“ชวน” งดประชุมสภา 11 ส.ค. หลังสถานการณ์โควิตยังวิกฤต ส่วนถกงบวาระ 2-3 ยังคงนัด 18-20 ส.ค. เหตุต้องเร่งให้จบภายในกรอบเวลา เผย สธ.ผ่อนผันให้ ส.ส.เดินทางมาร่วมประชุมตามความเหมาะสม
นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้หารือร่วมกับรองประธานสภาผู้แทนราษฎรทั้งสอง และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าควรให้งดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 11 ส.ค. 64 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และข้อกำหนดของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่ต้องการจำกัดการเคลื่อนย้ายบุคคล โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายเข้า-ออกในพื้นที่สีแดงเข้ม
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรจะเปิดประชุมในวันที่ 18-20 ส.ค. 64 เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในวาระที่ 2 และ 3 เนื่องจากเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนในการพิจารณานำงบประมาณมาบริหารประเทศ และมีข้อจำกัดในเรื่องเวลาการพิจารณา โดยต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 29 ส.ค. 64 อย่างไรก็ตาม สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนจะกำหนดมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ที่รัดกุมและเข้มงวดมากยิ่งขึ้นต่อไป
สำหรับการเดินทางมาประชุมสภาของ ส.ส. นั้น นายชวน มีดำริให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือไปยังปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้แจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ในการขอผ่อนผันเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคมและการตรวจคัดกรอง ส.ส. ที่เดินทางมาประชุม โดยทางกระทรวงสาธารณสุข ได้ตอบกลับมายังสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 64 ว่า ได้หารือร่วมกับ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ในการนี้ ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดให้มีการตรวจคัดกรองผู้เดินทางข้ามจังหวัดตามความเหมาะสม โดยต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส.
นอกจากนี้ นายชวนยัง ได้ฝากให้กำลังใจแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาจารย์แพทย์หลายๆ ท่านที่ให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรคโควิด-19 โดยได้โทรศัพท์ไปให้กำลังใจอาจารย์แพทย์ทุกท่านเป็นการส่วนตัว ซึ่งทุกท่านไม่ได้ต้องการชื่อเสียงและหวังผลทางการเมือง แต่ต้องการให้สังคมไทยมีความเข้าใจโรคที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ และเนื่องจากโรคโควิด-19 เป็นโรคระบาดใหม่ จึงมีข้อมูลการศึกษาไม่ครบถ้วน อีกทั้งยังมีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การที่อาจารย์แพทย์ทุกท่านเผยแพร่ข้อมูลใหม่ๆ จึงเป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่จะได้ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโรคดังกล่าว