xs
xsm
sm
md
lg

ม็อบสามนิ้วเปลี่ยนแนว เจตนาป่วนให้บานปลาย !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

*หากมีเจตนาให้เป็นเรื่อง มันก็ต้องเป็นเรื่องจนได้ เหมือนกับพวก“ม็อบสามนิ้ว”ชุมนุมเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ล่าสุดมาในชื่อว่า กลุ่ม “รีเด็ม(REDEM)และมีการโฆษณาชักชวนมาชุมนุมจากเพจเยาวชนปลดแอก โดยเริ่มตั้งแถวที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก่อนเคลื่อนขบวนไปที่ หน้ากรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป้าหมายก็รู้อยู่แล้วว่ามีเจตนาป่วน เนื่องจากบ้านพักของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ข้างในเขตทหารดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะไปไกล ก็ต้องทำความเข้าใจสถานการณ์ในเวลานี้กันเสียก่อนว่าเป็นอย่างไร มันมีเงื่อนไขการชุมนุมกันในลักษณะไหน และอยู่ในระดับใด

เพราะหากพิจารณาตามสถานการณ์และบรรยากาศที่เป็นจริงแล้วมันไม่ถือว่ามีเงื่อนไข หรือเกิดอารมณ์ความรู้สึกร่วมที่จะชุมนุมเคลื่อนไหวอะไรกันมากนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ยังถือว่าอยู่ในเส้นทาง แม้ว่าจะต้องจับตามองกันอย่างใกล้ชิดก็ตาม ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันก็งั้นๆ มันมีกันทุกยุคสมัย แต่ที่บอกว่าเป็นเงื่อนไขจนต้องออกมาขับไล่ มองมุมไหนมันก็ยังไม่ถึงขั้น

ยิ่งการชุมนุมของพวก“รีเด็ม”อะไรนั่น ซึ่งใช้สัญลักษณ์“สามนิ้ว”แยกย่อยออกมาอีก ที่เคลื่อนไหวชุมนุมขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อ้างเหตุผลความล้มเหลวสารพัด ซึ่งอาจจะจริงหรือไม่จริง แต่คำถามก็คือ“เงื่อนไขมันได้หรือเปล่า” คำตอบตรงๆ ก็คือมันยังไม่ได้แน่นอน หรือไม่ก็เลยอารมณ์แบบนั้นไปไกลแล้ว

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขมันไม่มีเต็มร้อย โดยคำตอบที่พิสูจน์เห็นได้ชัดก็คือ จำนวนมวลชนที่เข้าร่วมมันน้อยนิด จนแทบไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการชุมนุมเคลื่อนไหวเพื่อกดดันในทางการเมือง อย่างไรก็ดี สิ่งที่เห็นอีกด้านหนึ่งจนเป็นที่น่าสังเกตก็คือการชุมนุมในครั้งนี้มีการ “เตรียมการ”ในลักษณะที่เรียกว่า“จัดตั้ง”กันมาเลยก็ว่าได้ เพราะว่ามากันแบบ“ธงทิวปลิวไสว”กันเลยทีเดียว

 ที่น่าสังเกตก็คือการชุมนุมกลุ่มดังกล่าวมีลักษณะการรวมตัวของ“กลุ่มอาชีวะ”ที่มีทั้งเป็น “การ์ด”และมวลชนในแบบ “ทูอินวัน” ขณะเดียวกัน แน่นอนว่า “ฝ่ายข่าว”ของทางการก็ย่อมรับรู้การเคลื่อนไหวกันอยู่แล้ว ว่ามีเจตนาแอบแฝงแบบไหน เพราะมีการเตรียมการรับมือกันเต็มพิกัดเช่นเดียวกัน มีการนำตู้คอนเทนเนอร์ พร้อมลวดหนามขวางเอาไว้หลายชั้น รับรู้กันล่วงหน้าว่ามี“เป้าหมายป่วน”อยู่แล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การชุมนุมเคลื่อนไหวในวันอาทิตย์ และที่สำคัญเป้าหมายคือ“บ้านพักนายกฯ”ในกรมทหาร ดังนั้นมันก็ได้“สองเด้ง”นั่นคือ การ“เป็นข่าว”อย่างไรก็ดี ความหมายของการเป็นข่าวนั้นจะออกมาในทางบวกหรือลบ จึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันในลำดับต่อมา

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งเมื่อพิจารณาถึงความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมเมื่อเคลื่อนขบวนไปถึงหน้าบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในกรมทหารราบที่ 1 ดังกล่าว ซึ่งด้วยจำนวนคนที่เรียกว่าแค่“หยิบมือ”มันก็คงไม่อาจสร้างแรงกดดันอะไรได้ แต่อย่างที่รับรู้กันก็คือ ในเมื่อ“เจตนามาป่วน”ก็ต้อง “สร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง”ต้องมีการยั่วยุ ด่าทอเจ้าหน้าที่ ที่ตั้งแนวขัดขวางอย่างเต็มที่ เพราะหากขืนปล่อยให้เข้าไปได้ก็จะเกิดความเสียหายตามมามากมาย

แม้ว่าในความเป็นจริงด้วยจำนวนมวลชนที่น้อย ก็คงไม่มีทางที่จะผลักดันเจ้าหน้าที่ และเครื่องกีดขวางออกไปได้ แต่การสร้างสถานการณ์ให้เกิดการปะทะ มีเจตนาให้เป็นข่าว ที่สื่อในเครือข่ายพยายามรายงานในแง่มุมที่แสดงให้เห็นว่า“เจ้าหน้าที่ทำรุนแรง”ซึ่งมันจะมีรายการข่าวแบบนี้ทุกครั้งที่ม็อบพยายามเคลื่อนเข้าสู่เขตหวงห้าม แม้ว่าจะมีการแจ้งเตือนกันตามขั้นตอน

ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อพยายามเคลื่อนเข้าสู่เขตหวงห้าม เจ้าหน้าที่ก็ต้องเตือน แต่เมื่อไม่ได้ผลก็ต้องผลักดันออกไป ซึ่งในภาพที่เห็นจะมีการใช้ปืนยิงกระสุนยาง และมีการบาดเจ็บตามมาทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ดี ในที่สุดแล้วก็มีการสลายการชุมนุมในช่วงเวลาสามทุ่มเศษ

แต่คำถามที่ตามมาก็คือ “ทำไมถึงมีเจตนาให้เกิดความรุนแรง”ขึ้นมา ทำไมถึงต้องไปหน้าบ้านนายกฯ ทำไมถึงต้องไปถึงหน้ากรมทหาร

น่าสังเกตก็คือในช่วงเวลาก่อนหน้าการสลายชุมนุมไม่นาน ก็มีการโพสต์ ออกมาจาก นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาคดี มาตรา 112 ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไอดอลของพวก “เด็กๆล้มเจ้า”ได้แสดงความเห็นในเชิงไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมแบบนี้ก็ตาม แต่อีกด้านหนึ่ง มันก็น่าสงสัยเหมือนกันว่าเป็นการ“ตีสองหน้า”เพราะรับรู้อยู่ว่าการก่อม็อบแบบนี้มันไม่มีทางเป็นบวกในสังคมแน่นอน


เพราะสิ่งที่มองเห็นก็คือ ภาพของความรุนแรงดังกล่าวไม่ได้ “สร้างอารมณ์ร่วม”ในเชิงโกรธแค้นให้กับสังคมออกมาเลย เพราะหากเป็นไปตามธรรมชาติที่เกิดเหตุออกมาในแบบที่ว่า“เจ้าหน้าที่ปราบปราม”แล้วรับรองว่าจะต้องมีการ “ลุกฮือ”ออกมามากมาย อย่างน้อยก็ต้อง“เรียก แขก”พวกเดียวกันให้ออกมาก่อน แต่นี่กลายเป็นว่าทุกคนเฉย มีแต่ภาพลบที่ปรากฏออกมาทางโซเชียลฯ เช่นมีบางคนที่ปีนขึ้นไปแสดงท่าทางจับอวัยวะเพศ พยายามจะฉี่ลงมาใส่ตำรวจที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งเป็นภาพที่ออกมาไม่ดีเลย รวมไปถึงภาพการใช้ความรุนแรงของผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ เป็นต้น

ดังนั้น หากประเมินตามสถานการณ์เท่าที่เห็นการม็อบเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มองอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเจตนาต้องการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง

อย่างน้อยก็คงแอบลุ้นให้เกิดแบบเดียวกับในเมียนมา แต่เมื่อเงื่อนไขมันต่างกัน มันก็ยังไม่ได้ผล ขณะเดียวกันอาจจะต้องการ“เลี้ยงกระแส”เอาไว้ ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 6 มีนาคม ที่ทางอัยการมีกำหนดส่งฟ้องแกนนำม็อบสามนิ้วอีกชุดใหญ่ จำนวน 18 คน ในความผิดตาม มาตรา 112 และมาตรา 116 ซึ่งเป็นไปได้สูงมากที่ต้องปิดฉากในคุก เหมือนกับ 4 คนก่อนหน้านี้หรือเปล่า

เพราะหากพิจารณาจากเงื่อนไข และบรรยากาศมองมุมไหนมันก็ไม่เวิร์ก ไม่ได้ใจชาวบ้านส่วนใหญ่ แน่นอน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น