ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ผลข้างเคียงโควิดแรง "ณวัฒน์ ณ หิวแสง" เลยเพี้ยน? ทำเป็นโชว์ ลาขาดช่อง3 กล้าถอนตัวครัวคุณต๋อย เพราะยังมีมิสแกรนด์เป็นฐานที่มั่นยันอยู่
ขยันไลฟ์สดขณะที่ยังรักษาอาการติดเชื้อโควิด "ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" พิธีกรและผู้อำนวยการมิสแกรนด์ฯ เพื่อทำตัวให้มีแสงอยู่ในกระแสความสนใจของโซเชียลฯ หลังกระแสตีกลับกะฟาดเจ้าสัวข่มขู่ขอเงินบริจาค100ล้านไม่ให้แล้วพาล ที่หลายคนมองว่ามีเจตนาเล่นใหญ่ก็เพียงเพื่อกลบข่าวการประกวดมิสแกรนด์ฯ ของตัวเอง โดนข้อหาแหก พ.ร.ก.ฉุกเฉินจนนางงามและพี่เลี้ยงติดโควิดกันระงมทำให้สังคมผวาหนักขึ้นไปอีก
เที่ยวล่าสุด “ณวัฒน์” ออกมาไลฟ์ผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวอีก ว่าจะลาออกจากการทำงานกับช่อง 3 ทุกรายการ และจะไม่ร่วมงานอีกต่อไป เพราะไม่ต้องการรับเศษเงินของสปอนเซอร์ช่องน้อยสี
โดยช่วงหนึ่งในการไลฟ์ “ณวัฒน์” ได้ประกาศชัดเจนว่า “ผมขอประกาศตั้งแต่วินาทีนี้ ขอหยุดบทบาทพิธีกรรายการ ครัวคุณต๋อย ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ถ้าสัญญาณมาว่าอย่าพูดเรื่องเจ้าสัว เพราะกลัวไม่ได้สปอนเซอร์ จบ! ใครอยากจะก้มเอาเศษตังค์มัน เชิญ! ไม่ต้องส่งข้อความมาแสดงอิทธิฤทธิ์เหนือผม ส่วนรายการอื่น เดี๋ยวมาเคลียร์ ใครจะแพลนอะไร จะทำอะไรเชิญ จำเอาไว้ ผมไม่ซัพพอร์ตพวกคุณเด็ดขาด ไม่มีทาง อย่าคิดว่าผมกลัว และด้วยความเคารพ ผมเคารพทุกคนที่ทำงานด้วยกัน ผมจึงปล่อยตัวเองให้ฟรี เพื่อให้ไม่เป็นปัญหาต่อทุกคน เพราะผมจะใช้สมองทำงาน ผมไม่อยากให้คุณเอาเศษตังค์ของคุณมาบังคับผม จำเอาไว้! ฉะนั้นสถานีไม่ต้องมาตื่นเต้นกับผม ทีวีไม่มีอนาคตหรอก จำเอาไว้ ต่อไปนี้เราจะเจอกันบนโซเชียลฯ ทุกคนเข้าใจนะครับ"
พลันที่โซเชียลฯ รับรู้ก็มีความเห็นเข้ามาเป็นกระแส ดูท่า “ณวัฒน์” จะกู่ไม่กลับ บ้างก็ว่า ผลข้างเคียงจากโควิดช่างน่ากลัว ทำคนให้สติแตก ฟาดงวงฟาดงา ระรานคนไปเรื่อย เมื่อไม่ได้ดั่งใจ ขอเงินบริจาค100 ล้านไม่ได้ ก็ตะแบงต่อว่า จะไม่ยอมก้มเก็บเศษสตางค์ ช่อง3 บ้างก็ว่า เอาเวลาที่ไลฟ์สดไปรักษาตัวเองให้หายดีก่อนมั้ย? ดูๆ เรื่องที่ทำไม่สมเหตุสมผล คนที่อวดตัวเองว่าฉลาดแบบ “ณวัฒน์” งานนี้ อ้าปากก็จะเห็นลิ้นไก่
ถ้าจะวิเคราะห์กันจริงจังว่าทำไม “ณวัฒน์” สะบั้นหนทางทำมาหากินในช่อง3 และ กำลังเคลียร์อีกหลายๆ รายการที่เป็นแหล่งทำเงิน ที่เล่นใหญ่ “ณวัฒน์” ย่อม"ดีดลูกคิดรางแก้ว" ไว้อยู่แล้ว
ที่หิวแสงตะแบงทำเป็นโชว์ลาออกจากการทำงานช่อง3 ถอนตัวจาก “ครัวคุณต๋อย” ไม่ใช่ไม่คิด ...แต่ที่กล้า เพราะว่า ยังมีมิสแกรนด์ฯ เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายไว้รองรับ
ว่ากันว่า แหล่งรายได้ของ “ณวัฒน์” ไมได้อยู่ที่พิธีกรร่วมครัวคุณต๋อย หรือรายการอาหารที่คนทางบ้านเห็นว่า จัดรายการชิมอาหาร แต่กินไม่เป็น แถมหน้าที่พิธีกรก็เป็นแค่องค์ประกอบรายการ ที่สร้างรายได้หลักเป็นกอบเป็นกำให้ “ณวัฒน์” หรือ พูดง่ายๆฐานที่มั่นของเจ้าตัวอยู่ที่ "การประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์" ต่างหาก
จากเวทีประกวดขาอ่อน สร้างกระแสให้คนรู้จัก นอกจากสปอนเซอร์แล้ว “ณวัฒน์” ยังต่อยอดธุรกิจทำสินค้าตีตรา "นางงาม" ทั้งเฟสเซรั่ม ครีม ไล่ไปจนถึง น้ำพริกปลาสลิดตรานางงาม เห็นว่า ขายดิบขายดี
นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่แม้จะมีวิกฤตโควิด ทำไมการประกวดมิสแกรนด์ฯ จึงโนสน โนแคร์สังคม ไม่ยอมงด ยังเคลื่อนไหวจัดอยู่ โดยมีภาพออกมาไม่สวมแมสก์ ไม่รักษาระยะห่าง ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จนมีคนแจ้งความกล่าวโทษ แถมนางงามและพี่เลี้ยง ติดโควิดอีกด้วย
พอเวทีนางงามมิสแกรนด์ตกเป็นข่าวแหกกฎหมาย ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ เผลอๆไปถึงลามไปถึงสปอนเซอร์ที่จะตามมา เป็นที่เข้าใจได้ ขณะ “ณวัฒน์” ยังรักษาตัวจึงต้องทำอะไรสักอย่าง กางปีกป้อง ลุกมาไลฟ์สดทั้งหน้ากากออกซิเจนตามที่เป็นกระแสสมใจตอนนี้นั่นแหละ ...จะไม่ให้คิดได้อย่างไรว่า เป็นเรื่องบัญเอิญ นอกจากสร้างกระแสกลบขี้มิสแกรนด์ฯ ที่ทำไว้ ใช่หรือไม่ใช่หนอ? “ณวัฒน์” ช่วยขยี้ประเด็นนี้ที
เพราะว่า มีผลประโยชน์จาก มิสแกรนด์ฯ เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายที่ต้องพยายามรักษา ใครจะว่า เพี้ยน ใครว่า บ้าบอ หิวแสง ก็ต้องตะแบงต่อไมรอแล้วนะ..
งานนี้ คนหวังดีบอกว่า ถ้าจะรักษาอาการข้างเคียงโควิดของ “ณวัฒน์” ที่เป็นอยู่ให้หายง่ายนิดเดียว...ลงโทษการประกวดมิสแกรนด์ฯ ที่แหก พ.ร.บ.ฉุกเฉินไปให้สุดซอย รับรองหายทันที.!
** เพราะคุมโควิดไม่อยู่ ตอนนี้“ลุงตู่” จะทำอะไร สั่งอะไร ก็มีคนเห็นแย้ง เมื่อลุงบอกจะ เวิร์กฟอร์มโฮม ในโซเชียลฯกลับหนุน บอกให้ยาวไปเลย
หลังมีประกาศคำสั่ง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี เรื่อง ข้อกำหนดออกตามความใน มาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน (ฉบับที่ 27) “ล็อกดาวน์” 10 จังหวัด สกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ก็ “เอาไม่อยู่” ต้องออกประกาศ ฉบับที่ 28 ตามมา และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (20ก.ค.)
ประกาศฉบับใหม่นี้ นอกจากมีการปรับปรุงเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพิ่มขึ้น 3 จังหวัด คือ จ.ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และ อยุธยา แล้วยังมีรายละเอียดของมาตรการที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะมาตรการ “เวิร์กฟอร์มโฮม”
เพราะจากการประเมินในช่วง7 วัน หลังการออกประกาศฉบับที่ 27 ยังพบว่า ส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด ยังไม่มีการเวิร์กฟอร์มโฮมอย่างเต็มที่ จึงมีการออกข้อกำหนดที่ให้หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เวิร์กฟอร์มโฮม แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ไปจนถึงวันที่ 2ส.ค.64
ส่วนภาคเอกชนนั้น เป็นการขอความร่วมมือ และเชิญชวนให้เวิร์กฟอร์มโฮม 100เปอร์เซ็นต์เช่นกัน แต่ไม่ได้มีลักษณะบังคับทางกฎหมาย
เมื่อ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนออกคำสั่งเอง ถ้ายังทำตัวตามปกติ ยังมาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล หรือยังลงพื้นที่ตรวจงานที่โน่น ที่นี่ รับรองว่าเป็นประเด็นแน่ จึงตัดสินใจ “เวิร์กฟอร์มโฮม” ด้วย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
โดยการประชุม ครม.ในวันนี้ ก็จะประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ลดการเดินทางของคณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ แต่หากกรณีมีบุคคลสำคัญจากต่างประเทศมาเข้าเยี่ยมคารวะ ก็คงต้องมาพบที่ทำเนียบรัฐบาล
พลันที่มีข่าวว่า “ลุงและครม.” จะเวิร์กฟอร์มโฮม กระแสในโซเชียลฯ ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก … ประเด็นไม่ได้จำกัดที่ “เวิร์กฟอร์มโฮม” แล้วจะช่วยหยุดยังการแพร่ขยายของโรคที่ติดเชื้อกันวันละหลักหมื่น ตายวันละหลักร้อย
แต่ส่วนใหญ่รู้สึก “สลดใจ” ว่าบ้านเรา เมืองเรา มาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร เพราะเพียงแค่ประมาณ 2 เดือนที่ “ลุงตู่” รวบอำนาจ บริหารจัดการแบบ “ซิงเกิล คอมมานด์” ในการสู้กับโควิด เอาความคิดตัวเอง และคนใกล้ชิดเป็นข้อยุติ… จากมีคนติดเชื้อวันละแค่หลักสิบ หลักร้อย พุ่งทะยายเป็นหลักพัน ถึงวันนี้ทะลุหมื่นไปแล้ว แถมไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ...จำนวนคนตายยิ่งน่าสลดใจทะลุหลักร้อย ที่อาการโคม่า ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอีกไม่รู้กี่พันต่อกี่พัน บางรายตายแบบไม่ถึงโรงพยายาล ไม่ถึงมือหมอเสียด้วยซ้ำ ...
จะตรวจว่าติดเชื้อโควิดหรือไม่ ก็คิวยาวเหยียด โรงพยาบาลก็เปิดอย่างจำกัด ใช่ว่าจะได้ตรวจกันง่ายๆ ... รู้ว่าติดเชื้อแล้วแต่ก็ไม่มีโรงพยาบาลรองรับ โรงพยาบาลสนามก็ล้น ประชาชนตกอยู่ในภาวะ เครียด หวาดผวา ไม่รู้ว่าตัวเอง ญาติพี่น้อง จะโดนเข้าเมื่อไร โดยแล้วจะทำอย่างไรกันต่อไป … การฉีดวัคซีนก็กระท่อนกระแท่น นัดไว้แล้วก็โดนเท ที่ฉีดไปแล้วก็ป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ตัวใหม่ไม่ได้ มีแต่ข่าวว่าสั่งวัคซีนเป็น100ล้านโดส แต่กว่าจะมาก็ปลายปี วัคซีนทางเลือกก็ตกอยู่ในมือของภาคธุรกิจเอกชน
ความเห็นจากบุคลากรทางการแพทย์ กับฝ่ายการเมือง ก็ไม่ไปในทิศทางเดียวกัน มองกันคนละมุม ห่วงกันคนละอย่าง ประชาชนอยู่อย่างหวดผวา รู้สึกว่าอยู่ตรงไหน จะทำอะไรก็มี “ความเสี่ยงสูง”ไปหมด
เพราะเรื่องการควบคุมการแพร่ระบาด-เตียงรองรับผู้ป่วย-การจัดหาและบริหารจัดการวัคซีน ...ควรจะเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข … แต่ไม่ใช่ กลับมาอยู่ที่ “ลุงซิงเกิล คอมมานด์”... แล้วลุงก็บริหารจัดการได้อย่างน่าผิดหวัง ต้นตอการระบาดที่มาจากแรงงานเถื่อน จากบ่อนพนัน จากสถานบันเทิง ลุงก็ควบคุมไม่ได้ เพราะคนในระบบราชการมีผลประโยชน์ … ที่ร้ายสุดคือชีวิตประชาชนเสมือนตกเป็นตัวประกัน
ดังนั้น เมื่อลุงบอกจะ “เวิร์กฟอร์มโฮม” กระแสโซเชียลฯ จึงแสดงความเห็นกันอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่ประชดประชันว่า ลุงควรจะเวิร์กฟอร์มโฮมยาวไปเลย ...ไม่ต้องกลับมาทำเนียบฯแล้ว