เมืองไทย 360 องศา
อย่าได้แปลกใจกับข่าวการปฏิเสธจากทั้ง นายเดวิด สเตร็คฟัสส์ ฝรั่งสัญชาติอเมริกัน ที่มาฝังตัวอยู่ในประเทศไทยนานกว่า 35 ปี และทำงานเป็นนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่เพิงถูกทางการไทยระงับวีซ่า ด้วยเหตุผลที่กระทบด้านความมั่นคงต่อชาติและความมั่นคงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งการปฏิเสธของ สถนทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ต่อแชตไลน์ที่หลุดออกมาว่อนโซเชียลฯ ว่าข้อความที่ระบุการสนทนากับพวกแกนนำม็อบสามนิ้ว ในทำนองชักใยสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงว่า เป็น “แชตปลอม”
แน่นอนว่า ในวงการ “สายลับ” มันก็ย่อมต้องเป็นเรื่อง “ลับสุดยอด” เนื้อหารายละเอียดย่อมต้องไม่มีใครทราบ หรือหากเล็ดลอดออกมาก็ยอมต้องมีน้อยกว่าน้อย ส่วนการปฏิบัติงานส่วนใหญ่เราจะได้เห็นกันในหนัง หรือภาพยนตร์ซึ่งก็คือจากการผลิตของฮอลลีวูดในสหรัฐฯนั่นแหละ
แต่เอาเป็นว่าสำหรับ “เดวิด สเตร็คฟัสส์” เริ่มมีชื่อคุ้นหูมากขึ้น หลังจากรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” เปิดโปงว่า แท้จริงแล้วเขาคือ เจ้าหน้าที่ในหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ หรือ “ซีไอเอ” ที่ฝังตัวอยู่ในประเทศไทยมานานร่วม 35 ปี โดยหน้าฉากทำงานเป็น ผอ.ศูนย์แลกเปลี่ยนการศึกษาระหว่างประเทศ (CIEF) ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น และจากนั้นก็นำมาสู่การระงับวีซาดังกล่าว แม้ว่ายังไม่อาจสรุปว่าสาเหตุการระงับวีซ่ามาจากเรื่องอะไรกันแน่ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เราได้รู้จักฝรั่งคนนี้ รวมไปถึงงานปฏิบัติการด้าน “การล้วงความลับ” และการแทรกแซงประเทศอื่น ทั้งในรูปแบบของหน่วยงานสืบราชการลับสหรัฐฯ หรือ “ซีไอเอ” โดยตรง รวมทั้งจากหน่วยงานราชการลับใน “ภาคพลเรือน” ที่รับรู้ในชื่อย่อว่า NED ที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ระบุว่าเป็น ซีไอเอ หรืองานสายลับในภาคพลเรือนนั่นแหละ
ขณะเดียวกัน ก็มีความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้มานานนับปีแล้ว นั่นคือ การให้ความเกื้อหนุนอุ้มชูกับพวกแกนนำเด็กๆ ของพวก “ม็อบสามนิ้ว” เช่น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” รวมไปถึงแชตหลุดจากสถานทูตสหรัฐฯ ก็เป็นการพูดคุยกับ “ลูกเกด” น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ทุกอย่างล้วนเป็นความเคลื่อนไหวที่เชื่อมโยงให้เห็นกันมานานนับปีแล้ว โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่กระทำกันในลักษณะเป็น “ขบวนการ” ที่เป้าหมายถูกมองว่า มีเจตนาโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ในประเทศไทย เพราะบุคคลที่ที่เคลื่อนไหวในแบบ “หลังฉาก” ล้วนเป็นพวกอาจารย์มหาวิทยาลัยหน้าเดิมๆ ที่มักคุ้นกันดีอยู่แล้ว เช่น นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ “ส.ศิวรักษ์” นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธุ์ ซึ่งสองคนหลังนี้ได้หลบหนีคดี มาตรา 112 ไปต่างประเทศแล้ว แต่ยังเคลื่อนไหวโจมตีอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการอยู่เบื้องหลังการชุมนุมของพวก “ม็อบสามนิ้ว” ในเวลานี้
ขณะเดียวกัน หากพูดถึงคนพวกนี้ก็ย่อมที่จะต้องเอ่ยถึง “สองเกลอ” อย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แม้ว่าในรายละเอียดคนพวกนี้จะมีการ “วิวาทด่าทอ” ออกมาให้เห็นบ้าง แต่ก็ถือว่ามีเป้าหมายเดียวกัน
เมื่อวกกลับมาที่ นายเดวิด สเตร็คฟัสส์ ที่ฝังตัวที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น นานกว่า 30 ปี จนมีลูกมีเมียในประเทศไทยหลายคน ขณะเดียวกัน ยังมีบทบาทเคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคอีสาน เป็นคนที่ให้การสนับสนุน “ไผ่ ดาวดิน” หรือ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ที่มีทัศนคติต่อต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่เป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น จนถูกจำคุกมา และได้รับการปล่อยตัวมาแล้ว และในเวลานี้ก็ยังถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกันอีกหลายคดี
อย่างไรก็ดี เมื่อรับรู้กันว่า คนพวกนี้มีความเชื่อมโยงกัน มีหลักฐานปรากฏทั้งภาพถ่ายและการเคลื่อนไหวร่วมกัน รวมไปถึงเกี่ยวข้องกับ “หน่วยงานลับ” ที่เข้ามาแทรกแซงบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็น “หน่วยงานลับ” ก็ย่อมไม่มีทางที่จะได้ยิน “คำสารภาพ” ออกมาจากปากพวกเขา เหมือนกับที่เราเคยได้เห็นในภาพยนตร์ แม้ว่าครั้งนี้จะมีพร้อมทั้งหลักฐาน พยานแวดล้อม แต่ก็อย่าหวังจะได้รายละเอียดตามความเป็นจริง
ดังนั้น หากให้สรุปก็คงจะเข้าใจได้ว่า “งานลับ” ก็คงเป็นเรื่องลับกันต่อไป และคงไม่มีคำสารภาพตามมาแน่นอน แต่ขณะเดียวกัน สำหรับคนไทย ก็คงต้องรับรู้ข้อมูล ประมวลภาพเท่าที่มีก็พอปะติดปะต่อได้ไม่ยากว่าคนพวกนี้มีความเชื่อมโยงกันแบบไหน และสำหรับท่าทีต่อชาติตะวันตกก็คงไม่มีมากไปกว่า การไม่เป็นศัตรู แต่มีความสัมพันธ์แบบรู้เท่าทัน น่าจะเป็นแบบนั้นมากกว่า !!