xs
xsm
sm
md
lg

คำตอบจากศาล คำขู่ “ม็อบ 3 นิ้ว” ไร้ผล-คุกยาวไป!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา


ในที่สุดก็น่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่า วิธีการของพวก “ม็อบสามนิ้ว” ที่เคลื่อนไหวในแบบ “ข่มขู่คุกคาม” ศาล รวมไปถึงการทำร้ายเจ้าหน้าที่ในที่ทำการศาล ซึ่งในที่นี้ยังหมายถึงพฤติกรรมที่เรียกว่า “ล่าแม่มด” นั่นคือการข่มขู่คุกคามผู้พิพากษาและคนในครอบครัวไม่น่าจะได้ผล และไม่มีทางได้ผลอย่างแน่นอน 
 
ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 พ.ค. สำนักงานศาลยุติธรรมได้ออกแถลงการณ์ขอแจ้งให้ทราบว่า ในการดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาและมีคำสั่งในคดีทั้งปวงศาลยุติธรรมให้ความสำคัญต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นเสมอมา และรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะความคิดเห็นทางวิชาการที่มุ่งก่อให้เกิดความสร้างสรรค์และพัฒนาการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทย 
 
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมที่เกิดขึ้นบริเวณศาลอาญา เมื่อคืนวันที่ 2 พ.ค. ที่บุคคลจำนวนหนึ่งใช้ความรุนแรงด้วยการขว้างปาสิ่งของ ใช้เครื่องมือยิงวัสดุเข้ามาในอาคารศาล การใช้วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง จนเกิดความเสียหาย ความรุนแรงและไม่สงบขึ้นนั้น นอกจากจะเป็นการทำลายทรัพย์สินของทางราชการแล้วยังอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลรักษาความปลอดภัยในบริเวณศาลอาญา ถือไม่ได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นในระบอบประชาธิปไตย และอันเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยชอบธรรมภายในกรอบของกฎหมาย อีกทั้งยังมีลักษณะของการก้าวล่วง ใช้ความรุนแรง เพื่อแทรกแซงโดยหวังผลให้ศาลมีคำสั่ง หรือคำพิพากษาไปในทางหนึ่งทางใดตามที่กลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงมุ่งประสงค์ โดยไม่ต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์ของกฎหมาย อันเป็นการมุ่งทำลายความอิสระของตุลาการ ตามรัฐธรรมนูญ 
 
นอกจากการใช้ความรุนแรงดังกล่าวแล้ว ปัจจุบันยังมีพฤติกรรมทำนองขู่เข็ญ และสร้างความหวาดกลัว ไม่เพียงแก่บุคลากรในศาลยุติธรรมเท่านั้น หากแต่ยังมีการขู่เข็ญ และสร้างความหวาดกลัวไปยังบุคคลในครอบครัวของผู้พิพากษาและบุคลากรในศาลยุติธรรมด้วย ทั้งๆ ที่บุคคลดังกล่าวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาพิพากษาคดีแต่อย่างใด พฤติกรรมดังกล่าวที่มีการกระทำในลักษณะเป็นขบวนการ ใช้สื่อโซเชียลต่างๆ ล้วนมุ่งหวังให้เกิดผลใน

ทำนองเดียวกับการใช้ความรุนแรงข้างต้น ที่ต้องการให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดี หรือมีคำสั่งในทางที่ตนเองหรือขบวนการของตนต้องการ โดยไม่คำนึงถึงหลักเกณฑ์ของกฎหมาย จึงไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นหรือการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญอันชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย 
 
ในการนี้ สำนักงานศาลยุติธรรมจึงขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้ตรวจสอบการกระทำและพยานหลักฐานที่ปรากฏ หากมีการกระทำใดที่เป็นการละเมิด หรือฝ่าฝืนกฎหมาย ขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการของกฎหมายอย่างเคร่งครัด และขอให้พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน แสดงความคิดเห็นและใช้เสรีภาพของตนอย่างสันติ ด้วยความสงบ และงดเว้นการกระทำใดๆ ที่อาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตเป็นภยันตรายแก่ร่างกาย หรือสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สิน ไม่ว่าของส่วนบุคคลหรือของทางราชการ และให้การดำเนินกระบวนพิจารณาต่างๆ ดำเนินไปตามครรลองของกฎหมายที่มีการตรวจสอบ และถ่วงดุลตามที่กฎหมายกำหนดในการพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง ศาลยุติธรรมทุกศาลจะยังคงทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ปราศจากอคติพิพากษาและมีคำสั่งให้คู่ความทุกฝ่ายได้รับความยุติธรรมภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันต่อไป 
 
แน่นอนว่า แถลงการณ์ดังกล่าวของสำนักงานศาลยุติธรรม เกิดขึ้นภายหลังเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายของกลุ่มม็อบสามนิ้วในชื่อ “รีเด็ม” ที่บริเวณหน้าทำที่ทำการศาลอาญา และบริเวณภายในอาคาร จนทำให้ทรัพย์สินราชการเสียหาย และมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง 
 
โดยพฤติกรรมของกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ มีเจตนาชัดเจนมาตั้งแต่ต้นเริ่มตั้งแต่กดดัน ข่มขู่ศาล จนกลายมาเป็นข่มขู่คุกคามผู้พิพากษา ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นผู้พิจารณา ในการให้ประกันตัวจำเลยในคดีความผิดตาม มาตรา112 และอีกหลายความผิดตามฟ้อง โดยที่ผ่านมาจำเลย จำนวน 7 ราย ที่มีความพยายามยื่นขอประกันตัวออกมาอีกครั้ง หลังจากเคยพยายามยื่นคำร้องมาแล้วไม่ต่ำกว่า 9 ครั้ง และครั้งล่าสุด ศาลนัดไต่สวนและฟังคำสั่ง ในวันที่ 6 พ.ค.นี้ แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามีการเคลื่อนไหวกดดันศาลในแบบ “หนักข้อ” ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยวิธีการในแบบ “ข่มขู่คุกคามศาล” เหมือนกับที่ศาลได้ระบุในแถลงการณ์ดังกล่าวข้างต้น โดยหวังให้มีการเปลี่ยนแปลงคำตัดสินตามที่ตัวเองต้องการ 
 
ศาลย้ำชัดเจนแล้วว่า “เป็นไปไม่ได้” เพราะทุกอย่างต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย เป็นกลางโดยปราศจากอคติ

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาจากสังคมรอบข้างพอประมวลให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ไม่มีใครเห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ และนับจากนี้ไปบรรดาม็อบที่เคลื่อนไหวก่อความรุนแรงที่ผิดกฎหมายหน้าศาล ก็เตรียมรับคดีกันไปหลายคดี เริ่มจากการละเมิดอำนาจศาล ทำลายทรัพย์สินราชการ ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ รวมไปถึงความผิดปลีกย่อยตาม พ.ร.บ.ป้องกันโรคติดต่อ ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สารพัด ซึ่งทุกอย่างเชื่อว่าถูกบันทึกไว้หมดแล้ว จะต้องเจอ “เช็กบิล” ตามมา โดยเชื่อว่า “ไม่ใช่แบบราคานักศึกษา” แน่นอน
 
เพราะมันเป็นพฤติกรรมที่เหิมเกริม ที่ต้องไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง แม้ว่าตอนเคลื่อนไหวอาจจะดูเท่ สนุกคึกคะนองตามประสาวัยรุ่น แต่เมื่อมีคดีติดตัวเชื่อว่าคงไม่สนุก
 
ขณะเดียวกัน ย่อมเป็นคำตอบแทบจะชัดเจนแล้วว่า คำร้องขอปล่อยตัว 7 จำเลย ที่มีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” ที่อดอาหารแบบวิธี “พิเศษ” มานานเดือนกว่า กับ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” ที่อดอาหารในลักษณะเดียวกัน รวมไปถึงจำเลยคนอื่น เช่น นายอานนท์ นำภา เป็นต้น ที่ศาลนัดไต่สวนและฟังคำสั่งในวันที่ 6 พ.ค.นี้ จะมีผลออกมาแบบไหน!!


กำลังโหลดความคิดเห็น