รมช.เกษตรฯ ย้ำการปรับ กก.บห.ไม่เกี่ยวกับปรับ ครม. ชี้เป็นดุลพินิจนายกรัฐมนตรี ระบุ ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะยุบสภา แย้มเตรียมทีมเศรษฐกิจไว้แล้ว แต่ไม่ใช่ทีมปัจจุบัน ย้ำ “บิ๊กตู่” ยังเหมาะเป็นนายกฯในสถานการณ์ปัจจุบัน
วันนี้ (21 มิ.ย.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เดินทางเข้าร่วมประชุม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ครั้งแรก ภายหลังจากได้รับการเลือกให้เป็นเลขาธิการพรรค โดยระบุว่า ในวันนี้ยังไม่มีการมอบนโยบายใดให้กับ ส.ส. เนื่องจากจะต้องรอให้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคก่อน แต่วันนี้จะได้ถือโอกาสขอบคุณสมาชิกที่ได้ให้ความไว้วางใจตนเป็นเลขาธิการพรรค พร้อมย้ำถึงแนวทางในการสร้างพรรคให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ โดยจะต้องมีการสร้างจุดขายของพรรคในหลายประเด็น ซึ่งสิ่งใดที่ทำดีแล้วก็จะเดินหน้าทำต่อไป ส่วนสิ่งใดที่ยังไม่ได้ทำก็จะต้องเริ่มทำ โดยเฉพาะสิ่งที่ได้มีการหาเสียงไว้ในปี 2562 และยอมรับว่า ที่ผ่านมานั้น ได้มีการแอบเตรียมการไว้บ้างแล้วทั้งเรื่องความเข้มแข็งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ตลอดจนการสร้างความรักความสามัคคีในสังคม
เมื่อถามว่าจะเร็วไปหรือไม่ที่จะประกาศจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ร.อ.ธรรมนัส ตอบว่า การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ต้องใช้เวลา และสิ่งที่สำคัญต้องทำให้ตัวเองมีความเข้มแข็ง สร้างองค์กรครอบครัวพลังประชารัฐให้มีความเข้มแข็ง เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่า จะสามารถแก้ปัญหาของประชาชนและประเทศชาติได้
ร.อ.ธรรมนัส ยังย้ำถึงการปรับกรรมการบริหารพรรคว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องของการปรับ ครม. เพราะการปรับ ครม.เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในการใช้ดุลพินิจในการพิจารณา ส่วนเรื่องของพรรคพลังประชารัฐเป็นเรื่องของนโยบายหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค และส่วนตัวยังไม่ได้คิดไปจนถึงขั้นนั้น คิดเพียงอย่างเดียวว่าจะทำวันนี้ พรุ่งนี้ และทำครอบครัวพรรคพลังประชารัฐให้ดีเพื่อเดินหน้าทำงานให้ประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
ส่วนเรื่องการเมืองในอนาคตนั้น สิ่งที่สำคัญคือ การเตรียมตัวผู้สมัคร ซึ่งขณะนี้จำเป็นที่จะต้องเริ่มดำเนินการแล้ว โดยเฉพาะการเตรียมตัวของผู้สมัครในการลงพื้นที่ การเฟ้นหาผู้ที่เหมาะสมในการเป็นตัวแทนประชาชนในแต่ละพื้นที่
ส่วนจะมีการหาบุคคลที่มีฐานเสียงเดิมมาหรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ปัจจุบัน ส.ส.แบบแบ่งเขตของพรรคพลังประชารัฐที่มีอยู่ ทุกคนก็มีคุณภาพและลงพื้นที่ดูแลประชาชนอยู่อย่างต่อเนื่องก็คงจะพิจารณาบุคคลเดิม ส่วนพื้นที่ใดที่ยังไม่มีตัวแทนก็จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะเป็นผู้แทนปัจจุบัน หรือคนรุ่นใหม่ โดยขึ้นอยู่ที่คณะกรรมการสรรหาที่จะต้องพิจารณา
ทั้งนี้ เมื่อถามว่า ในส่วนของภาคอีสานที่ยังถือเป็นจุดอ่อนของพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการทาบทาม ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยบ้างหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนเป็นคนที่มีมารยาทในการเล่นการเมือง เพราะทุกอย่างจะต้องมาจากความสมัครใจ และเน้นที่จะสร้างคนรุ่นใหม่มากกว่า ส่วนหากมีพรรคอื่นจะย้ายมานั้นก็จะต้องไม่เป็นข้อครหาหรือหรือข้อพิพาทระหว่างพรรค
นอกจากนี้ เมื่อถามว่า หากครั้งต่อไปพรรคพลังประชารัฐชนะการเลือกตั้ง และสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้จะมีการสนับสนุนพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ตอบว่า การก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐนั้น ต้องการให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นนายกรัฐมนตรี และก็สามารถทำได้สำเร็จ และตนยืนยันมาตลอดว่า ในสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติ การบริหารราชการแผ่นดินในภาวะไม่ปกติเช่นนี้ ที่บ้านเมืองเหมือนนกำลังเกิดสงครามโลก ผู้นำต้องมีความเข้มแข็ง เด็ดขาด และเชื่อว่า ในเวลานี้ไม่มีใครเหมาะสมมากไปกว่า พลเอก ประยุทธ์ ส่วนหัวหน้าพรรคก็ให้นโยบายและดูแลสมาชิกพรรคให้เดินตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรีกำหนด
ร.อ.ธรรมนัส ยังเผยว่า ได้มีการแอบเตรียมทีมเศรษฐกิจเอาไว้แล้ว แต่ยังขอไม่เปิดเผย รอให้มีการประชุมในสัปดาห์หน้าก่อน และปฏิเสธว่าการเตรียมการนี้ ไม่ได้เป็นการเตรียมเพื่อจะมีการยุบสภา หลังการแก้รัฐธรรมนูญเสร็จ เพราะขณะนี้ประชาชนมีความเดือดร้อน โดยเฉพาะจากโควิด-19 จึงไม่ใช่เวลาที่จะมียุบสภา แต่รัฐบาลจะต้องประคองบ้านเมืองให้รอดไปก่อน พร้อมยืนยันว่า ทีมเศรษฐกิจที่เตรียมไว้ไม่ใช่คนที่อยู่ในปัจจุบัน รวมถึง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน