xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” พปชร.พร้อมสู้ ได้เปรียบทุกหน้า !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ - ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
เมืองไทย 360 องศา


คำพูดของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวในที่ประชุมวุฒิสภาเมื่อวันก่อนที่ว่า “ยิ่งไล่ผมยิ่งสู้” พร้อมกับคำยืนยันว่า “อยู่จนครบ” ดับกระแสข่าวเรื่องยุบสภาก่อนวาระ นั่นคือ ดับกระแสข่าวเรื่องการยุบสภาในต้นปี หรือกลางปีหน้า ซึ่งจากคำพูดดังกล่าวมาวันนี้ได้เห็นความเคลื่อนไหวที่เป็นรูปธรรมมารองรับได้อย่างชัดเจน

ความเคลื่อนไหวที่เป็นรูปธรรมสำหรับการ “พร้อมสู้” และ “อยู่จนครบ” รวมไปถึงการเคลื่อนไหวที่แสดงให้เห็นแล้วว่า “จะกลับมาอีกรอบ” อีกด้วย เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้าเริ่มเป็นคำตอบที่ชัดเจนนับจากการ “ปรับเปลี่ยน” คณะกรรมการบริหารในพรรคพลังประชารัฐชุดใหม่ ที่ทุกฝ่ายมองเห็นตรงกันว่า เป็นการเตรียมรับสถานการณ์เลือกตั้งในครั้งต่อไปแล้ว เพราะการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเลขาธิการพรรคมาเป็น “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” น่าจะเห็นภาพแบบนั้น จากบุคลิกที่มีคอนเนกชันรอบทิศ เป็นการเปิดกว้างพร้อมขยายเครือข่ายการเมืองทุกพรรคในระดับส่วนกลางและท้องถิ่น
แม้ว่าการเอาชนะการเลือกตั้งย่อมมีปัจจัยและองค์ประกอบหลายอย่างมาสนับสนุน แต่หากโฟกัสเฉพาะการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมาหลายจังหวัด ก็ต้องยอมรับว่า ร.อ.ธรรมนัส มีบทบาทสำคัญไม่น้อย โดยเฉพาะในพื้นที่ขนาดใหญ่ที่พรรคพลังประชารัฐต้องการ “ขยายอาณาเขต” ออกไป เช่น ภาคเหนือ ภาคอีสาน รวมไปถึงภาคใต้ ที่พรรคพลังประชารัฐ ได้ปักธงเอาไว้ได้ไม่น้อย
ขณะเดียวกัน ด้วยเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล และมี “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เป็นรองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คอยคุมเกม ถือว่า “อยู่หมัด” ต้องยอมรับว่า นับตั้งแต่เขาลงมาคุมพรรคอย่างเต็มตัวมาปีเศษถือว่า “เอาอยู่” ไม่ปรากฏแรงกระเพื่อมออกมาให้ภายนอกได้เห็นอย่างชัดเจน ทั้งที่ที่มาแต่ละคนหลากหลายร้อยพ่อพันแม่
และแน่นอนว่า เมื่อพิจารณาจากแบ็กกราวนด์แล้ว มันก็ย่อมต้องเชื่อมโยงไปถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในกลุ่ม “3ป.” ที่แบ่งบทบาทกันอย่างชัดเจน
เมื่อมีการปรับเปลี่ยนภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่ใครก็มองไปในทางเดียวกันว่าเตรียมพร้อมรับสถานการณ์เลือกตั้งใหญ่ในวันหน้า เรียบร้อยแล้ว เมื่อหันมาพิจารณาความเคลื่อนไหวในภาพของฝั่งรัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีบ้าง ล่าสุด เพิ่งประกาศนับถอยหลัง “เปิดประเทศภายใน 120 วัน” พร้อมๆ กับการทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ให้ได้ตามเป้าก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งหมายความว่าทุกอย่างมาบรรจบกันพอดี
เพราะการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่เป็นหนึ่งในกลไกลหลักของประเทศ และการกลับมาเดินหน้าขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจอีกครั้งย่อมส่งผลดี และทำให้คนไทยได้กลับมาประกอบอาชีพ เริ่มกลับมามีรายได้อีกครั้งถือว่ามี “เดิมพัน” สูง หากทำได้สำเร็จตามเป้าหมายดังกล่าว ย่อมส่งผลดีในทางการเมืองให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเฉพาะยังมีผลต่อการเลือกตั้งสำหรับพรรคพลังประชารัฐ และตัวเขาหากคิด “รีเทิร์น” กลับมาอีกรอบ
นอกเหนือจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองอีกเรื่องสำคัญ ก็คือ การผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่มีเป้าหมายในเรื่องบัตรเลือกตั้งสองใบ โดยเพิ่ม ส.ส.เขตเป็น 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน นั่นคือ กลับไปใช้วิธีเดิมในรัฐธรรมนูญปี 40 และ ปี 50 ซึ่งหลายฝ่ายประเมินว่า ร่างแก้ไขฉบับที่เสนอโดยพรรคพลังประชารัฐ มีโอกาสผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภามากที่สุด เพราะแทบทุกพรรคสนับสนุน รวมไปถึง ส.ว.ก็เอาด้วย
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในที่สุดร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกฉบับที่เสนอเข้ามาจำนวน 13 ฉบับ ทั้งของพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้านอาจจะผ่านบางฉบับ หรือไม่ผ่านสักฉบับ แต่สถานการณ์ยังเชื่อว่า “เข้าทาง” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพลังประชารัฐ มากที่สุด เพราะหากไม่ผ่านกลับไปใช้วิธีการเลือกตั้งแบบเก่าตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งคงไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมาก ต้องออกมาในลักษณะกระจายกันไปแบบที่เห็นในปัจจุบัน
แต่ขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่า ยังมี ส.ว.ตามบทเฉพาะกาล 5 ปี ซึ่งหากนับจากวาระสภาผู้แทนฯ 4 ปี ก็ทำให้ยังเหลือเวลาของส.ว.ที่ยังได้ร่วมโหวตเลือกนายกฯได้อีกครั้ง
แม้ว่าตามตัวเลขทางคณิตศาสตร์อยู่ที่ ส.ส.ที่จะรวมเสียงให้ได้เกินครึ่งของสมาชิกรัฐสภา ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเสียง ส.ว. แต่ก็นั่นแหละการมีเสียง ส.ว.250 เสียงค้ำคออยู่ มันก็ย่อมกลายเป็นอำนาจต่อรองที่สูงยิ่ง เหมือนกับการโหวตครั้งแรก ที่สามารถโน้มน้าวให้โหวตเลือกนายกฯไปทางใดทางหนึ่งได้ง่ายขึ้น
ดังนั้น เมื่อพิจารณาทุกปัจจัยทั้งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และปัจจัยที่จะเกื้อหนุนในอนาคตล้วนแล้วแต่ “เข้าทาง” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพลังประชารัฐ ทั้งสิ้น เหมือนกับว่าทุกอย่างพร้อมสรรพ ทั้ง “กระสุน” และคนที่พร้อมจะไหลเข้ามาก่อนการเลือกตั้ง แม้ว่าเมื่อพิจารณาจากผลสำรวจที่ออกมาส่วนใหญ่จะบอกว่า “ยังไม่มีใครเหมาะสมเป็นนายกฯ” แต่เมื่อมองอีกหัวข้อหนึ่ง ก็ยังยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยัง “ยืนหนึ่ง” เหนือกว่าคนอื่นอีกหลายขุมทีเดียว !!


กำลังโหลดความคิดเห็น