xs
xsm
sm
md
lg

จับตา “ลุงป้อม” ผ่าโครงสร้างพรรคใหม่ จัดทัพรับศึกเลือกตั้ง “ธรรมนัส” นั่งเลขาฯพรรค **น้ำส้มหยดเดียวสะท้านไปทั้งกรมสรรพสามิต “อธิบดี” สั่งเด้งเจ้าหน้าที่ “ล่อซื้อ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** จับตา “ลุงป้อม” ผ่าโครงสร้างพรรคใหม่ จัดทัพรับศึกเลือกตั้ง “ธรรมนัส” นั่งเลขาฯพรรค แทน “อนุชา” ส่วน “สุริยะ-สันติ-วิรัช-ไพบูลย์” รองหัวหน้าพรรค “สมศักดิ์” ประธานยุทธศาสตร์พรรค แม้ว่า “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะประกาศชัดไม่มียุบสภา ไม่ลาออก จะสู้จนอยู่ครบวาระ ถึงจะมีแรงกดดันทั้งเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด ปัญหาวัคซีน แม้กระทั่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ จะปิดสวิตช์ ส.ว.

แต่พรรคการเมืองก็มีความเคลื่อนไหว เตรียมพร้อมลงสู่สนามเลือกตั้งกันแล้ว โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ แกนนำรัฐบาล จะมีประชุมใหญ่สามัญประจำปีในวันนี้ (18 มิ.ย.) ที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งตามกระแสข่าวว่า จะมีการปรับโครงสร้างพรรค ปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค โดย "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค จะไปนั่งกำกับเอง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ - ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
เพราะการก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐในตอนเริ่มต้น เป็นการรวบรวมนักการเมืองจากหลายกลุ่มก๊วน จนถูกมองว่าเป็น “พรรคเฉพาะกิจ” เพื่อรองรับการถ่ายโอนอำนาจจาก “รัฐบาล คสช.“ มาสู่รัฐบาลที่มาจาก “การเลือกตั้ง” เมื่อจะสานภารกิจต่อไปตามยุทธศาสตร์ชาติ จึงต้องพัฒนาพรรคไปสู่การเป็นสถาบันทางการเมือง เป็นพรรคการเมืองที่มั่นคง มีเอกภาพ
การปรับโครงสร้างพรรคเพื่อวางตัวบุคคลให้เหมาะสมต่อสถานการณ์ต่อภารกิจ จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แน่นอนว่า การจะปรับเปลี่ยนตัวบุคคลที่จะมาเป็นกรรมการบริหารพรรค ก็จะต้องมีการหารือกันในเบื้องต้นให้ลงตัวให้มากที่สุดเสียก่อน เพื่อให้การประชุมใหญ่ผ่านไปโดยราบรื่น
อันดับแรก “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” จะต้องลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก่อน เพื่อให้ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคอื่นๆ หมดวาระตามไปด้วย ... จากนั้นที่ประชุมจะเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคใหม่ กำหนดจำนวนกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งตำแหน่งต่างๆ ที่สำคัญ อย่างหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เหรัญญิก และนายทะเบียน
แน่นอนว่า เมื่อ “พล.อ.ประวิตร” ลาออก สมาชิกย่อมเสนอชื่อให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง ส่วนตำแหน่งสำคัญที่มีการจับจ้องกันต่อมา ก็คือ เลขาธิการพรรค ที่เปรียบเสมือน “แม่บ้านพรรค” ซึ่งตามรายงานข่าวระบุว่า จะมีการเสนอชื่อ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ตำแหน่งเดิมเป็นรองหัวหน้พรรค มานั่งแทน “อนุชา นาคาศัย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ - สันติ พร้อมพัฒน์
ส่วนตำแหน่งอื่นๆ อย่างรองหัวหน้าพรรค ผอ.พรรค ซึ่งเป็นอำนาจของหัวหน้าพรรคเป็นผู้แต่งตั้ง คาดว่า “พล.อ.ประวิตร” จะแต่งตั้งภายหลัง โดยรองหัวหน้าพรรคจาก 10 คน จะปรับลดลงเหลือ 4-5 คน ซึ่งรายชื่อที่อยู่ในโผรองหัวหน้าพรรค อาทิ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง ซึ่งปัจจุบันเป็น ผอ.พรรค “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล และ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ส่วน “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม ที่เป็นรองหัวหน้าพรรค ก็ยังอยู่ในคณะกรรมการบริหารพรรค แต่จะเปลี่ยนไปรับตำแหน่ง ประธานยุทธศาสตร์พรรค ซึ่งเป็นตำแหน่งเดิมของ “พล.อ.ประวิตร” ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค
เมื่อตำแหน่งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค รองหัวหน้าพรรค ลงตัว ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคอื่นๆ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา คืออาจจะใช้คนเดิมต่อไป ส่วน “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” และ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” ที่ต้องคดีชุมนุมกลุ่ม กปปส. จนต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี และส่งผลกระทบกับตำแหน่งภายในพรรคนั้น มีชื่อของ “จักรพันธ์ พรนิมิตร” และ “ประสิทธิ์ มะหะหมัด” ส.ส.กทม. เข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรคแทน

วิรัช รัตนเศรษฐ - ไพบูลย์ นิติตะวัน
สำหรับ “ร.อ.ธรรมนัส” ที่จะเป็นเลขาธิการพรรคในครั้งนี้ ว่ากันว่า สมาชิกส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าเป็นผู้ที่เหมาะสมในสถานการณ์ที่พรรคต้องจัดทัพ เตรียมพร้อมรับศึกเลือกตั้ง เพราะถือได้ว่าเป็น “มือประสานสิบทิศ” มีคอนเนกชัน กับนักการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆ เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือ มีผลงานการันตี ดูได้จากการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นที่ จ.ขอนแก่น ลำปาง สมุทรปราการ และล่าสุด ที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ชนะรวด ซึ่งคนวงในรู้กันดีว่า "ร.อ.ธรรมนัส" คือ คีย์แมนคนสำคัญในการเดินเกม
เหนืออื่นใด “ร.อ.ธรรมนัส” ถือว่าเป็นสายตรงของ “ลุงป้อม” เสียด้วยซี



**น้ำส้มหยดเดียวสะท้านไปทั้งกรมสรรพสามิต “อธิบดี” สั่งเด้งเจ้าหน้าที่ “ล่อซื้อ“ แต่ดรามาคงยังไม่จบ ต้องจับตาดูผลสอบ เรื่องราวของ “แม่ค้าน้ำส้มคั้น” ที่ถูกแชร์ต่อๆ กันในโซเชียลฯ ดีใจหลังมีลูกค้าสั่ง 500 ขวด แต่เวลาต่อมากลายเป็นฉากที่ถูก “เจ้าหน้าที่สรรพสามิต” จัดขึ้นเพื่อ “ล่อซื้อ“ จนเป็นประเด็นสังคมที่สรรพสามิตโดนวิจารณ์อย่างหนัก แถมเมื่อถูกรุมประณาม “ณัฐกร อุเทนสุต” ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต และในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต ยังออกมาปกป้องเจ้าหน้าที่พวกเดียวกันว่า “ทำหน้าทีถูกต้องแล้ว” พร้อมๆ กับสรุปเสร็จสรรพ ว่า ทางเจ้าหน้าที่ทำไปเพราะได้รับแจ้งว่า แม่ค้ารายนี้ ทำขายจำนวนมาก เข้าข่ายต้องเสียภาษีสรรพสามิต และยังมีปัญหาการผลิตซึ่งไม่ได้มาตรฐาน โดยทีไม่ได้เรียกค่าปรับเงิน จำนวน 12,000 บาท ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
แต่...คำชี้แจงของโฆษกฯดังกล่าว เหมือนน้ำมันราดลงกองไฟ เพราะว่าแม่ค้า ยืนยันว่า “จ่ายจริง” เพื่อให้จบเรื่อง เช่นเดียวกับโลกออนไลน์ต่างสงสัยคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าพฤติกรรม “ล่อซื้อ” กับแม่ค้ารายเล็กๆ ของเจ้าหน้าที่สรรพสามิต มี “เจตนา" อะไร ? นอกจากต้องการ "รีดไถ" ทำไมถึงได้ทำกับ"แม่ค้า"รายเล็กๆ ที่เลี้ยงชีพด้วยการทำน้ำส้มบรรจุขวดขาย ยิ่งในช่วงที่ “ค่าครองชีพ” หากินฝืดเคืองในช่วงโควิดยังทำไดัลงคอ


งานนี้ในที่สุด “ลวรณ แสงสนิท” อธิบดีกรมสรรพสามิต จึงได้มีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ที่ปรากฏเป็นข่าว ออกนอกพื้นที่เกิดเหตุในกรุงเทพมหานคร พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และให้ได้ข้อเท็จจริง
อธิบดีกรมสรรพสามิต ยืนยันว่า “ไม่มีนโยบาย” ให้เจ้าหน้าที่ออกไปรังแกประชาชนโดยการ “ล่อซื้อ” สินค้าในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด เช่นนี้เป็นอันขาด
นี่ย่อมตีความได้ว่า กรณีน้ำส้มหยดเดียวนี้สะท้านกันทั้งกรม และการที่อธิบดีฟังเสียงวิจารณ์ของชาวบ้าน แคร์กระแสสังคม เป็นเรื่องทีดี อย่างน้อยก็ทำให้สังคมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ต่างกับโฆษกฯที่ออกตัวแรงด่วนสรุป ปกป้องพวกพ้องโดยที่ยังไม่สอบสวนอะไรเลย คล้ายๆยังยึดติดกับศักดิ์ศรีของข้าราชการที่อ้าง"หน้าที่" มากกว่าคำนึงถึงความเป็นจริงที่ประชาชนตัวเล็กๆ ประสบปัญหาการทำมาหากินในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้
เรื่องนี้ยังมีนัยชี้ว่า น่าจะยังมีเจ้าหน้าที่อีกหลายหน่วยงาน ไม่ใช่กรมสรรพสามิตหรอกที่ออกล่าเหยื่อช่วงนี้ เพียงแต่ประชาชนกล้ำกลืนฝืนทน ไม่ออกมาฟ้องสื่อ ลงโพสต์ในโซเชียลฯ
ไม่เชื่อลองเปิดพื้นที่ให้ร้องทุกข์ส่งเรื่องที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐรังแกดูก็ได้ เชื่อว่าจะมีกรณีที่คล้ายๆ “แม่ค้าน้ำส้มคั้น” ออกมากันอีกเพียบแน่
ตอนนี้ก็ต้องรอฟังว่า คณะกรรมการที่อธิบดีกรมสรรพสามิตให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ชุด “ล่อซื้อ” ฉาวนี้จะออกมาอย่างไร

ลวรณ แสงสนิท - ณัฐกร อุเทนสุต
บทสรุปของปฎิบัติการล่อซื้อ “ขัดความรู้สึก” ของชาวบ้านแบบนี้จะลงเอยอย่างไร ก็พูดไว้ก่อนล่วงหน้าว่า ถ้าผลออกมาแบบ “ลูบหน้าปะจมูก” ดรามาเรื่องนี้รับรองว่าไม่จบแน่
ตรงกันข้าม หากมองดูการกระทำเจ้าหน้าที่ต่างหากที่อาจจะเข้าข่าย ม.157 ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต หรือไม่ ?
โซเชียลฯ รวมถึงเพจดังหลายๆ เพจ ถึงกับยกข้อกฎหมายมาให้ชวนพิจารณาว่า เจ้าหน้าที่สั่งของแล้วไม่รับ บล็อกเฟซ แจ้งความดำเนินคดีได้นะ
ขณะที่ กรมฯบอกว่าไม่ได้ปรับ แม่ค้าบอกว่าเอาเงินไป 12,000 บาท ถ้าเอาไปไม่มีใบเสร็จ อาจเข้าข่ายเรียกรับผลประโยชน์และเข้าข่าย ม.157
และถ้าปรับจริง มึเอกสาร การสั่งซื้อเอง ปรับเอง ยิ่งเป็นการสร้างพยานหลักฐานขึ้นมาโดยไม่สุจริตเข้าข่าย ม.157 และกลั่นแกล้งให้ได้รับโทษอาญา
งานนี้ ออกหัวหรือออกก้อยก็โปรดติดตามกันต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น