นักวิชาการฝ่ายเดียวกันออกโรง ชี้ “จุดท้าทาย” ก้าวไกล “ล้มเจ้าไม่สุด” ท่ามกลางพรรคส่วนใหญ่สุมหัวแก้ไข รธน.เพื่อตัวเอง ไม่แตะ “สถาบัน” ดูมันทำ “3 นิ้ว” ขายพ่อในตลาดหลวง เยี่ยงฮีโร่ “ธนาธร” โผล่ โชว์กึ๋นแก้ “โควิด-เศรษฐกิจ”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (4 ม.ค. 64) เฟซบุ๊ก พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ ของ รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์หัวข้อ “พรรคก้าวไกลกำลังเผชิญความท้าทายสำคัญ”
โดยระบุว่า “ที่ผ่านมา ส.ส.ก้าวไกล มีบทบาทสูงในสภา สามารถอภิปรายประเด็นสำคัญอ่อนไหวมากมายจนเป็นพรรคฝ่ายค้านที่โดดเด่นที่สุด แม้จะมีจำนวน ส.ส.เป็นอันดับสอง
ส่วนนอกสภา ส.ส.ก็ให้กำลังใจร่วมชุมนุมและช่วยเหลือประกันตัวนักเคลื่อนไหวในคดีต่างๆ จำนวนมาก
ส.ส.ก้าวไกล อภิปรายประเด็นอ่อนไหวในสภาเกี่ยวกับสถาบันและกองทัพหลายเรื่อง อีกทั้งร่างแก้ไข รธน.ของก้าวไกลก็ไม่ยกเว้นหมวด 1-2 แต่จุดยืนที่เป็นทางการของพรรคก้าวไกลต่อประเด็นปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ และ ปอ.ม.112 ที่เป็นรูปธรรมก็ยังไม่ชัดเจนและก้าวไม่ทันขบวนเยาวชน นร.นศ.ปชช.นอกสภา เช่น ท่าทีต่อข้อเสนอ 10 ข้อ และการแก้ไข ม.112 (ไม่ใช่ยกเลิก) เป็นต้น
เยาวชน นร.นศ. แม้จะชื่นชมตัวบุคคล ส.ส.ก้าวไกล แต่กลับรู้สึกไม่ชัดเจนต่อจุดยืนทางการเมืองของพรรค กระทั่งมีข่าวว่า นศ.และรุ่นพี่บางกลุ่มมีการเตรียมตั้งพรรคการเมืองของตนเองขึ้นมา ซึ่งจะแย่งฐานเสียงก้าวไกล
อีกทั้งพรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านอื่นทั้งหมดกำลังรวมหัวกันแก้ไข รธน.โดยไม่แตะทั้งหมวด 1-2 และอำนาจสถานะของส.ว. 250 ชุดปัจจุบัน แต่จะแก้ไขเฉพาะระบบเลือกตั้งให้กลับไปสู่ รธน.40 ซึ่งเอื้อ ปย.แก่พวกตนมากที่สุดแต่ไม่เป็นคุณต่อพรรคก้าวไกล
เลือกตั้งปี 62 พรรคอนาคตใหม่ สามารถเข้าสภามาได้ถึง 81 คน ส่วนหนึ่งเพราะฝ่ายรัฐประเมินต่ำเกินไป จึงประมาท แต่ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พวกเขาจะทำให้แน่ใจว่า พรรคก้าวไกลต้องเข้ามาได้น้อยที่สุดหรือไม่ได้เลย
พรรคก้าวไกลจะตอบสนองต่อความท้าทายเหล่านี้อย่างไร?
#พรรคก้าวไกล #ปฏิรูปสถาบัน #ยกเลิก ม.112”
ขณะเดียวกัน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรอง ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อ “วิทยานิพนธ์มีตำหนิ” ระบุว่า
“เรียนอธิการบดีจุฬาฯ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย คณะรัฐศาสตร์และกรรมการวิทยานิพนธ์
จากการที่ อาจารย์ไชยันต์ ไชยพร ได้ออกมาท้วงติงวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก ของ นายณัฐพล ใจจริง ที่ทำวิทยานิพนธ์เรื่อง การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา ว่า มีข้อมูลที่คลาดเคลื่อน บกพร่องและบิดเบือนประวัติศาสตร์ นอกจากนั้น สื่อมวลชนบางกอกโพสต์ที่ถูกนำมาเป็นแหล่งข้อมูลในวิทยานิพนธ์ดังกล่าว ได้ออกมาปฏิเสธว่า ไม่เคยมีการรายงานข่าวตามที่ถูกอ้างในวิทยานิพนธ์ดังกล่าว
วิทยานิพนธ์ ระบุว่า หลังรัฐประหาร 2490 กรมขุนชัยนาท นเรนทร ในฐานะผู้สำเร็จราชการฯ ได้ขยายบทบาททางการเมืองโดยเข้าร่วมประชุม ครม.ในรัฐบาลจอมพล ป.บ่อยครั้ง และสร้างความไม่พอใจให้กับ จอมพล ป. และตอบโต้ด้วยการขอเข้าร่วมประชุมองคมนตรี
รวมทั้งยังอ้างว่า การกระทำดังกล่าวของกรมขุนชัยนาทฯ ทำให้เกิดความขัดแย้งในความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันฯกับรัฐบาลในขณะนั้น และใช้ถ้อยคำว่า เป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรี ประหนึ่งกษัตริย์เป็นประธานการประชุมคณะเสนาบดีในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวนี้ หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ที่ถูกอ้างเป็นแหล่งข้อมูลได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่า ไม่เคยมีรายงานข่าวดังว่า
ในฐานะนิสิตเก่าจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง ไม่สบายใจต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น เนื่องจากส่งผลกระทบหลายประการ ประการแรก กระทบต่อความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ ที่มีการบิดเยือนข้อมูลทางประวัติศาสตร์การเมือง ประการที่สอง กระทบต่อคุณภาพ ชื่อเสียงของบัณฑิตวิทยาลัยจุฬาฯ ในการตรวจกลั่นกรองมาตรฐานของวิทยานิพนธ์ ที่จะต้องไม่บิดเบือน บกพร่องในสาระสำคัญเช่นนี้ ประการสุดท้าย วิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวข้อง พาดพิงถึงสถาบันฯ ต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนถึงแหล่งที่มาและความถูกต้อง และอาจทำให้เข้าใจผิดว่า สถาบันฯจะนำระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์กลับมา
ขอเรียกร้องให้ผู้บริหารจุฬาฯ ตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง อย่าปล่อยผ่าน หรือเพียงระงับไม่ให้เผยแพร่ เนื่องจากวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกจะถูกนำไปอ้างอิงต่อๆ ไป ในฐานะแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ผ่านการรับรองจากจุฬาฯ อย่าให้เสียชื่อมหาวิทยาลัยระดับแนวหน้าของประเทศ ผู้บริหารจุฬาฯจะต้องทบทวนให้มีการแก้ไขวิทยานิพนธ์ให้ถูกต้อง ถึงจะเป็นเอกสารทางวิชาการได้
หวังว่า ผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะได้ดำเนินการให้ถูกต้อง เพื่อรักษาชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง สร้างความฮือฮา เมื่อสมาชิกเพจเข้าไปโพสต์กระทู้ว่า
“พ่อเราอายุจะ 80 เป็นสลิ่มหนักมาก วันหนึ่งเราขโมยมือถือพ่อ แล้วกดเข้าไปรอยัลลิสต์ โดยที่พ่อไม่รู้ สะใจฉิบหาย 555”
ปรากฏว่า มีคอมเมนต์สมาชิกในเพจพากันแสดงความชื่นชมจำนวนมาก และหลายคนระบุว่า จะไปทำตาม
บางคนยกย่องให้เป็นลูกดีเด่นแห่งปี 2021
บางคนระบายว่า “ที่บ้านข้าราชการครูกับทหารทั้งนั้น เวลารวมตัวงานบวชงานแต่งนี้โคตรรำคาญ..ชาติศาสนามหาสมป่องตลอดงานแม่ยิ่งลักไอ้แม้ววว..เกษียณแล้วทั้ง
“วัยขนาดนี้ใกล้ลงโลงแล้วยังโง่งมงายเป็นสลิ่มแบบนี้ แนะนำเอาขึ้นรถไปปล่อย ไว้วัดเลย”
“สลิ่มยิ่งแก่ยิ่งไม่มีความรู้ โง่” เป็นต้น
สำหรับเพจรอยัลลิสต์ มาร์เกตเพลส-ตลาดหลวง มีสมาชิกกว่า 1 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นมวลชน 3 นิ้ว และคนเสื้อแดง ก่อตั้งโดยนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการ และผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งลี้ภัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น (จากไทยโพสต์)
นอกจากนั้น วานนี้ ทวิตเตอร์ “คณะก้าวหน้า - Progressive Movement” โพสต์ข้อความระบุว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า เตรียมแถลงข้อเสนอแก้ปัญหาทั้งการระบาดของไวรัสโควิด-19 และวิกฤตเศรษฐกิจ ดังนี้ “ประเทศไทย 2021 : ข้อเสนอจัดการโควิดและวิกฤตเศรษฐกิจ” โดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พลาดไม่ได้! ติดตาม Facebook LIVE จันทร์นี้ 20.00 น. #โควิด19 #covid19 #ธนาธร
แน่นอน, ประเด็นอาจอยู่ที่ว่า พรรคก้าวไกล หรือ ที่ถูกฝ่ายตรงข้ามเรียก “ใกล้กาว” นั้น เป็นพรรคการเมืองในขั้วของ คณะก้าวหน้า นำโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นประธาน ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการ และ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช เป็นกรรมการ ซึ่ง ก็คือ อดีตกรรมการบริหาร อดีตพรรคอนาคตใหม่นั่นเอง
โดย ส.ส.ส่วนใหญ่ของอดีตพรรคอนาคตใหม่ หลังยุบพรรค ได้ไปสังกัด พรรคก้าวไกล และยังคงยึดมั่นอุดมการณ์ของอดีตพรรคอนาคตใหม่ รวมทั้งสายสัมพันธ์ที่มีอยู่กับแกนนำคณะก้าวหน้า
ส่วนนอกสภา พรรคก้าวไกล แสดงออกอย่างชัดเจน ในการดูแลม็อบเยาวชนปลดแอก และม็อบคณะราษฎร 2563 โดยเฉพาะการใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัว ทุกครั้งที่ถูกจับกุมจากการชุมนุม ที่ผ่านมา จนถูกมองว่า อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ยิ่ง ธนาธร, ปิยบุตร, ช่อ ออกมาแสดงความคิดเห็นทุกครั้ง แทบจะเป็นเนื้อเดียวกันกับม็อบคณะราษฎร 2563 รวมทั้งข้อเสนอ “ปฏิรูปสถาบัน 10 ข้อ” ที่หลายฝ่ายเห็นว่า ไม่ใช่แค่ปฏิรูป มันคือ ล้มล้าง
กระทั่งที่สุด ผลการเลือกตั้ง นายก อบจ. ที่คณะก้าวหน้าคาดหวังอย่างสูง ว่าจะได้รับเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ยิ่งกว่าการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 62 เสียอีก แต่ผลปรากฏว่า จากจำนวนที่ส่งลงสมัคร 44 จังหวัด ไม่ได้รับเลือกแม้แต่คนเดียว แถมคะแนนยังถูกทิ้งห่าง อย่างชนิดผิดคาดเลยทีเดียว
เรื่องนี้ คือคำตอบอย่างชัดเจนว่า สาเหตุมาจากการมีพฤติกรรม “ล้มเจ้า” ร่วมกับม็อบ หรือ หลายคนเชื่อว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง “ล้มเจ้า” นั่นเอง
แต่วันนี้มุมมองของนักวิชาการฝ่ายเดียวกัน กลับเชื่อว่า พรรคก้าวไกล ยัง “ล้มเจ้า” ไม่สุด! อาจกลายเป็นจุดท้าทายว่า จะอยู่รอดในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้อย่างไร???
ประเด็นที่ชี้ให้เห็นก็คือ แทนที่จะแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า สนับสนุนการต่อสู้ของ นักเรียน นิสิตนักศึกษา ก็ไม่กล้า ส่วนที่ม็อบเคลื่อนไหวให้ยกเลิก ม.112 พรรคก้าวไกล ก็แค่ต้องการแก้ไข ไม่ถึงกับยกเลิก เห็นได้ชัดว่า ทั้งหมด สร้างความไม่พอใจให้ บรรดา “ล้มเจ้า” ทั้งหลาย โดยเฉพาะ การพุ่งเป้าโจมตีไปที่ “ปิยบุตร” เนื่องจากเห็นว่า เป็นคนที่เดินเกมนี้ เพื่อรักษาสถานทางการเมืองของตัวเอง
ทั้งนี้ เชื่อว่า นักวิชาการฝ่ายเดียวกัน และพวกล้มเจ้าทั้งหลาย ตั้งความหวังเอาไว้สูง กับ คณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล และม็อบคณะราษฎร 2563 ว่า ถ้าทั้งหมด เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ก็จะทำให้มีพลังทั้งในสภา และนอกสภา ขานรับกันนั่นเอง
แต่ก็อย่าลืมว่า คนไทยตาสว่างกันหมดแล้ว ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่ไม่ได้แม้แต่ที่นั่งเดียว น่าจะมีเหตุมีผลของเรื่องนี้ ต่อให้ตั้งพรรค “ล้มเจ้า” ขึ้นมาใหม่ ถ้ายังเป็นเหตุผลเดิม ก็คงมีแต่สาวก “ล้มเจ้า” เท่านั้นที่เลือก และคนไทยคงมีวิธีตัดสินชี้ขาดเช่นเดิม หรือไม่จริง