xs
xsm
sm
md
lg

ปูนบำเหน็จ “พ.ต.อ.” ตำรวจเสียชีวิตขณะสลายม็อบ “บิ๊กอู๊ด” ย้ำใช้กระสุนยางเพราะจำเป็น โอด ตร.เจ็บ 90 นาย ดับ 1

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนง
MGR Online - ปูนบำเหน็จ พันตำรวจเอก” ตำรวจเสียชีวิตขณะคุมม็อบ ผบช.น.สรุปเหตุชุมนุมหน้า ร.1 ทม.รอ.เผยใช้กระสุนยางครั้งแรกเพราะจำเป็น จับกุมผู้ต้องหา 22 ราย เร่งตรวจสอบนักข่าวติดร่างแห พ้อตำรวจอดทนแค่ไหนโดนม็อบฉี่ใส่ ย้อนถามนักข่าวทำร้ายจริงไหม น.2 กางข้อหาถูกดำเนินคดีอ่วม

วันนี้ (1 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.และ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนง รอง ผบช.ภ.2 ในฐานะโฆษก ตร.แถลงสรุปภาพรวมกรณีเมื่อวานนี้ (28 ก.พ.) กลุ่มเยาวชนปลดแอกและแนวร่วมรีเด็ม (Restart Democracy) เดินขบวนจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) จนเกิดการปะทะกลายเป็นจลาจลเพราะไร้แกนนำ ตำรวจต้องใช้รถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา และกระสุนยางสลายการชุมนุม

พล.ต.ต.ยิ่งยศกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว บช.น.ได้สูญเสีย ร.ต.อ.วิวัฒน์ สินเสริฐ รอง สวป.สน.ธรรมศาลา ที่ไปปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนในเหตุการณ์ชุมนุม พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงความเสียใจและสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ดูแลสวัสดิการกำลังพลที่สูญเสียและครอบครัวอย่างดีที่สุด ในวันพรุ่งนี้ (2 มี.ค.) จะมีพิธีพระราชน้ำหลวงอาบศพ โดย ตร.จะเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรม และดำเนินการตามคำสั่งเป็นนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ 

นอกจากนี้ มีกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ 90 นาย ขณะนี้นอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ 27 นาย ในวันนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.พร้อม พล.ต.ท.ภัคพงศ์ จะเดินทางไปเยี่ยมตำรวจผู้บาดเจ็บ


พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า สรุปเหตุการทั้งหมดเมื่อวานนี้เวลา 15.00 น. เริ่มมีการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตำรวจได้ประกาศว่าผิดกฎหมายตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมมีจำนวนมาก เกรงว่าอาจทำให้ผู้ร่วมชุมนุมและผู้สัญจรไปมาได้รับอันตราย จึงพยายามปิดกั้นพื้นที่ชุมนุมและจัดเส้นทางเลี่ยงให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ต่อมาเวลา 17.00 น. กลุ่มผู้ชุมชุมได้เคลื่อนตัวมุ่งหน้าถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อไป ร.1 ทม.รอ. สถานที่สำคัญ ตำรวจได้นำตู้คอนเทนเนอร์ที่เป็นวัตถุได้รับอนุญาตใช้ป้องกันสถานที่ติดตั้งไว้หน้า ร.1 ทม.รอ.เพื่อรักษาความสงบ และไม่ให้มีการกระทบกระทั่งระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับตำรวจ พร้อมประกาศแจ้งเตือนเป็นระยะให้ชุมนุมโดยสงบ อย่าก่อความเดือดร้อนรำคาญและอันตรายให้บุคคลอื่น

ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมมีการตัดรั้วลวดหนาม และเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ เกรงว่าเหตุการณ์จะลุกลามอาจไม่สามารถควบคุมได้ ขณะนั้นการชุมนุมเป็นบริเวณกว้างเริ่มมีการทำร้ายตำรวจโดยก้อนหิน ไม้ชายธง ประทัดยักษ์ และระเบิดปิงปอง จนเป็นเหตุให้ตำรวจบาดเจ็บ 90 นาย นอนรักษาตัว รพ.ตำรวจ 27 นาย และเสียชีวิต 1 นาย จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มใช้ความรุนแรง ตำรวจต้องดำเนินการตามมาตรการ ยืนยันว่าวัสดุอุปกรณ์และอาวุธที่ใช้ในการควบคุมฝูงชนได้รับอนุญาต และไม่อันตรายถึงแก่ชีวิต เป็นครั้งแรกที่ตำรวจใช้กระสุนยางต่อผู้ชุมนุม โดยใช้ตามความจำเป็นตามสถานการณ์เพื่อต้องการหยุดยั้ง ควบคุมสถานการณ์ให้ยุติเร็วที่สุด และไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงเพิ่มมากขึ้น กระทั่งเวลา 22.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยุติการชุมนุม แต่มีบางส่วนยังชุมนุมต่อเนื่อง มีการขว้างปาสิ่งของทำร้ายตำรวจ และรถผู้สัญจรไปมา และบางส่วนเข้าปิดล้อม สน.ดินแดง และ สน.สุทธิสาร ได้ขว้างปาสิ่งของ ระเบิดควัน และประทัดยักษ์เข้าไปภายใน อยู่ระหว่างสำรวจความเสียหาย ในส่วนของ สน.ดินแดง พบว่ารถยนต์สายตรวจ 1 คัน และจักรยาน 1 คัน ถูกเผาได้รับความเสียหาย

เบื้องต้นตำรวจได้จับกุมผู้ร่วมก่อเหตุในที่เกิดเหตุ จำนวน 22 ราย นำตัวไปควบคุมที่ บก.ตชด.ภาค 1 จำนวน 18 ราย โดยในจำนวน 1 รายเป็นสื่อมวลชน ขณะนั้นเป็นการชุมนุมในที่เกิดเหตุอยู่ในช่วงชุลมุน หากมีสัญลักษณ์หรือมีการแจ้งเหตุอันสมควรว่ามาปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ตำรวจก็พร้อมรับฟังได้ และก่อนจะควบคุมตัวไปที่ บก.ตชด.ภาค 1 มีระยะเวลาพอสมควรที่จะแจ้ง หรือแสดงตัวให้ตำรวจรับทราบ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนอีก 4 รายเป็นเยาวชน จึงแยกนำตัวไปควบคุมที่ สน.สุทธิสาร ในช่วงบ่ายวันนี้จะตรวจสอบการจับที่ศาลเยาวชน

พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่ปรากฏเป็นเรื่องข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ตำรวจได้พิจารณาแล้วดำเนินการตามขั้นตอน พบว่าผู้ต้องหาหลายรายเคยเข้าร่วมชุมนุมหลายครั้ง ส่วนกรณีปรากฏภาพเหมือนตำรวจใช้เท้าเตะกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น การชุมนุมเป็นบริเวณกว้างต่อเนื่องมาตั้งแต่เวลา 15.00-02.00 น.ของวันนี้ เจตนาของตำรวจคือเข้าไประงับเหตุ และคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็วที่สุด เหตุการณ์ก่อนหน้านี้มีเรื่องราวมากกว่านี้ที่ไม่ใช่ช่วงนั้น ลักษณะการจับบางครั้งตำรวจต้องพุ่งออกนอกแนวกั้นแล้วดึงกลับมา อาจมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการเด็ดขาด รวดเร็ว ตนจึงอยากให้มองในภาพรวมทั้งหมด ข้อเท็จจริงคือตำรวจบาดเจ็บ 90 นาย นอนรักษาตัว รพ.ตำรวจ 27 นาย และเสียชีวิต 1 นาย ใครจะพูดอย่างไรก็ได้ ตนมองว่าเป็นเรื่องข้อเท็จจริง

กรณีอ้างว่าตำรวจจับกุมผู้ชุมนุมที่อยู่ระหว่างการรักษาตัวกับแพทย์นั้น ตำรวจมีการเข้าไปตรวจสอบแต่ไม่ได้จับ สำหรับผู้ที่ถูกจับมีพยานหลักฐานว่าร่วมชุมนุมในที่เกิดเหตุและใช้ความรุนแรง ส่วนที่ปรากฏภาพมีม็อบขึ้นไปบนตู้คอนเทนเนอร์แล้วทำท่าฉี่ใส่ตำรวจ ถามว่าถ้าตำรวจไม่อดทนอดกลั้นก็น่าจะดึงตัวลงมาแล้ว ลองดูว่าใครต้องอดทนอดกลั้นมากกว่ากัน อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบและดำเนินการไปตามฐานความผิด รวมถึงกรณีอ้างว่าตำรวจทำร้ายสื่อมวลชน ก็ให้สื่อมวลชนไปถามด้วยกันเองว่าตำรวจทำร้ายจริงหรือไม่ มาตรการปฏิบัติของตำรวจครั้งต่อไปจะรุนแรง หรือไม่รุนแรงขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุม ถ้าชุมนุมโดยสงบตำรวจไม่เคยใช้กำลัง ก่อนที่ตำรวจจะเริ่มตามยุทธวิธี หรือขั้นตอนได้มีการประกาศแจ้งเตือน ลูกน้องตนถูกกระทำมาจนกระทั่งเกรงว่าสถานการณ์จะลุกลามจนควบคุมไม่ได้ ตำรวจจึงจำเป็นจะต้องปฏิบัติตามมาตรการ

“ในฐานะเป็นคนไทยด้วยกัน การเห็นต่างเป็นการแสดงออกได้หลายทาง ขอให้ทำในช่องทางที่ถูกต้อง เป็นคนไทยคุยกันดีกว่า จะขัดแย้งกันทำไม” น.1 กล่าว


พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า สำหรับการดำเนินคดีต่อผู้ต้องหา 22 ราย ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันชุมนุม หรือร่วมกันจัดกิจกรรมในพื้นที่ ในสถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ซึ่งมีผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก และมีโอกาสที่สัมผัสกันได้โดยง่าย เป็นความผิดตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 18 และประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในกรณีเกี่ยวกับความมั่นคงเรื่องการห้ามชุมนุม มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี, ร่วมกันกระทำการใดๆ ซึ่งก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค มาตรา 34 (6)

นอกจากนี้ บางส่วนยังมีความผิดข้อหา ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง มาตรา 4 และ 5, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ และในการต่อสู้ขัดขวางนั้นมีการใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 296 และ 298 เหตุเกิดขึ้นบริเวณหน้า ร.1 ทม.รอ.สำหรับความผิดบริเวณ สน.ดินแดง และ สน.สุทธิสาร แจ้งข้อหา วางเพลิงเผาทรัพย์, ทุบทำลายการทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งทรัพย์สินของประชาชน และทรัพย์ของทางราชการ อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเสียชีวิตของ ร.ต.อ.วิวัฒน์ ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตรากตรําเสนอเลื่อน 3 ขั้นเงินเดือน 3 ชั้นยศ เป็น พ.ต.อ.เบื้องต้นได้รับเงินตอบแทน 2,740,000 บาท และบรรจุทายาทเข้ารับราชการนายตำรวจ






กำลังโหลดความคิดเห็น