ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ม็อบ-ปรับครม. โจทย์ที่ลุงๆ 3 ป. กะกินรวบ ถ้าผ่านจุดนี้ได้ ก็ยาวไป
เกิดแรงกระเพื่อมทุกครั้ง เมื่อมีสัญญาณ"ปรับครม." และครั้งนี้ก็เช่นกัน ทั้งภายในพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำ และพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งคนที่หนักใจที่สุดในขณะนี้คงหนีไม่พ้น "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งสวมหมวกหลายใบ ทั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และยังเป็น "ผู้จัดการรัฐบาล"ด้วย
สำหรับปัญหาระหว่างพรรคร่วมนั้น ที่เห็นชัดๆก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ มีจำนวนส.ส.ลดลง แบบว่าถ้าใช้คณิตศาสตร์การเมืองมาคำนวณก็ต้องหายไป1เก้าอี้ ขณะที่พรรคภูมิใจไทย มีจำนวนส.ส.เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หากไม่ได้เก้าอี้เพิ่ม ก็ควรต้องขยับไปตามเป้าหมายที่เล็งไว้ ส่วนพรรคเล็กก็ยังจับกลุ่มต่อรอง จึงมีข่าวการขอสลับกระทรวงระหว่างพรรคร่วมออกมา ซึ่งโจทย์นี้จะตีแตกหรือไม่อยู่ที่การเจรจาของ "ลุงป้อม"
ส่วนปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐนั้น เมื่อมีเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการ ว่างลง 2 ตำแหน่ง คือ รมว.ศึกษาธิการ และรมว.ดีอีเอส ก็มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มก๊วนภายในพรรค ทั้งกลุ่มคนใกล้ชิดลุงป้อม กลุ่มสามมิตร กลุ่มที่แบ่งตามภาคต่างๆ คนที่เป็นรัฐมนตรีช่วย ก็หวังจะขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการ หรือเป็นรัฐมนตรีช่วยฯในกระทรวงที่เกรดสูงขึ้น คนที่ยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็หวังจะได้เป็น "รัฐมนตรีป้ายแดง" จึงมีรายชื่อแคนดิเดตรัฐมนตรีกระทรวงนั้น กระทรวงนี้ จับจองเก้าอี้กันเป็นข่าวรายวัน เพราะเมื่อมีคนขยับออก ก็ต้องมีคนจ้องขยับเข้า
นอกจากนี้ ยังมีข่าวส.ส.จะเข้าชื่อเสนอกับทางพรรค ส่งสัญญาณไปถึง"ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าปรับครม.ครั้งนี้ ต้องไม่มี "โควต้าคนนอก"
ขณะที่ "ลุงป้อม" จะมองในมิติของการบริหารราชการอย่างเดียว เหมือนที่"ลุงตู่"มองก็คงไม่ได้ เพราะต้องบริหารจัดการ "นักการเมือง"ภายในพรรค รวมทั้งมองไปถึงการจัดทัพเตรียมรับศึกเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย
จึงมีข่าวว่า "ลุงป้อม" อาจจะขยับไป รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย"ผู้กองธรรมนัส" ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ตามไปนั่งรมช.มหาดไทย เป็นมือขับเคลื่อนเดินงานมวลชน ... แล้วให้ "ลุงป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ลุกมาดูแลด้านความมมั่นคง เพราะที่ผ่านมานั้น แม้ "ลุงป้อม"จะได้ชื่อว่าเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง แต่หน้างานส่วนใหญ่กลับเป็นเรื่องน้ำ เรื่องดิน และเรื่องอวกาศ เพราะดูแลกระทรวงดีอีเอส อยู่ ...ขนาดเรื่องม็อบ ลุงป้อมยังบอกว่าให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ที่จะดำเนินการ
นอกจากนี้ ก็มีชื่อ"เสี่ยแฮงค์" อนุชา นาคาศัย เลขาฯพรรค จะลุกจากรมต.สำนักนายกฯไปนั่งรมว.ดีอีเอส แล้วขยับ "เสี่ยเฮ้ง" สุชาติ ชมกลิ่น มานั่ง รมต.สำนักนายกฯแทน ส่วนรมว.แรงงาน ก็มีคู่ชิงดำ คือ "อาจารย์แหม่ม" นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน กับ"สันติ พร้อมพัฒน์" รมช.คลัง
อย่างไรก็ตาม "ลุงป้อม" ได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่ากระแสข่าวที่ว่าจะไปนั่งรมว.มหาดไทยนั้น "ไม่จริง ไม่มี" ...แต่ไม่ได้บอกว่าจะส่ง"ผู้กองธรรมนัส" ไปหรือไม่ จุดนี้จึงน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่ "ลุงตู่"ได้พูดถึงการปรับครม. ตามแบบฉบับของผู้ที่มีอำนาจเต็มว่า...ได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคปชป.และพรรคภท.แล้ว ได้ขอความร่วมมือในเรื่องการทำให้บ้านเมือง เดินไปข้างหน้าต่อไปให้ได้...ขอร้องให้เลิกพูดกันได้แล้ว เรื่องของสัดส่วนอะไรต่างๆ เลิกพูดกันเสียที
เมื่อถามว่า หมายถึงให้สิทธิ์ "พล.อ.ประวิตร"ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ดำเนินการคนเดียวเลย ใช่หรือไม่ ซึ่ง"ลุงตู่" ชี้แจงว่าไม่ใช่อย่างนั้น หมายความว่า พล.อ.ประวิตร ก็ดูในพรรค พปชร. นายจุรินทร์ ก็ดูในส่วนของพรรคปชป. นายอนุทิน ก็ดูในส่วนพรรคภท. ...ถ้าจะมีการปรับอะไรก็ให้เสนอขึ้นมา นายกฯจะเป็นผู้ดูความเหมาะสม จะให้ใครก็แล้วแต่ นั่นคือสิทธิ์ของนายกฯ
ภารกิจของ"ลุงป้อม" ในครั้งนี้ นอกจากจะต้องแก้โจทย์ระหว่างพรรคร่วม ระหว่างกลุ่มต่างๆภายในพรรคพปชร. แล้วยังมีโจทย์ในกลุ่มลุงๆกันเองด้วย ว่าจะ"กระชับอำนาจ" อย่างไรให้เกิดความสมดุลกับทุกๆฝ่าย เพราะครั้งนี้มีสัญญาณ"ปรับใหญ่"
ถ้าผ่านปัญหาม็อบไปได้ ผ่านการปรับครม.ไปได้ รัฐบาลของลุงๆก็คงไม่ต่างจาก "พยัคฆ์ติดปีก"
**ประเคนประทัดยักษ์ ระเบิดปิงปอง ฉี่ใส่ตำรวจ เชื่อมโยงเผาป้ายหน้าเรือนจำคลองเปรม งานนี้มีกลุ่มคนวางแผน กดปุ่ม "ม็อบ3นิ้ว" จงใจยั่วยุให้รัฐปราบ?
การชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก และแนวร่วม รีเด็ม (Restart Democracy)เมื่อวันอาทิตยที่ผ่านมา (28ก.พ.) กลุ่มเยาวชนปลดแอก และแนวร่วม"รีเด็ม" เดินขบวนจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) จนเกิดการปะทะกลายเป็นจลาจล ตำรวจต้องใช้รถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา และตามด้วยการใช้ "กระสุนยาง" เป็นครั้งแรก
เหตุจลาจลจากการปะทะกันของตำรวจและผู้ชุมนุม ผลก็คือบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่ เบื้องต้นตำรวจได้จับกุมผู้ร่วมก่อเหตุในที่เกิดเหตุ จำนวน 22 ราย
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ มีตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ดูแลการชุมนุม 27 ราย และมีตำรวจเสียชีวิต 1 นาย ระหว่างทำหน้าที่คุมมวลชน
ฝ่ายไหนใครเริ่มก่อนก็กล่าวอ้างกันไป แต่ที่แน่ๆตำรวจได้ประกาศว่าม็อบ ผิดกฎหมายตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.ควบคุมโรค ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมตัดรั้วลวดหนาม และเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ ถือเป็นจุดเริ่มที่ตำรวจเกรงจะลุกลามจนคุมไม่อยู่จึงต้องตั้งแนวสกัด แต่ก็เจอการตอบโต้ด้วยก้อนหิน ไม้ชายธง ประทัดยักษ์ และระเบิดปิงปอง
กระทั่งเข้าสู่ช่วงดึก กลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยุติการชุมนุม แต่มีบางส่วนยังมันส์ในอารมณ์ มีการขว้างปาสิ่งของทำร้ายตำรวจ และรถผู้สัญจรไปมา และบางส่วนเข้าปิดล้อม สน.ดินแดง และสน.สุทธิสาร ขว้างปาสิ่งของ ระเบิดควัน และประทัดยักษ์เข้าไปภายใน
จะเห็นว่า พฤติการณ์ของ"ม็อบ 3 นิ้ว" ครั้งนี้ แตกต่างจากที่ผ่านๆมา ทั้งประทัดยักษ์ ระเบิดปิงปอง ย่อมต้องเตรียมการมาอย่างดี พยายามก่อความรุนแรง ใช้การยั่วยุทุกวิธีเท่าที่ทำได้ ดังที่มีคลิปแชร์กันว่อนเน็ต ของฝ่ายผู้ชุมนุม ที่ปีนตู้คอนเทรนเนอร์ ยั่วยุด้วยวิธีใข้ "ปืนฉีดน้ำส่วนตัว" ฉี่ใส่ตำรวจ
รวมไปถึงคืนก่อนการนัดชุมนุมมี "มือดี" ไปก่อเหตุวางเพลิง เผาพระบรมฉายาลักษณ์ บริเวณด้านหน้าเรือนจำคลองเปรม ซึ่งการสืบสวนในทางลับพบว่า คนร้ายเชื่อมโยงกับ "ม็อบ3นิ้ว" เป็นกลุ่มเดียวกัน
มองรวมๆ ผิวเผินดูเหมือนการจลาจลที่เกิดขึ้น เพราะ"ม็อบไม่มีผู้นำ" จากที่สังเกตกันว่าจากที่ม็อบเคยมีแกนนำ มีรถเครื่องขยายเสียง มีการควบคุมมวลชน ซึ่งครั้งนี้หายไป จึงควบคุมยาก
งานนี้ ถ้ามองกันดีๆในพื้นที่ม็อบไร้แกนนำจริง แต่มี "ผู้นำและผู้บงการ" อยู่ด้านหลัง มีการคิดและวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนไว้แล้วอย่างแน่นอน
โดยกลุ่มคนเหล่านี้คอยกดปุ่มคำสั่ง เจตนาให้ "ม็อบ3นิ้ว" ก่อความรุ่นแรง ซึ่งจะเห็นว่ามีกลุ่มหนึ่งที่เริ่มใช้กำลังกับเจ้าหน้าที่โดยจงใจ
ทั้งเผา ขนทั้งประทัดยักษ์ ระเบิดปิงปอง ฉี่ใส่ตำรวจ ก่อเป็นจลาจล ปะทะตำรวจก็เพื่อต้องการให้เจ้าหน้าที่ปราบปราม
แน่นอนว่า หากเจ้าหน้าที่ลุยปราบ ก็เข้าล็อก "รัฐใช้ความรุนแรง" นำไปสู่เงื่อนไข การลุกฮือของคนที่ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ดึงมวลชนมาเป็นพวกได้มากขึ้น ต่อยอดแผนล้มรัฐบาล ล้มสถาบันฯ นั่นเอง
งานนี้เข้าทางใคร ? ก็คงเดาได้ไม่ยาก.