ได้รวมศูนย์อำนาจ รวบอำนาจตามกฎหมายต่างๆ ถึง 40 ฉบับ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและไม่สุจริต การกลายพันธุ์ของโรคติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้เพียงระยะเวลา 4 เดือนเศษ มีผู้ติดเชื้อเกือบ 900,000 คน และเสียชีวิตกว่า 7,000 คน
ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอที่จะรับรักษาผู้ป่วย “ระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลว” เกินขีดความสามารถในการบริการประชาชน หากปล่อยให้พลเอกประยุทธ์ บริหารราชการแผ่นดินต่อไป จะทำให้ประชาชนติดเชื้อและเสียชีวิตมากยิ่งขึ้น จนไม่สามารถหาสถานที่ฌาปนกิจได้ทันและเพียงพอ ไม่มีหนทางที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขาดซึ่งองค์ความรู้ ไร้ซึ่งภูมิปัญญาและความสามารถในการกำกับดูแลงานด้านสาธารณสุขของประเทศ มีพฤติกรรมคุยโม้โอ้อวด ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หลอกลวงประชาชน ขาดสติปัญญา ประเมินความรุนแรงและผลกระทบของโรคนี้ผิดพลาดอย่างร้ายแรง โดยเห็นว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดาเป็นและหายได้เอง ประเมินว่าเป็นโรคกระจอก จึงปล่อยปละละเลยในการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขและมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโดยเฉพาะวัคซีน จนทำให้การแพร่ระบาดของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว หากปล่อยให้นายอนุทิน ดำรงตำแหน่งต่อไป จะทำให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงเมื่อใด ชีวิตของพี่น้องประชาชนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจะมีเพิ่มมากขึ้น
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญาและไร้ความรู้ความสามารถที่จะบริหารราชการของกระทรวงแรงงาน ทำให้ผู้ใช้แรงงานได้รับผลกระทบทั้งระบบ ปล่อยปละละเลยให้แรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายปะปนอยู่ในระบบแรงงาน และเกิดการแสวงหาประโยชน์จากแรงงานผิดกฎหมายดังกล่าว จนเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ประพฤติตัวเสเพลไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมโรค เข้าไปในแหล่งอบายมุขจนเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปทั่วประเทศจนถึงปัจจุบัน ขาดจิตสำนึกรับผิดชอบ มุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของตน
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญาและไร้ความสามารถในการบริหารงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำให้การบริหารงานด้านการเกษตรล้มเหลวทั้งระบบ เข้าไปมีส่วนได้เสียในการเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการของหน่วยงานที่ตนกำกับดูแล ไม่ปกป้องรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จงใจเบียดบังเอาทรัพยากรของชาติไปให้พวกพ้องตนเอง ปล่อยปละละเลยให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคในสัตว์ ทั้งวัวและสุกร จนส่งผลเสียหายแก่เกษตรกรจำนวนมาก ขณะที่มาตรการชดเชยเยียวยาแก่เกษตรกรไม่ทั่วถึงและเพียงพอ
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีพฤติการณ์จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ใช้ตำแหน่งหน้าที่และสื่อของรัฐเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงและสร้างความแตกแยกในสังคม ทำลายบรรทัดฐานอันดีของสังคม มุ่งประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
นายสมพงษ์ กล่าวว่า ความล้มเหลวของรัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์โควิด-19 เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ประธานสภาควรต้องเร่งหารือกับฝ่ายบริหารเพื่อบรรจุเข้าไปเป็นวาระในการอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยเร็ว ซึ่งการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านเน้นที่การอภิปรายความผิดพลาดของรัฐบาล ใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลว และพฤติกรรมการทุจริต แม้มีการเสนอชื่อรัฐมนตรีคนอื่นๆ เข้ามา แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมดมีความเห็นร่วมกันที่จะอภิปรายเปิดเผยข้อมูลความผิดพลาดของรัฐมนตรีทั้ง 6 คนซึ่งมีความรับผิดชอบโดยตรงต่อสถานการณ์โควิด-19 โดยมีพลเอกประยุทธ์เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด
“ฝากไปถึงพี่น้องประชาชน ขอให้ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ฟังการชี้แจงของรัฐมนตรีทั้ง 6 คน ว่า บุคคลเหล่านั้นเห็นแก่ใคร เห็นแก่พี่น้องประชาชนที่ล้มตายหรือไม่ ผมขอร้องให้ทุกคนตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งหน้า การบริหารราชการที่ผิดพลาดล้มเหลวในครั้งนี้ถือว่าร้ายรายที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรสุดไปมากกว่านี้ ส่วน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ผมขอให้คำนึงถึงประชาชนด้วย” นายสมพงษ์ กล่าว