“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ตอน "บิ๊กป้อม"ปะทะ“สามมิตร” เขี่ย "อนุชา" พ้นเลขาฯ พรรค
ศึกชิงเลขาธิการพรรค พลังประชารัฐ วัดกันปอนด์ต่อปอนด์ตอนนี้ ต้องบอกว่า “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นรอง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทุกประตู
โอกาสที่อนุชาจะรั้งเก้าอี้เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ค่อนข้างริบหรี่ ตามคิวที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงทุนฝ่าโควิด-19 ไปประชุมใหญ่พรรค
เพื่อจะรื้อโครงสร้างใหม่กันให้ได้วันที่ 18 มิถุนายน ที่ จ.ขอนแก่น ไม่สนเสียงคัดค้านชาวบ้านที่หวาดระแวงว่าจะเอาเชื้อจากเมืองกรุงไปฝากคนเมืองหมอแคนเลย
ทรงออกมาแบบนี้ ต่อให้กลุ่มสามมิตรพยายามจะดิ้นเพื่อเซฟเก้าอี้แม่บ้านพรรคของ อนุชา ที่การันตีเก้าอี้รัฐมนตรีแบบอัตโนมัติน่าจะยาก
อีกทั้ง บิ๊กป้อม เองหมายมั่นปั้นมือจะให้ ร.อ.ธรรมนัส เป็นแม่ทัพใหญ่ คุมเกมใต้ดินและบนดินในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งต้องรีบเปลี่ยนตัวเลขาฯแต่เนิ่นๆ เพื่อให้พร้อมสู้ หลัง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ส่งสัญญาณว่า อายุรัฐบาลเหลืออีก 1 ปี
ขณะเดียวกัน ต้องจับตาดูให้ดี การรื้อโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐเที่ยวนี้ กลุ่มสามมิตรอาจไม่ได้สั่นคลอนแค่เก้าอี้แม่บ้านพรรคของ อนุชา แต่อาจจะเจอหั่นสัดส่วนเหลือแค่ตัวบิ๊กๆ ไม่กี่คน
เพราะปัจจุบันปัญหากลุ่มก๊กต่างๆ ภายในพรรคพลังประชารัฐแทบจะถูกสลายหมด ไม่เหมือนช่วงแรกๆ ที่ตีกันเละ พรรคแทบจะแตกรายวัน
แต่ทุกวันนี้เหลือแค่ 2 กลุ่มใหญ่ๆ เท่านั้นคือ กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส ที่วันนี้จับมือกับ วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานวิปรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว กับกลุ่มสามมิตรของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และ อนุชา
กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส เป็นสายตรงของ พล.อ.ประวิตร คอยเป็นมืองานจัดการเรื่องต่างๆ ให้หมด จึงจะเรียกว่าเป็นกลุ่มของ พล.อ.ประวิตรก็ได้ ขณะที่กลุ่มสามมิตร ค่อนข้างเป็นเอกเทศ มุ่งเน้นดูแลคนในก๊วนตัวเองเป็นหลัก
เหตุนี้จึงกลายเป็นกลุ่มเดียวในพรรคพลังประชารัฐที่ พล.อ.ประวิตรยังไม่สามารถเข้าไปคุมได้เบ็ดเสร็จ ขณะเดียวกัน ยังเป็นกลุ่มที่ยังมีพลังอำนาจต่อรอง เนื่องจากมี ส.ส.แบบเลือดแท้ในมือตัวเองอยู่
ซึ่งกลายมีมุ้งในพรรค เป็นสิ่งที่ พล.อ.ประวิตร ไม่แฮปปี้ เพราะไม่ต้องการให้มีใครมาต่อรองผลประโยชน์ จนเกิดความวุ่นวายเหมือนที่ผ่านมา
จะเห็นได้ว่า ก่อนหน้านี้ มีกลุ่มอดีต กปปส. ของ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรมว.ศึกษาธิการ และพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กับกลุ่มของ วิรัช ที่เคยหวานชื่นกับ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน สุดท้ายเจอปฏิบัติการสลายก๊ก
กลุ่มอดีต กปปส. และส.ส.กทม. สูญพันธุ์ไปจากพรรค หลัง ณัฏฐพลและพุทธิพงษ์ กระเด็นตกเก้าอี้รัฐมนตรี ทุกวันนี้ ส.ส..ที่เหลือมาขึ้นตรงกับ พล.อ.ประวิตรคนเดียวหมด
ขณะที่ วิรัช เป็นพวกหูตาไว มองการณ์ไกลเก่ง ว่าถ้ายังเล่นบทบาทเหมือนแต่ก่อน อาจไม่รอด จึงหันมาสยบยอมกับ ร.อ.ธรรมนัส ที่ได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ประวิตร
ขณะที่ “เสี่ยเฮ้ง เมืองชล” ต้องบอกว่า วันนี้เสียศูนย์ไปเยอะ หลังแตกคอกับ วิรัช ค่อนข้างโดดเดี่ยว แทบจะเหลือตัวคนเดียว ต้องคอยนอบน้อม ไม่ปะทะกับใครเหมือนก่อน เพราะรู้ตัวว่า ขาเก้าอี้เปราะบางเหลือเกิน
ดังนั้น การที่กลุ่มสามมิตรยังมีอำนาจต่อรองในพรรคพลังประชารัฐ จึงยังทำให้ภารกิจสลายมุ้ง ให้ทุกคนขึ้นตรง พล.อ.ประวิตรเพียงคนเดียวยังไม่สำเร็จ
การยังเหลือมุ้งอยู่ในพรรค ถือเป็นข้อจำกัดที่ทำให้การจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีมีปัญหา เนื่องจากวันนี้กลุ่มสามมิตร กินโควตารัฐมนตรีถึง 3 คนคือ สุริยะ สมศักดิ์ และอนุชา
เป็นกลุ่มที่แม้จะมี ส.ส.ในมือ แต่ไม่ได้มากพอจะต้องได้โควตารัฐมนตรีว่าการกระทรวงถึง 3 เก้าอี้ ซึ่งกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส มองว่า มากเกินหน้าตักตัวเอง ขณะที่คนอื่นๆ ยังนั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอยู่เลย ดังนั้น มันจึงเกิดปฏิบัติการรื้อโครงสร้างพรรค เพื่อจะจัดสรรกันใหม่
โดยใน 3 รัฐมนตรีของกลุ่มสามมิตร คนที่มีความเปราะบางที่สุดคือ อนุชา ซึ่งได้เป็นรัฐมนตรี ในโควตาเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ฉะนั้น หากดีด อนุชา ออกจากเก้าอี้แม่บ้าน จะทำให้ขาลอยทันที หากมีการปรับคณะรัฐมนตรีจะสุ่มเสี่ยงที่จะถูกปรับออก
เหตุนี้จึงทำให้กลุ่มสามมิตรต้องเคลื่อนไหวอย่างหนักในช่วงนี้ โดยเฉพาะการที่ โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ นายโกมล ประธานบริหาร บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด พี่ชายของ สุริยะ ออกโรงควักกระเป๋าซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 ให้คนไทยได้ดู แบบฉุกละหุก เพื่อให้รัฐบาลได้แต้ม หลังครั้งนี้ไม่มีเอกชนยื่นมือเข้ามาเลย
แม้ภายนอกคนจะมองว่า รัฐบาลต้องการคะแนนนิยมจึงลงทุนซื้อลิขสิทธิ์เพื่อคืนความสุขให้คนไทย แต่ในทางการเมือง รับรู้กันดีว่า การที่ โกมล พี่ชายของ สุริยะ ยอมทุ่มเงินระดับร้อยล้านซื้อลิขสิทธิ์นั้น มีจุดประสงค์เพื่อรักษาโควตารัฐมนตรีของกลุ่มสามมิตรเอาไว้
โดยเฉพาะเก้าอี้รัฐมนตรีของ อนุชา ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่ม ที่ดูจะสั่นคลอนมากกว่าของคนอื่นๆ หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องการันตีเก้าอี้ของ สุริยะ และ สมศักดิ์ เอาไว้ก่อน
สำหรับเก้าอี้เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐของ อนุชา ถึงตรงนี้คงรักษาเอาไว้ลำบากแล้ว เพราะ พล.อ.ประวิตร ต้องการเตรียมการเลือกตั้ง
ปล่อยให้ อนุชา เป็นเลขาธิการพรรคต่อไป มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะสุดท้ายอนุชาก็ขึ้นตรงกับ สุริยะ และสมศักดิ์ ไม่ได้ขึ้นตรงกับ พล.อ.ประวิตร เป็นใครก็ไม่ยอม