พรรคร่วมฝ่ายค้านแถลงอัดส่งศาลรธน.วินิจฉัยอำนาจสภาฯ แก้ รธน. ตอกย้ำ รธน.จะแก้ได้ต้องมาจากรัฐประหาร ซัดทำ ปชช.ผิดหวัง อัด “ประยุทธ์” ไม่มีความจริงใจ สิ่งที่พูดไว้เป็นแค่ลมปาก
วันนี้ (9 ก.พ.) เวลา 14.45 น. ที่รัฐสภา ตัวแทน 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านสภาผู้แทนราษฎร นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมแถลงภายหลังที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติเห็นชอบให้รัฐสภาส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญตีความเพื่อวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
โดยนายสมพงษ์กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมโหวตครั้งนี้ได้พยายามทำเต็มที่ เพราะเราเห็นว่ารัฐธรรมนูญมีความจำเป็นต้องแก้ไข อย่างไรก็ตาม ญัตติที่เกิดขึ้นบ่งชัดว่าเป็นการกระทำเพื่อยื้อให้ยาวไป หรือไม่เห็นด้วยกัต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงอยากให้สื่อมวลชนนำรายละเอียดส่วนนี้ออกมาว่าพรรคที่เห็นด้วยกับญัตติดังกล่าวนี้คือใคร โดยคาดว่าคือสมาชิกวุฒิสภา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบดู รวมถึงพรรคที่เคยรับปากกับประชาชนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นชัดว่าใครมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญบ้าง
ขณะที่นายพิธากล่าวว่า การลงมติดังกล่าวชัดเจนแล้วว่ารัฐธรรมนูญไทยฉีกง่ายกว่าแก้ไข ซึ่งรัฐธรรมนูญไทย 20 ฉบับ 17 มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร และ 3 ฉบับมาจากรัฐสภาและประชาชน ดังนั้นเราควรพิสูจน์ว่าประเทศไทยยังมีดุลย์อำนาจทั้ง 3 อยู่ คือ อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ แต่ผลการโหวตวันนี้ชัดเจนว่าเกิดจากผลพวงรัฐธรรมนูญ 60 ที่ต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับอื่น ที่เมื่อมีความขัดแย้งระหว่างองค์กรต่างๆ เช่น รัฐสภากับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็สามารถส่งศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อตีความอำนาจของหน่วยงานนั้นๆ ได้ แต่รัฐธรรมนูญ 60 กลับบอกว่า แม้ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ ระหว่าง ครม.กับรัฐสภา หรือ ครม.กับองค์กรอิสระ ก็สามารถยื่นให้ฝ่ายตุลาการวินิจฉัยอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติได้
“การกระทำดังกล่าวนี้ คือการพาประเทศไปสู่ทางตัน และเป็นการบอกกับประชาชนว่าประชาชนไม่มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญของตัวเอง เป็นการส่งสัญญาณว่าถ้าจะมีรัฐธรรมนูญใหม่ต้องมาจากรัฐธรรมนูญชั่วคราว และการจะมีรัฐธรรมนูญชั่วคราวได้ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ และการจะฉีกรัฐธรรมนูญได้ต้องมีการรัฐประหารเท่านั้น นี่คือการส่งสัญญาณไปทั่วโลกว่าการจะมีรัฐธรรมนูญของประเทศไทยต้องมาจากวงจรรัฐประหารเท่านั้น ดังนั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านและทุกพรรคการเมืองต้องยืนยันว่าอำนาจของรัฐสภาที่ได้รับมอบหมายจากประชาชนมีอำนาจชอบธรรมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” นายพิธากล่าว
ด้านนายประเสริฐ จันทรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ผลคะแนนได้ชี้ให้เห็นแล้วว่ารัฐบาลขาดความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้พูดต่อรัฐสภาเมื่อเดือน ธ.ค.ปี 63 ว่าจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จสิ้นในปี 64 หรืออย่างช้าไม่เกินเดือน ม.ค. 65 แต่วันนี้ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ทำสิ่งที่รับปากไว้กับประชาชน สิ่งที่นายกฯ พูดเป็นแค่ลมปาก พรรคฝ่ายค้านและประชาชนจึงรู้สึกผิดหวังอย่างมาก แต่เราจะเดินหน้าสู่ต่อไป และจะรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะออกมาเป็นอย่างไร