xs
xsm
sm
md
lg

“ลูกเกด” เตรียมฟ้องหมิ่นฯ เรียกค่าเสียหายคนเผยแพร่แชตปลอม เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ลูกเกด” เตรียมฟ้องคดีหมิ่นประมาททางแพ่งคนเผยแพร่แชตปลอม กรณีอ้างคุยไลน์กับ “Henry Rector” ยันไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว โอดการฟ้องครั้งนี้ไม่ง่าย ค่าใช้จ่ายสูง แต่เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีคืนมา หากชนะคดีจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งมอบให้ “น้องบาส” นักศึกษาอาชีวะที่โดนทำร้ายวันร่วมม็อบ

วันที่ 21 เมษายน 2564 น.ส. ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีแชตไลน์หลุด ที่อ้างว่าเป็นการสนทนาระหว่าง ลูกเกด กับ Henry Rector โดยระบุว่า ...

“สวัสดีค่ะ

หลังจากที่มีการเผยแพร่รูปภาพแชต LINE ทางสื่อออนไลน์โดยอ้างว่าเป็นแชตระหว่างลูกเกด ชลธิชา แจ้งเร็ว กับคุณ Henry Rector นั้น เราขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า “รูปภาพแชตดังกล่าวเป็นรูปภาพแชตที่ถูกตัดต่อขึ้นทั้งหมด” เนื่องด้วยเรากับคุณ Henry ไม่เคยมีคอนแทรกต์ส่วนตัวกัน และไม่เคยพูดคุยกันเพราะเราไม่รู้จักกันค่ะ ล่าสุด ทางสถานทูตสหรัฐอเมริกาก็ได้ออกมายืนยันอีกหนึ่งเสียงว่า รูปภาพแชตดังกล่าวเป็นภาพที่ถูกตัดต่อขึ้นมาและไม่ใช่ของจริง

ในช่วงที่ผ่านมา เราถูกโจมตีมาโดยตลอดว่า มีความสนิทสนมกับสหประชาชาติ (UN) องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และสถานทูตต่างๆ ประเด็นของการถูกต่อว่าด่าทอ มีตั้งแต่ประเด็นส่วนตัว จนถึงประเด็นที่อ้างคำว่า “ชาติ” เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ และการสร้างข่าวปลอม เช่น หาว่าเราเป็นพวกขายชาติและเป็นผู้ที่ทำงานร่วมกับสถานทูตต่างประเทศเพื่อทำร้ายประเทศตัวเอง เราจึงอยากใช้โอกาสนี้ชี้แจงว่า เราไม่เคยรับเงินจากสถานทูตใดๆ ค่ะ และการพบปะ/พูดคุยกับสถานทูตนั้น เป็นเพียงการอัพเดตประเด็นสิทธิมนุษยชนในฐานะนักปกป้องสิทธิมนุษยชน (Human Rights Defender) คนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ปกติมาก เพราะหนึ่งในหน้าที่ของนักการทูตในประเทศต่างๆ คือ การทำรายงานกลับไปให้รัฐบาลของตนเพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินงานด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลที่รัดกุมและรอบด้าน นักการทูตจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพูดคุยกับทุกๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะฝ่ายรัฐบาลไทย ฝ่ายประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล หรือแม้แต่ฝ่ายประชาชนที่เห็นด้วย/เชียร์รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ด้วย

จุดประสงค์ของการสร้างรูปภาพแชทปลอมในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างหลักฐานปลอมเพื่อทำให้สังคมมองว่าเราเป็นคนขายชาติแล้ว ยังมีความพยายามสร้างเรื่องใส่ร้ายโดยอ้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง และยังแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงไทยที่ลุกขึ้นมาทำงานการเมือง ต้องการเปลี่ยนประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น และพยายามท้าทายผู้มีอำนาจนั้น มักถูกโจมตีด้วยถ้อยคำเหยียดเพศ วิพากษ์วิจารณ์รูปร่างหน้าตา ลดทอนคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ดี ถ้อยคำด่าทอต่างๆ เหล่านี้ ไม่อาจทำให้เราหยุดเคลื่อนไหวได้ มิหนำซ้ำมันยังกลายเป็นเชื้อเพลิงเติมไฟให้เราต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อยืนยันว่า “ผู้หญิงทำงานการเมืองได้”

นอกจากการสร้างหลังฐานปลอมเพื่อใส่ร้ายเพราะต้องการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่น่ากังวลอีกประการ คือการเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้สู่สาธารณะโดยสื่อหลายสำนัก ที่ผ่านมาเราจะสังเกตได้ว่า ประเด็นในสังคมถูกพูดถึงและผลักดันไปได้นั้น ต้องอาศัยสื่อแทบทั้งสิ้น เราจึงอยากขอเตือนสติและสามัญสำนึกของสื่อมวลชน ให้ตระหนักในหน้าที่ และจรรยาบรรณการเป็นสื่ออย่างที่ควรจะเป็น นำเสนอข่าวด้วยข้อมูลตามความเป็นจริง ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง และตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนนำเสนอต่อสาธารณะ

การเผยแพร่แชตปลอมเพื่อใส่ร้าย ดิสเครดิต สร้างความเกลียดชังในครั้งนี้ ได้สร้างผลกระทบทั้งทางจิตใจ การทำงาน ความปลอดภัยในการใช้ชีวิต อีกทั้งยังสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของเราด้วย ดังนั้น เราจึงตัดสินใจดำเนินคดีหมิ่นประมาททางแพ่ง เพื่อเรียกค่าเสียหาย โดยเราตัดสินใจไม่ฟ้องหมิ่นประมาททางอาญา เพราะเราไม่สนับสนุนให้ความผิดฐานหมิ่นประมาทมีโทษทางอาญาค่ะ

ทั้งนี้ ขอเตือนว่าการสร้างและเผยแพร่แชตปลอมดังกล่าว ยังมีความผิดตามมาตรา 16 ของ พ.ร.บ.คอมพ์ ด้วยค่ะ และ “การจงใจสร้างรูปภาพแชตปลอมขึ้นมาใส่ร้าย สร้างความเกลียดชังแก่ผู้อื่น ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นอย่างสุจริตใจแน่นอนค่ะ”

การตัดสินใจฟ้องร้องคดีในครั้งนี้ ไม่ง่ายเลย เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการค่อนข้างสูง ซึ่งเราไม่ได้มีเงินทองมากมายนัก แต่เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การดำเนินคดีในครั้งนี้จะเป็นการกอบกู้ศักดิ์ศรีของตัวเองคืนมาอีกครั้ง จะเป็นการเตือนสติสังคมไทยให้หยุดสร้างข้อมูลปลอมทำลายชีวิตผู้อื่น และหากชนะคดีนี้ เราจะแบ่งเงินที่ได้ส่วนหนึ่งไปมอบให้ครอบครัวน้องบาส นักศึกษาอาชีวะที่โดนทำร้ายโดยกลุ่มปกป้องสถาบัน (ดักยิง) เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นค่ารักษาตัวและทำกายภาพบำบัด

หากใครพบเห็นการหมิ่นประมาท ใส่ร้ายเราในช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อความจากโพสต์-คอมเมนต์, ภาพ, วีดีโอ หรือสิ่งอื่นใดที่สื่อไปในทางหมิ่นประมาท ใส่ร้าย เราขอรบกวนให้ช่วยนำลิงค์ต้นทางเหล่านั้นมาใส่ในช่องคอมเมนต์ใต้โพสต์นี้ เพื่อที่เราจะได้รวบรวมไปใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไปค่ะ

สุดท้ายขอขอบคุณทุกคนที่คอยช่วยเหลือ ให้กำลังใจ ขอบคุณองค์กรสิทธิมนุษยชน ทนายความ เพื่อนนักกิจกรรม รวมทั้งกลุ่ม DRG ที่คอยช่วยเหลือ ห่วงใย และสนับสนุนเรามาโดยตลอดค่ะ”




กำลังโหลดความคิดเห็น