เมืองไทย 360 องศา
แม้ไม่รู้ว่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไรกันแน่ สำหรับการเปลี่ยนท่าทีกันแบบกะทันหันของบรรดา “แกนนำม็อบสามนิ้ว” ทั้งหลาย จากเดิมที่แสดงท่าที “ต่อต้าน” กระบวนการยุติธรรม ที่สำคัญคือถึงขั้นแสดงตนเป็น “ปฏิปักษ์” หรือ “ต่อต้านศาล” กันเลยทีเดียว
หากย้อนกลับไปไม่นานนัก ที่บรรดาแกนนำเด็กๆเยาวชนพวกนี้ เช่น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” หรือแม้แต่คนที่ประกอบอาชีพทนายความพอรู้กฎหมาย อย่างนายอานนท์ นำภา เป็นต้น ที่แสดงท่าทีต่อต้านขัดขืนกระบวนการพิจารณาคดีของศาล โดยครั้งนั้นจำเลยดังกล่าว โดยเฉพาะนายพริษฐ์ ถึงกับมีรายงานว่าได้ยืนบนเก้าอี้ในห้องพิจารณาคดี เพื่ออ่านแถลงการณ์ต่อต้านกระบวนการยุติธรรม อ้างว่าไม่มีความเป็นธรรม ขณะที่จำเลยรายอื่นก็แสดงท่าทีในทำนองเดียวกัน จนต่อมาศาลได้ “สั่งขัง” นายพริษฐ์ ในเรือนจำเป็นเวลา 15 วัน ฐานละเมิดอำนาจศาล
เหตุการณ์ดังกล่าวของบรรดาจำเลยพวกนี้ ถือ่าเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก เนื่องจากไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อาจเป็นเพราะพวกเขา “ยังเด็ก” อ่อนประสบการณ์ มีความพลุ่งพล่านทางอารมณ์ตามประสาวัยรุ่น วัยนักศึกษา สร้างปมเด่นอะไรบางอย่างขึ้นมา หรือว่าได้รับข้อมูลยั่วยุจาก“บางกลุ่ม”ที่พวกนี้ยกย่องนับถือก็อาจเป็นได้
ขณะเดียวกัน สาเหตุสำคัญที่ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ซึ่งเป็นจำเลย และผู้ต้องหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามความผิด มาตรา 112 รวมแล้วนับสิบคดี มีการกระทำผิดซ้ำๆ แบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย และพยายามอ้างว่าตัวเองยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาว่ามีความผิดออกมา ดังนั้น ก็ต้องได้รับการประกันตัวออกมา พร้อมกับ “อดอาหารประท้วงศาล” มานานนับเดือน แม้ว่าหลายคนจะมองว่าการอดอาหารแต่ยังดื่มนม วิตามิน นั้น “ไม่ใช่ของจริง” ก็ตาม แต่ความหมายก็คือ เขาต่อต้านกระบวนการยุติธรรม นั่นคือต่อต้านศาลนั่นแหละ
อย่างไรก็ดี มาวันนี้กลับมี “ท่าทีเปลี่ยนไป” แบบหักมุมตรงกันข้าม นั่นคือพวกเขาได้แถลงยืนยัน “พร้อมยอมรับเงื่อนไข” ของศาลทุกกรณีเพื่อแลกกับการได้ประกันตัวออกมา แบบนี้หมายความว่าอย่างไร
อาจเป็นเพราะว่า “แนวทาง” ที่ผ่านมา ด้วยการใช้วิธี “อดอาหาร” เพื่อประท้วงกดดันศาลนั้นไม่ได้ผล ไม่ต่างจากการ “เอาหัวชนกำแพง” หรือไม่ หรืออาจเป็นเพราะได้เห็นตัวอย่างของแกนนำบางคนที่แถลงยอมรับเงื่อนไขศาลแล้วได้รับการประกันตัวออกมาในแบบที่ “ไม่ต้องทรมานตัวเอง” เช่น รายแรกคือ นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ “หมอลำแบงค์” จากนั้นก็เป็น นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และล่าสุดก็คือ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” ที่เปลี่ยนท่าที่ “เลิกอดอาหารเป็นเพื่อนเพนกวิน” มายอมรับเงื่อนไขศาล และได้รับการประกันตัวในที่สุด
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงท่าทีล่าสุดของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ กับพวก ที่เป็นจำเลยชุดล่าสุด ที่รวมถึง นายอานนท์ นำภา และ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์” เป็นต้น
ล่าสุด วันที่ 11 พฤษภาคม นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แถลงยืนยันว่า หากศาลกำหนดเงื่อนไขเช่นเดียวกับ “ไผ่ ดาวดิน” และ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำเลยในคดีเดียวกันที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวไปก่อนหน้านี้ ก็ยินดีรับเงื่อนไข อีกทั้งที่ผ่านมาตนเองไม่เคยกระทำการใดที่เป็นการเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ยินดีจะรับเงื่อนไข ไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล จะเดินทางมาศาลทุกนัด และได้แต่งตั้งทนายความในคดีแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพริษฐ์ ได้สอบถามทนายความเกี่ยวกับเงื่อนไขว่า จะไม่เข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ที่อาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองด้วยหรือไม่ โดยหารือกับทนายความ ประมาณ 5 นาที
ศาลจึงแจ้งให้ทราบว่า การชุมนุมเรียกร้องตามสิทธิภายใต้รัฐธรรมนูญสามารถกระทำได้อยู่แล้ว นายพริษฐ์ จำเลยที่ 1 จึงแถลงยืนยันว่า ที่ผ่านมาได้ชุมนุมอย่างสงบ สันติ และปราศจากอาวุธ และจะเข้าร่วมเฉพาะกิจกรรมที่สงบ สันติ จะไม่ไปเข้าร่วมกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
เอาเป็นว่านี่คือ “ท่าทีใหม่” ในความหมายก็คือ “ยอมแล้ว” ทำทุกทาง เพื่อจะได้รับการประกันตัวออกมา อีกทั้งต่อไปก็ไม่จำเป็นต้อง “อดอาหาร” อีกแล้ว รวมไปถึง มารดาของเขาก็ไม่ต้อง “โกนหัวประท้วงศาล” อีกต่อไป
จะว่าไปแล้ว หากแถลงยืนยันแบบนี้ตั้งแต่แรกไม่มีความจำเป็นต้องไปลำบากในเรือนจำมานานนับเดือน สามารถออกมาข้างนอก เตรียมตัวต่อสู้คดีที่ “สะสม” มายาวเป็นหางว่าวได้อย่างเต็มที่
แม้ว่าหากพิจารณาอีกมุมหนึ่งมันเหมือนกับว่าดันทุรัง “เดินชนกำแพง” ต่อไปไม่ไหวแล้ว ไม่มีผลบวก มีแต่ผลลบกับตัวเองมากกว่า !!