MGR Online - โฆษก บช.น.ชี้ชุมนุมวันนี้ผิด 2 ข้อหา แจงตำรวจนำตู้คอนเทนเนอร์ปิดกั้น เนื่องจากเป็นค่ายทหารและป้องกันกระทบกระทั่ง ย้ำทำตามความเหมาะสม เตรียมออกหมายเรียก 8 ราย ชุมนุมหน้าศาลฎีกา 13 ก.พ. ด้านรองโฆษก บช.น.เตือนหลีกเลี่ยง 6 เส้นทาง
วันนี้ (28 ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.(จต.) ในฐานะโฆษก บช.น.และ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.(จร.) ในฐานะรองโฆษก บช.น.แถลงข่าวเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร กรณีกลุ่มเยาวชนปลดแอก และกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ประกาศนัดรวมตัวในวันที่ 28 ก.พ. เวลา 15.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และจะเคลื่อนขบวนไปยังบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า การชุมนุมในขณะนี้จะมีความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค รวมถึงการชุมนุมที่อาจส่งผลกระทบด้านการจราจร โดยต้องไม่ล้ำลงไปในช่องทางด่วนเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับผู้ที่โพสต์ชักชวน แกนนำ หรือผู้จัดให้มีการชุมนุมถือว่ามีความตามกฎหมาย การรักษาความปลอดภัยเป็นหน้าที่ของตำรวจ หากมีการบุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการในเขตทหารก็คงเป็นเรื่องภายในหน่วยงานที่จะรับผิดชอบ เบื้องต้นได้จัดกำลังตำรวจไว้ 14 กองร้อย (คฝ.หญิง 1 กองร้อย, บก.น.1 และ บก.น.2 รวม 4 กองร้อย และกำลังสำรองอีก 9 กองร้อย)
กรณีตำรวจนำตู้คอนเทนเนอร์ปิดกั้นถนนวิภาวดีรังสิต ช่องทางคู่ขนาน มุ่งหน้าดอนเมือง ก่อนถึงทางเข้ากองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ฯ บช.น.ได้พิจารณาตามความเหมาะสม ประกอบกับบริเวณดังกล่าวเป็นค่ายทหาร เพื่อเป็นการป้องกันการกระทบกระทั่งจึงมีความจำเป็นต้องตั้งตู้คอนเทนเนอร์ แบริเออร์ หรือสิ่งกีดขวาง โดยต้องส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด ที่ผ่านมาจะเห็นว่ากลุ่มผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรงมากขึ้น ทั้งการนำวัตถุไวไฟมาใช้ในการชุมนุมถือเป็นอันตราย ย้ำว่าหากกระทำผิดตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
“ส่วนการดำเนินคดีต่อกลุ่มราษฎรที่ชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่หน้าศาลฎีกา ขณะนี้ได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค ขณะเดียวกัน กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ส่งตัวแทนมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนข้อหาทำให้เสียทรัพย์ของราชการ มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท อยู่ระหว่างสอบสวนดำเนินคดี และเตรียมออกหมายเรียกผู้กระทำผิด 8 ราย” น.2 กล่าว
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า เส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบและควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ถนนพญาไท (แยกพญาไท-อนุสาวรีย์ชัยฯ), ถนนพหลโยธิน (อนุสาวรีย์ชัยฯ-แยกสะพานควาย), ถนนดินแดง (แยกดินแดง-อนุสาวรีย์ชัยฯ), ถนนราชวิถี (อนุสาวรีย์ชัยฯ-แยกตึกชัย), ถนนวิภาวดีฯ ช่องคู่ขนาน (รพ.ทหารผ่านศึก-สโมสรทหารบก), ซอยพหลโยธิน 2 (สะพานข้ามทางต่างระดับ) โดยให้หลีกเลี่ยงตั้งแต่เวลา 12.00 น.
เส้นทางที่แนะนำไปใช้เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบ ได้แก่ ถนนศรีอยุธยา, ถนนเพชรบุรี, ถนนจตุรทิศ, ถนนพระราม 6, ถนนวิภาวดีฯ (ช่องทางด่วน), ถนนสุทธิสารวินิจฉัย, ถนนประดิพัทธ์, ถนนกำแพงเพชร, ถนนกำแพงเพชร 2, ทางยกระดับอุตราภิมุข, ทางพิเศษศรีรัช, ทางพิเศษเฉลิมมหานคร
ทั้งนี้ บช.น.ได้จัดเตรียมกำลังตำรวจจราจรคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด หากต้องการสอบถามข้อมูลเส้นทาเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) โทรศัพท์ 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทางแอปพลิเคชัน M-Help Me และทางเว็บไซต์ WWW.TRAFFICPOLICE.GO.TH.
