xs
xsm
sm
md
lg

ทำไมโมเดอร์นาไม่เป็นวัคซีนหลัก? ทำไมถึงเว้นไว้ให้ รพ.เอกชน ทำกำไร? “หมอบุญ” ที่นั่งใน คกก.ของรัฐตอบหน่อย ** สัจธรรม “ลุงตู่” ขาขึ้น ผายลมยังชมว่าหอม มาตอนนี้ขาลงเห็นแค่ภาพยังไม่อยากมอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นพ.บุญ วนาสิน - นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา - พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์
ข่าวปนคน คนปนข่าว

** ทำไมโมเดอร์นาไม่เป็นวัคซีนหลัก? ทำไมจึงถูกเว้นไว้ให้เป็นวัคซีนทางเลือกเพื่อให้ รพ.เอกชน เอามาทำกำไร? “หมอบุญ” ที่นั่งในคณะกรรมการของรัฐตอบหน่อย

นพ.บุญ วนาสิน
ว่าด้วยวัคซีน mRNA วัคซีนทางเลือก “โมเดอร์นา” ยังเป็นกระแสอยู่ในความสนใจของสังคมท่ามกลางการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่สถานการณ์วิกฤตอยู่ในขณะนี้ ก็ยังถกเถียงกันอยู่กันไม่จบ

ดรามาล่าสุดเป็นเรื่องของราคาที่ไทยสั่งซื้อนั้นสูงกว่าหลายๆ ชาติ โดยถูกเก็บภาษีศุลกากรและภาษีมูลค่าเพิ่มสูงกว่า 7% จนร้อนถึงกรมศุลกากร และสรรพากร เต้นเป็นเจ้าเข้า รีบแถลงดับไฟว่า วัคซีนอยู่ในข่ายยกเว้นภาษีอยู่แล้ว และเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามเรตก็คือ 7%

พูดง่ายๆ ว่า เป็นไปไม่ได้ว่า “โมเดอร์นา” ที่จะเข้าไทยแล้วเอามาขายโดยเอกชนรับไปฉีดให้ประชาชนเป็นวัคซีนทางเลือกที่หลายคนที่จองกับโรงพยาบาลเอกชนบ่นว่า ราคาแพง ซึ่งตกโดสละ 1,700 บาทนั้น จะมีราคาสูงมาจากเหตุผลของกำแพงภาษี
ก่อนหน้านี้ ถ้าจำกันได้ องค์การเภสัชฯ ที่เป็นตัวกลางสั่งซื้อโมเดอร์นา ระบุว่า ราคาบวก Vat 7% ของ อภ.สั่งมาอยู่ที่ 1,100 บาทเท่านั้น

ดังนั้น ดรามา “โมเดอร์นา” ราคาแพงกว่าชาวบ้านประเทศอื่นๆ นี้ แทนที่จะเบี่ยงเบนประเด็นกันไปเรื่องภาษี น่าจะตั้งคำถามกับคณะกรรมการจัดหาวัคซีนที่ “ลุงตู่” พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตั้งขึ้นมามี “นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน นั่นจะดีกว่าหรือไม่

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร
แค่ประเด็นราคาที่ อภ.สั่งมา และที่ รพ.เอกชน มาเปิดรับจองมีส่วนต่างเห็นๆ ก็โดสละ 500-600 บาท ลองคำนวณคร่าวๆ สั่งมา 5 ล้านโดส ที่เปิดรับจองไว้ก็มีกำไรเข้า รพ.เอกชน งานนี้ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้าน

เอาแค่ประเด็นนี้ประเด็นเดียว คณะกรรมการชุดนี้ก็ไม่เคยออกมาตอบให้ชัดเจนว่า ภาวะวิกฤตของชาติแบบนี้ ยังเป็นโอกาสของการทำกำไรกันมากมายเช่นนี้หรือ?

อย่าลืมว่า คณะกรรมการชุดนี้ มี “หมอบุญ” นพ.บุญ วนาสิน ประธานกลุ่มธนบุรีเฮลธ์แคร์ และเป็นตัวแทนของสมาคมโรงพยาบาลเอกชน นั่งอยู่ด้วย

และต้องไม่ลืมว่า “หมอบุญ” เองอยู่ในคณะจัดการวัคซีนของรัฐ แต่กลับออกมาเรียกร้องเร่งให้รัฐบาลนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา เป็นวัคซีนทางเลือกเพื่อ รพ.เอกชน

คำกล่าวอ้างที่ว่า เพื่อให้ประชาชนเป็นทางเลือก ซึ่งดูเหมือนจะดี เพราะปัญหาวัคซีนไม่พอ ประชาชนไม่มีทางเลือกจริงๆ เมื่อรอคอยของฟรีที่รัฐบาลจัดหามาให้ก็ไม่รู้จะได้ฉีดเมื่อไหร่ จึงมีประชาชนที่ยอมควักเงินจองโมเดอร์นาแม้จะราคาสูงก็ตาม เป็นผลให้ รพ.เอกชนที่เปิดรับจองวัคซีนเทพตัวนี้กันอย่างล้นหลาม รวมไปถึง รพ.ในเครือของ “หมอบุญ” ด้วย

เรียกว่า เปิดจองปุ๊บหมดปั๊บ ภายในพริบตา ทั้งๆ ที่ก็น่าแปลกใจไม่เคยมีใครตั้งคำถามกับคณะกรรมการจัดหาวัคซีน ว่า ทำแบบ conflict of interest หรือไม่

เอาดีๆ มีคำถามว่า “หมอบุญ” มีสองสถานะ ทำเพื่อชาติ หรือ เอกชน? ผลประโยชน์มันขัดแย้งยังไงพิกล

นี่ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ตอนที่ “หมอบุญ” ออกมาโวยวายเรียกร้องให้รัฐรีบๆ นำเข้าโมเดอร์นาเร็วๆ นั้น หมอบุญ สวมหมวกเป็นตัวแทนรัฐ หรือเอกชนรักษาผลประโยชน์ให้โรงพยาบาลเอกชนกันแน่ ?

เพราะตอนนั้น ที่ รพ.เอกชนเปิดจองวัคซีนไปแล้วแต่กลายเป็น “วัคซีนทิพย์” ไม่รู้จะได้มาเมื่อไหร่ จน อภ.ต้องออกมาพูดถึงการจองซื้อก็ต้องมีเงินไปวางให้ผู้ขายเขาด้วย ไม่ใช่มามือเปล่า “จองทิพย์” ...ประเด็นนี้มีคำถามมากมายเกี่ยวกับการทำหน้าที่ขัดแย้งผลประโยชน์ของหมอบุญ

ในเมื่อ “หมอบุญ” นั่งอยู่ในคณะกรรมการจัดหาวัคซีน หากสวมหมวกเป็นคนของรัฐ เรื่องนี้ก็ต้องเคลียร์กันได้

อย่าว่าแต่เคลียร์เลย “หมอบุญ” ควรแก้ปัญหาเรื่องวัคซีนให้ภาครัฐด้วยใช่หรือไม่ ?

ต้องย้อนกลับไปตอนที่วัคซีนเป็นปัญหาไม่พอ หลายๆ คนก็ออกมาแสดงความเห็นว่า รัฐบาลควรกระจายความเสี่ยง สั่งซื้อหลายๆ ยี่ห้อให้มาเป็นวัคซีนหลัก ซึ่งหมายถึงวัคซีนฉีดฟรีเพื่อประชาชน นอกจาก ซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า สองยี่ห้อที่วางแผนไว้ เมื่อสถานการณ์คับขัน จะยี่ห้อไหน หรือ mRNA อย่าง ไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา จำเป็นก็ต้องเสนอให้ที่ประชุมจัดหามาเพื่อเป็นวัคซีนหลัก

ทำไมโมเดอร์นา ไม่เป็นวัคซีนหลัก “หมอบุญ” ที่นั่งประชุมอยู่ก็ต้องรู้ แล้ว ...ทำไม โมเดอร์นา จึงถูกเว้นไว้ให้เป็นวัคซีนทางเลือกเพื่อให้ รพ.เอกชน เอามาทำเชิงพาณิชย์ทำกำไรในภาวะที่ประชาชนไร้ทางเลือก แถมปั่นกระแสให้กลายเป็นวัคซีนเทพ ที่ต้องหามาฉีดเข็ม3 กันอีก

รัฐมีข้อจำกัดอะไรที่จะจัดหาวัคซีนโมเดอร์นามาฉีดฟรี หรือ เพราะมีใครอยากกันเอาไว้ให้เอกชน เพราะได้ราคามากกว่าวัคซีนยี่ห้ออื่นๆ คล้าย “ล็อกเป้า” เอาไว้ว่า ผลออกมาอย่างที่เห็นๆ กัน ความต้องการมีสูงเลยจะเก็บไว้เป็นวัคซีนทางเลือก ?
หมอบุญและคณะกรรมการจัดหาวัคซีน ตอบคำถามพวกนี้สักทีเถอะ

ตอบให้สังคมได้ “โมเดอร์นานุสติ” คลายสงสัย หายดรามากันเถอะหมอ



พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์
** สัจธรรม “ลุงตู่” ขาขึ้น ผายลมยังชมว่าหอม มาตอนนี้ขาลงเห็นแค่ภาพยังไม่อยากมอง

วันนี้ (12 ก.ค.) เป็นดีเดย์สำหรับชาวกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และบางจังหวัดอีกส่วนหนึ่งที่จะเข้าสู่โหมดถูกคุมเข้ม ถูกห้ามในกิจวัตรหลายอย่างตามมาตรการ ศบค.เพื่อควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

วิกฤตระลอกนี้ วนลูปกลับมาที่เดิม เพิ่มเติมคือ ปัญหาที่สะท้อนการจัดการภาครัฐโดยเฉพาะ ศบค.ดูจะหนักหนาสาหัสกว่าที่ผ่านๆ มา ไม่ว่าจะเป็น “เข้าคิวกลางสายฝนรอตรวจ”..“คนแออัด รอฉีดวัคซีน” ..“เตียงเต็ม” จนเกิดเหตุสลด ผู้ป่วยบางรายเสียชีวิต

หันมาดูตัวเลขผู้ติดเชื้อระดับเฉียดหมื่นมาหลายวัน ยอดผู้เสียชีวิตใกล้ๆ หลักร้อยต่อวัน ทำให้ประชาชนยิ่งคับแค้น คับใจ ไหนจะเรื่องของธุรกิจ และเศรษฐกิจ ที่จะถูกกระทบจากมาตรการครั้งนี้ แทบจะเรียกได้ว่า เดือดร้อนไปทุกอณูของสังคม
เหล่านี้ปรากฏอยู่ในฟีดข่าว และโลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ “รัฐบาลลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเฉพาะตัวของนายกฯ ที่รวบอำนาจบริหารจัดการด้วยวิธี “ซิงเกิลคอมมานด์”

ลุงตอนนี้เรียกว่า แตกต่างจากช่วงขึ้นมาครองอำนาจใหม่ๆ ตอนนั้น “ขาขึ้น” ใครที่นิยมก็ชมชอบ ทำอะไรก็ถูกใจกองหนุน อุปมาเหมือนคนรักกัน แรกรักแม้แต่ตดก็ยังชมว่าหอม

วิกฤตโควิดมาถึงวันนี้ เมื่อ “ซิงเกิลคอมมานด์” จัดการบริหารสถานการณ์ผิดพลาดช่วงตั้งแต่ปล่อยคนกลับบ้านสงกรานต์ จนโรคระบาดกลับมาหนัก ผสมกับการประเมินบริหารวัคซีนได้ไม่ดีพอ ประกาศปูพรมรณรงค์ให้คนมาฉีดวัคซีน แต่จัดหามาได้กระท่อนกระแท่น ย่างเข้ากลางปี วัคซีนเข็มแรกให้ประชาชนยังไม่ถึงเป้าเลย

วันนี้เรียกวา ทุกอย่างเละตุ้มเป๊ะเพราะ ซิงเกิลคอมมานด์ !!

ว่ากันว่า การประชุมครั้งล่าสุดก่อนจะออกประกาศ ก่อนประชุม ศบค. ประกาศ “ล็อกดาวน์” นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร โทร.มาหา “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข เวลาออกสื่อ ห้ามใช้คำว่า “ล็อกดาวน์” ถามว่าทำไม ? เพราะนายกฯ ไม่อยากได้ยินคำว่า “ล็อกดาวน์” เพราะกลัวถูกด่าหนัก ทั้งๆ ที่ในที่ประชุม “ลุงตู่” พูดเองว่า ต้องล็อกดาวน์

ก่อนนี้ ขณะที่กำลังพยายามคุมเชื้อเต็มที่ แต่วันหนึ่งกลางดึก ที่เขาว่ากันว่านโยบายลักหลับของ ศบค. ก็ไล่คนกลับไป ตจว. ด้วยการปิดแคมป์คนงาน ปิดร้านอาหาร คนจนชนบท ที่มาหากินในเมืองต้องกลับไปบ้าน เอาเชื้อไปติดมากมาย รพ.ตจว. รับไม่ทัน รับไม่ไหว เชื้อกระจายทั่วประเทศ คุมไม่ได้

นี่คือความเป็นจริงที่สังคมเห็นได้เกืดกับตัวเอง คนใกล้ตัว ความต้องการของประชาชน การจัดการเรื่องสาธารณสุขต่างเห็นว่า ลุงไม่ต้องใช้อำนาจซิงเกิลคอมมานด์หรอก เพียงแต่ต้องใช้สมอง และหัวใจ ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชน ถ้าประชาชนไม่ร่วมมือ ก็พัง

ที่ผ่านมา รมต.เกือบทั้งคณะเป็นตรายาง มีเพียง ลุง และหมอไม่กี่คนข้างตัว และ “พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” เลขาธิการสภาความแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ที่เป็นตัวจริงของลุง

ทั้งเรื่องคุมโรค จัดหาวัคซีน จัดการผู้ติดเชื้อ ดูแลสถานการณ์อยู่กันไปแบบสิ้นหวัง

เมื่อทุกอย่างมีแต่เลวร้ายลง คะแนนนิยมในตัวลุงตู่จึงค่อยๆ ลดลงๆ กลายเป็น “ไม่เชื่อมั่น” เรียกว่าเป็นช่วงขาลงของลุงอย่างแท้จริงที่ไมว่า ทำอะไรช่วงนี้ก็ขัดหูขวางตาไปหมด

อย่างวันก่อนจะประกาศมาตรการล็อกดาวน์ ลุงขอไม่รับเงินเดือน 3 เดือน ก็เป็นประเด็นที่โลกโซเชียลแซะกลับว่า เป็นการเสียสละที่มาช้ากว่าประชาชนทีหลายๆ อาชีพ ตกงาน ไม่มีเงินเดือนใช้มาสองปีแล้ว หรือแม้แต่ถามแกมประชดว่า นี่ลุงยังคิดจะอยู่ต่ออีกตั้ง 3 เดือน?

ภาพผู้นำที่ WFH อยู่ระหว่างกักตัวที่กลายเป็นกลุ่มเสี่ยงเพราะไปเซลฟีกับประธานหอการค้า ที่ติดโควิดช่วงไปเปิด “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” แต่งสูทผูกไท ข้างหลังแขวนภาพพระพุทธรูปที่มีทองปิดหลังองค์พระก็ถูกโซเชียลฯ หยิบมาวิจารณ์กัน
ตอนนี้ลุงขาลง แม้กระทั่งหน้า หรือภาพลุงโผล่มาก็ไม่อยากจะมองกันเลยทีเดียว

ต้องบอกว่า นี่คือสัจธรรมแห่งชีวิตที่ลุงตู่ต้องยอมรับ ทุกอย่าง มีขึ้นย่อมมีลง




กำลังโหลดความคิดเห็น