ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ดึงสติชาวเน็ตหลังดรามา “แพนเค้ก” ติดโควิดยกครัว รวยเลยได้เตียงเร็ว งานนี้ต้องโทษลุงนะจ๊ะ
กรณีนางเอกดัง “แพนเค้ก” เขมนิจ จามิกรณ์ ออกมาเปิดเผยว่าตัวเองและสมาชิกในครอบครัวรวม 8 คน ติดเชื้อโควิด-19 โดยทราบผลตรวจเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. จากนั้นดาราสาวอัปเดตอาการป่วยวันที่ 29 มิ.ย. พร้อมแจ้งว่า ตอนนี้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้วนั้น
ปรากฏว่าหลังจากที่ “แพนเค้ก” อัปเดต ก็เกิดเป็นคลื่นความเป็นห่วงจากแฟนคลับและคนที่เข้ามาติดตามนักแสดงสาว ส่งกำ ลังใจขอให้หายป่วยเร็วๆ กันเป็นจำ นวนมาก แต่ขณะเดียวกันก็มีคลื่นดรามา จากบรรดาชาวเน็ตถาโถมเข้าใส่ ถามกันมากว่า ทำ ไมนางเอกสาวถึงได้รับการตรวจที่รวดเร็ว แถมได้เตียงเร็วอีกต่างหาก ทั้งๆ ที่ชาวบ้านชาวช่องมีปัญหาเข้ารับการตรวจ รพ.ไม่รับรักษา เตียงไม่พอ เตียงเต็ม โดยนำ ไปเปรียบเทียบกับ ผู้ป่วยคนธรรมดาที่นอนรอเตียงอยู่หลายเคส กลายเป็นดรามา ระหว่างชนชั้น อภิสิทธิชนของคนธรรมดากับดารา ที่ได้รับการปฏิบัติการด้านสาธารณสุขที่ไม่เท่าเทียม
คณะทัวร์ชาวเน็ตสงสัยกันมากว่า ดาราสาวรักษาที่ไหน ไป รพ.อะไร ถึงได้เข้ารับการรักษาดูแลตาม ขั้นตอนของโรงพยาบาลทันที และอยู่ในความดูแลของแพทย์ ติดต่อหน่วยงานไหน เผื่อจะได้ช่วยกระจายข่าวบอกชาวบ้านที่ไม่ได้เตียงบ้าง
หลังจากเกิดคำ ถามเหล่านี้ขึ้น ก็มีหลายคนเข้าไปอธิบายแทนดาราสาว “แพนเค้ก” ว่าอาจจะเป็นเพราะ แพนเค้กเข้าโรงพยาบาลเอกชน เพราะบางแห่งยังมี เตียงว่าง ห้องว่างอยู่ และทำ ประกันสุขภาพไว้ อีกทั้งยังควักเงินจ่ายเอง
งานนี้ “บุ๋ม” ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ก็ได้เข้ามาตอบแทนแพนเค้กเหมือนกันว่า เพราะเขาจ่าย รพ.เอกชน โดยไม่ใช้สิทธิ์การรักษาหรือเปล่า? ไม่ไปแย่งเตียงที่มันมีไม่พอตอนนี้ก็น่าจะดีแล้วนะ รพ.มีหลายเกรดนะ อย่าลืม
ว่าไปแล้วเรื่องนี้ก็ต้องดึงสติชาวเน็ตกันไว้บ้าง ให้ความเป็นธรรมกับดาราสาว “แพนเค้ก” และครอบครัวกันหน่อย ประเด็นไม่ใช่แค่จะมอง “รวยเลยได้เตียงเร็ว” ระบบสาธารณสุขและประกันสุขภาพ
ในความเป็นจริงก็อาจจะเป็นไปอย่างที่ “ปุ๋ม ปนัดดา” ว่านั้น แพนเค้กก็ไม่ผิด รพ.ก็ไม่ผิด หากจะโทษว่าใครที่ผิดก็คงลงที่ “รัฐบาลลุง” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ดี โดยเฉพาะ Single Command ที่บริหารจัดการในภาวะฉุกเฉินการแพร่ระบาดโควิด ที่ขาดประสิทธิภาพ ขาดการวางแผนทั้งเรื่องการป้องกัน การดูแล การ เตรียมรับมือกับปัญหาเตียงไม่พอ ประชาชนไม่สามารถรับบริการได้อย่างที่ควรจะเป็น ซ้ำร้ายการฉีดวัคซีน ที่เป็นปัญหาวัคซีนไม่พอจนถึงวันนี้
ทั้งหลายทั้งปวง ปัญหาต่างๆไม่ควรบานปลาย มาจนเกิดปัญหานี้ได้ ถ้าแค่ผู้นำ พูดความจริงกับประชาชนมาตั้งแต่ต้น... และแก้ปัญหาจริงจัง ไม่ใช่ พอเกิดปัญหาที ชาวบ้านด่า คิดอะไรไม่ออกก็ออกแนว ...ตลกชวนขำ พร่ำพูดแต่เราต้องชนะ แต่ไม่มีอะไรให้ หวังได้เลย คนเขาสุดทนกันจริงๆ... นะจ๊ะๆ!
**เพราะไม่เชื่อมั่น “ลุงตู่” ในการแก้ปัญหาโควิด กระแสขับไล่เลยลามไปถึง “หมอยง”
โซเชียลฯ ดรามาในช่วงวันสองวันนี้ มีทั้งผุดแคมเปญล่าชื่อ “ไล่หมอยง” และ “เซฟหมอยง”
“หมอยง” ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นที่ปรึกษาสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ให้กับรัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
บทบาทที่ผ่านมาของ “หมอยง” คือผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 การแพร่ระบาด วัคซีนป้องกันการแพร่ระบาด แม้ส่วนใหญ่ จะให้ความรู้ผ่านทาง โซเชียลฯ แต่ก็เป็นที่รับรู้กันว่า “หมอยง” นั้นเป็นที่ปรึกษา เป็นทีมงานในด้านการแพทย์ของรัฐบาล “ลุงตู่”
ในช่วงที่ประชาชนยังลังเล ไม่กล้าฉีดวัคซีน ก็ได้ “หมอยง” นี่แหละที่เป็นหัวหอกในการออกมาพูดถึง ข้อดีของการฉีดวัคซีน และเป็นทางรอดที่จะต่อสู้ กับเชื้อโควิด จนทำ ให้เกิดกระแส “อยากฉีดวัคซีน” และอยากฉีดเร็วๆ ทำ เอารัฐบาลปั่นป่วน เพราะวัคซีนขาดช่วง คนลงทะเบียนไว้แล้วก็ถูกเท ถูกเลื่อน
วัคซีน ที่ “หมอยง” หยิบยกขึ้นมาพูดถึงนั้น ส่วนใหญ่ จะเป็นแค่ 2 ยี่ห้อ คือ “ซิโนแวค” กับ “แอสตร้าเซนเนก้า” ในช่วงที่วัคซีนขาดช่วง “หมอยง” ยังแนะนำถึงเรื่องการฉีดวัคซีนเข็ม 1 เข็ม 2 ต่างยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นเข็ม 1 ซิโนแวค เข็ม2 แอสตร้าฯ หรือ เข็ม 1 แอส ตร้าฯ เข็ม 2 ซิโนแวค ก็สามารถกระตุ้นให้ร่างกาย สร้างภูมิต้านทานเชื้อโควิดได้ดี ...แบบว่ามียี่ห้อไหน ก็ฉีดอันนั้นไปก่อนได้
แต่หลังจากรัฐบาลได้ประกาศวาระแห่งชาติ และปูพรม ระดมฉีดวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศ ไปเกือบเดือนแล้ว แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดก็ยังไม่
ทุเลาลง ซึ่งความจริงแล้วจำ นวนคนที่ได้รับการฉีดวัคซีน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของประชากรแล้ว ยังถือว่าอยู่ในอัตราที่ต่ำ มาก
แต่เมื่อ “ลุงตู่” ที่ถืออำ นาจ “ซิงเกิล คอมมานด์”คุมการแพร่ระบาดไม่อยู่ ประชาชนโดยเฉพาะฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลนอกจากจะออกมาถล่มลุงตู่ แล้วยังลามมาถึง “หมอยง” ที่เป็นเหมือนหนังหน้าไฟของรัฐบาลด้วย
โดยเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการตั้งแคมเปญล่ารายชื่อผ่านเว็บไซต์ Change.orgเรียกร้องให้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปลด “หมอยง” ออกจากตำ แหน่งหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ โดย อ้างว่า “หมอยง” ให้ความเห็นในด้านวัคซีน ผิดเพี้ยนไปจากแนวทางวิชาการ และหลายครั้งที่สนับสนุนวัคซีนที่ด้อยประสิทธิภาพ อย่าง “ซิโนแวค” โดยไม่มีหลักฐานทางวิชาการมารองรับ
ว่ากันว่าแคมเปญดังกล่าว ก็เป็น “หมอจุฬาฯ”ที่อยู่คนละขั้วกับ “หมอยง” เป็นคนตั้งขึ้น มีการอ้างถึงประเทศที่ใช้วัคซีน “ซิโนแวค” อย่าง ชิลี ตุรกี บราซิล และอินโดนีเซีย ที่มีการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มไปแล้ว ถึง 50% แต่จำ นวนผู้ป่วยรายใหม่ก็ไม่ได้ลดลงเลย
ในทางกลับกัน วัคซีน mRNA ของ “ไฟเซอร์”หรือ “โมเดอร์นา” ที่มีบทความทางวิชาการยอมรับ และสถิติที่ชัดเจนว่า สามารถลดอัตราการแพร่กระจายเชื้อได้เป็นอย่างดี “หมอยง” กลับไม่พูดถึง
ถัดมาอีกวัน กลุ่ม “หนุนหมอยง” โดยใช้ชื่อว่ากลุ่มศิษย์เก่าแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ก็เปิดแคมเปญล่า ชื่อ สนับสนุนและให้กำ ลังใจ พร้อมเรียกร้องไม่ให้อธิการบดี จุฬาฯ ปลดหมอยง โดยยืนยันถึงความเป็นเลิศ ในทางวิชาการ มีประสบการณ์ด้านไวรัสวิทยา และยึดมั่นในจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพตลอดมาจึงขอให้ ร่วมกัน “เซฟหมอยง”
ความจริงแล้ว ทั้งเรื่องเชื้อโควิด-19 และเรื่องวัคซีน ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ สำ หรับสังคมโลก เชื้อยัง มีการกลายพันธุ์ วัคซีนยังต้องมีการวิจัย พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
แต่สถานการณ์ในประเทศไทยที่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ทั้งในทางการเมือง และทางวิชาการ เมื่อ “ลุงตู่” ใช้อำ นาจที่มีอยู่ในมือแล้วยัง “เอาไม่อยู่” ฝ่าย ตรงข้ามก็ได้ช่องถล่ม เช่นเดียวกับการเมืองในจุฬาฯ เมื่อ “หมอยง” เป็นที่ปรึกษารัฐบาล เป็นหน้าไฟให้ “ลุงตู่” ก็ย่อมหนีไม่พ้นที่จะตกเป็นเป้าไปด้วย .