xs
xsm
sm
md
lg

“สุดารัตน์” สับรัฐเล่นสองหน้าแก้ รธน. ฟันธง ส.ส.ร.แท้งก่อนคลอด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สุดารัตน์” สับรัฐเล่นสองหน้าหลอก ปชช.มีความหวังแก้ รธน. ฟันธง ส.ส.ร.ไม่ได้เกิด วอนทุกฝ่ายร่วมดันรื้อ รธน.แก้วิกฤตชาติ “พงศ์เทพ” ติงยื้อเวลา ชี้ควรให้ ปชช.ตัดสินใจเอง “โภคิน” จวกฉบับ 60 ทำให้แก้ยาก ปกป้องอำนาจเผด็จการ “ยิ่งชีพ” มึนสูตรเลือกตั้ง ส.ส.ร. ท้า ส.ส.-ส.ว.โหวตคว่ำวาระ 3 เอง อย่ายืมมือศาล

เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 64 เวลา 10.00 น. ที่เบนซ์ทองหล่อคลับ ย่านสุขุมวิท สถาบันสร้างอนาคตไทยได้จัดเสวนา “ฝ่าด่านอรหันต์ หยุดกระบวนการล้มรัฐธรรมนูญประชาชน” มีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกลุ่มสร้างไทย, นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา, นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) 2540 และนายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ตัวแทนจากโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) ร่วมเสวนา

โดยคุณหญิงสุดารัตน์ตั้งคำถามว่า เหตุใดการรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญจึงทำได้ง่ายและไม่เคยมีความผิด แต่เมื่อประชาชนจะแก้ไขรัฐธรรมนูญของของตนเองกลับยากเย็น พร้อมกล่าวต่อว่าสังคมอยู่ในช่วงเวลาที่ถูกหลอกให้มีความหวัง เช่นเดียวกับตอนร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 ฝ่ายผู้มีอำนาจบอกให้ลงประชามติไปก่อน เพื่อจะได้มีการเลือกตั้ง รัฐบาลกำลังเล่น 2 หน้า สร้างความหวังอีกครั้งว่า จะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ท้ายที่สุดประชาชนจะไม่ได้เป็นผู้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ส.ส.ร.จะไม่เกิด แล้วกลุ่มเผด็จการ และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มาจากเผด็จการจะเป็นผู้ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อความได้เปรียบและเสริมความแข็งแกร่งของตนเองให้มากขึ้น

“สำหรับ ส.ส.บางคนที่โยนอำนาจของตนเองให้ผู้อื่นวินิจฉัย เป็นสิ่งที่น่าอับอายมาก นับแต่ทำงานการเมืองมา 29 ปี ไม่เคยเห็นว่า มีสมาชิกรัฐสภายุคไหนจะมีพฤติกรรมที่น่าอับอายเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่หลายส่วนในสังคมจึงตั้งคำถามว่า ส.ว.มีไว้ทำไม” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นทางออกประเทศ โดยระบุว่าขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญได้ร่วมกันหาทางออกให้ประเทศ อย่าทำให้ประเทศถึงทางตัน เพราะประชาชนคนตัวเล็กๆ กำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส เกมที่ผู้มีอำนาจกำลังทำ จะให้ไม่มีใครชนะ ประเทศแพ้ ประชาชนแพ้ จึงขอเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยผลประโยชน์ประชาชน และควรมีคำวินิจฉัยออกมาก่อนการลงมติในวาระ 3



ด้านนายพงศ์เทพกล่าวเสริมว่า รัฐธรรมนูญ 2560 ไม่มีมาตราใดบัญญัติว่าไม่สามารถยกร่างฉบับใหม่ได้ ระบุเพียงแค่ห้ามเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐและระบอบการปกครองเท่านั้น จึงต้องตั้งคำถามว่า หากห้ามมิให้ยกร่างใหม่ทั้งฉบับเหตุใดไม่ระบุไว้ หรือหากมีการแก้ไขทุกมาตรายกเว้นเฉพาะเรื่องของรูปแบบของรัฐ รวมถึงรูปแบบการปกครอง มีความต่างจากการยกร่างใหม่ทั้งฉบับอย่างไร ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไรนั้น ศาลรัฐธรรมนูญเข้าใจดีว่ารัฐสภาจะลงมติในวาระ 3 เมื่อใด และมีเวลาพอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จ ก่อนที่รัฐสภาจะลงมติในวาระ 3 เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเข้าใจถึงความจำเป็น ไม่เช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่น่ากังวล

“ไม่ว่าระบบการเลือกตั้ง ส.ส.ร.จะเป็นอย่างไร แต่ ส.ส.ร.ที่ได้จะน่าเชื่อถือ และสามารถยกร่างได้ดีกว่าที่ผ่านมา และสุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน เพราะหาก ส.ส.ร.ยกร่างไม่ดีพอ ประชาชนก็จะลงมติไม่เห็นชอบ เพื่อให้เกิดกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่อีกครั้ง” นายพงศ์เทพกล่าว


ขณะที่นายโภคินกล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังแก้ไขจะไม่ผ่านวาระ 3 ที่ผ่านมาตนเองได้ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญมายาวนาน ตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2540 มีที่มาจากประชาชน ถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดฉบับหนึ่งของประเทศ อย่างไรก็ตาม จากวิกฤตทางการเมืองที่ต่อเนื่องยาวนานกว่า 10 ปี จึงจำเป็นที่ต้องขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าได้ตามกระบวนการ นำพาประเทศเดินออกจากทางตัน ผลักดันให้เกิดร่างรัฐธรรมนูญโดยประชาชน และผ่านความเห็นชอบโดยประชาชน กรณีที่มี ส.ว.และ ส.ส.ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขได้หรือไม่นั้น คงต้องรอศาลรัฐธรรมนูญว่าจะวินิจฉัยออกมาเมื่อใด หากรัฐสภาให้ความเห็นชอบวาระที่ 3 ไปแล้วจะไปสู่ขั้นตอนการลงประชามติ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยหลังผ่านวาระ 3 ว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทำไม่ได้ ผลที่ตามมาจะทำให้ฝ่ายรัฐบาลร่วมกับ ส.ว.จะแก้ไขประเด็นใดก็ได้ และจะแก้ไขประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายรัฐบาล เพราะฝ่ายค้านไม่มีอำนาจคานกับฝ่ายรัฐบาลและ ส.ว.ได้อีกต่อไป

นายโภคินตั้งข้อสังเกตว่า นับแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง สถาปนารัฐธรรมนูญฉบับแรก ทุกฉบับจะมีหมวดที่ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าใจตรงกันว่าสามารถแก้ไขรายมาตรา หรือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ สำหรับร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านวาระ 1 และ 2 ของรัฐสภาขณะนี้ไม่ได้ไปแตะต้องหมวด 1 และ 2 ซึ่งในอดีตก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สามารถยกร่างใหม่ได้เท่ากับเป็นการปกป้องอำนาจของเผด็จการ

นายยิ่งชีพอีกว่า เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ทั้งหมด 200 คน ส่วนกรณีใช้เขตเลือกตั้งแบบ 1 เขต 1 คน รวม 200 เขต 200 คนนั้นถือเป็นเรื่องน่าประหลาด เชื่อว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นอีกมาก แต่เพื่อเป็นทางออกของปัญหา ศาลรัฐธรรมนูญควรมีคำวินิจฉัยออกมาก่อนรัฐสภาลงมติวาระ 3 กรณีที่ ส.ว.ยื่นคำร้องถึงศาลรัฐธรรมนูญ ไม่แน่ใจว่า ส.ว.มีความกังวลในประเด็นใด หรืออาจกังวลว่าหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตนเองจะหมดอำนาจ อย่างไรก็ตาม หาก ส.ส.หรือ ส.ว.บางคนเห็นว่าไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ได้ก็ให้ลงมติไม่ผ่านในวาระ 3 แล้วชี้แจงต่อสังคมให้ได้ว่าเพราะเหตุใด ขออย่าใช้วิธียืมมือศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาช่วยเหลือ


กำลังโหลดความคิดเห็น