xs
xsm
sm
md
lg

“เพนกวิน-รุ้ง” เลิกจาบจ้วง แลกขอปล่อยตัว !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พริษฐ์ ชิวารักษ์ -ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล -ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์
เมืองไทย 360 องศา

กลายเป็นเรื่องน่าจับตามองว่า ในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ ศาลจะมีการไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว 3 จำเลย ในคดีความผิดตาม มาตรา 112 และความผิดอื่นๆ อีกหลายคดี คือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” และ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ “แอมมี่”

จากการเปิดเผยของ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นทนายความของจำเลยดังกล่าว กล่าวถึง การเตรียมความพร้อม ที่ศาลได้ไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ จำเลยที่ 1 น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล จำเลยที่ 5 ในคดีปักหมุดสนามหลวง ในวันที่ 6 พ.ค.นี้
นอกจากนี้ ศาลยังนัดไต่สวน กรณีที่มารดาของ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ จำเลยที่ 17 คดีปักหมุด เเละคดีวางเพลิงที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ยื่นประกัน เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ด้วย โดยวันดังกล่าวทางทนายความ ก็จะไต่สวนจำเลยทั้งสาม รวมทั้งพยานอื่นๆ ให้ศาลเห็นว่า จำเลยคดีนี้เป็นคดีเดียวกับ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำเลยที่ 4 และ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน จำเลยที่ 7 ที่ได้ประกันไปก่อนหน้านี้ จึงเห็นสมควรที่ศาลจะสั่งอนุญาตให้ประกันตัวจำเลยทั้งสาม เช่นกัน
“เรายอมรับในเงื่อนไข ที่ศาลเคยออกข้อกำหนดไว้กับนายสมยศ เเละนายจตุภัทร์ คือ ห้ามมิให้จำเลยทั้งสองทำกิจกรรมที่จะทำความเสื่อมเสียต่อสถาบันฯ ซึ่งได้เเจ้งลูกความทั้งหมดแล้ว ทุกคนบอกว่าถ้าเงื่อนไขเเบบนายสมยศ กับไผ่ ทุกคนรับได้ โดยได้เตรียมหลักทรัพย์เป็นเงินสด คนละ 2 แสนบาท”
แน่นอนว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ว่าจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดีของจำเลยดังกล่าว หรือไม่ โดยพิจารณาจากองค์ประกอบหลายอย่าง โดยเฉพาะคำยืนยันของจำเลย ที่ยื่นต่อศาลว่าจะไม่เคลื่อนไหวในลักษณะซ้ำๆ แบบเดิมตามที่ถูกฟ้อง รวมไปถึงกรณีที่มีการเคลื่อนไหวจาบจ้วงพระมหากษัตริย์ และสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือในลักษณะที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย เป็นต้น ซึ่งจำเลยต้องให้การยืนยันและลงลายมือชื่อ รวมไปถึงต้องทำตามเงื่อนไขตามกฎหมายตามที่ศาลกำหนดเอาไว้ด้วย
ซึ่งที่ผ่านมา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ ตรงกันข้ามยังบังอาจกล่าวหาศาลว่า “ไม่ยุติธรรม” พร้อมทั้งปฏิเสธกระบวนการของศาล และยื่นถอนทนายความออกไปอีกด้วย โดยใช้วิธีอดอาหาร (แต่ยังดื่มน้ำ นม วิตามิน) เพื่อกดดันศาล มานานเดือนกว่าแล้ว ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมา ยังใช้วิธีกดดันแบบนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยยื่นขอประกันให้ศาลปล่อยตัวในแบบที่ตัวเองกำหนดมาอย่างต่อเนื่อง รวม 9 ครั้ง โดยอ้างว่าตัวเองยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสินว่ามีความผิด ต้องปล่อยตัวออกมาสู้คดี อะไรประมาณนั้น
ขณะเดียวกัน บรรดาเครือข่ายแนวร่วมที่เชื่อว่า “อยู่เบื้องหลัง” ก็คอยสร้างกระแสปั่นป่วน กดดัน ข่มขู่ศาล ข่มขู่ผู้พิพากษาและคนในครอบครัว ในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยกลุ่มที่เคลื่อนไหวดังกล่าว เป็นพวกนักศึกษาและเยาวชน ซึ่งบางส่วนอาจเป็นเพราะยังไม่รู้ถึงผลกระทบที่จะตามมาในกรณี “ละเมิดศาล” ที่เป็นคดีอาญามีโทษจำคุก และมีคดีติดตัว โดยหลายคนกำลังจะมีการไต่ส่วนในส่วนของการละเมิดอำนาจศาล ในกลางเดือนนี้
นอกเหนือจากนี้ ยังมีคดีอาญาอื่นๆ ที่แยกออกมา ที่เป็นอำนาจของตำรวจตามกฎหมายในเรื่องทำลายทรัพย์สินทางราชการ ต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงาน ความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นต้น ที่กำลังตามมาอีก รับรองว่าคนที่โดนคดีถึงตอนนั้นคง “ไม่เท่ ไม่สนุก” แน่นอน
วกกลับมาที่กรณีของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่ล่าสุดในเวลานี้ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวออกมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลรามาฯ ซึ่งมีการระบุว่า มีอาการแค่ปวดกระเพาะ อาการไม่ได้หนักหนามากนัก และอาจเป็นไปได้ว่า ในอีกไม่นานจะถูกย้ายกลับเข้าเรือนจำอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวล่าสุดที่ทนายความบอกว่า ทั้ง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ยอมทำตามเงื่อนไขตามกฎหมาย ที่จะไม่จะเคลื่อนไหวในลักษณะซ้ำรอยเดิม โดยเฉพาะพฤติกรรมที่สร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบันฯตามฟ้องอีก เพื่อแลกกับการได้รับการประกันตัวเหมือนกับจำเลยที่ได้รับการปล่อยตัวออกมาก่อนหน้านี้ ความหมายก็คือ หากได้รับการประกันตัวออกมา ก็จะเลิกอดอาหาร (แบบพิเศษ) ที่ว่านั้น ใช่หรือไม่ เพราะถือว่าได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว
แต่สิ่งที่ต้องพิจารณา และเป็นคำถามก็คือ ทำไมถึงมีการยอมรับเงื่อนไขดังที่ทนายความออกมาระบุดังกล่าว เป็นเพราะไปต่อไม่ไหว เพราะมัน “ไม่เวิร์ก” ยิ่งนานยิ่งฝ่อ เพราะเมื่อประเมินจากสถานการณ์ภายนอก โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุวุ่นวายในบริเวณศาล รวมไปถึงการข่มขู่คุกคามผู้พิพากษาเมื่อวันก่อน ล้วนถูกประณามจากรอบทิศ มีแต่ผลลบ
ก็ต้องจับตาดูว่า พวกเขาจะยอมรับเงื่อนไขกับศาลจริงหรือไม่ และศาลจะให้ประกัน หรือยกคำร้องเหมือนกับที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หรือไม่ เพราะถ้ายกคำร้องอีกครั้ง คราวนี้ก็คุกยาวๆ ไป !!


กำลังโหลดความคิดเห็น