xs
xsm
sm
md
lg

นปช.ได้เวลาแยกย้าย ทางใครทางมัน !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา


ก็คงได้เวลาตามสมควรอย่างที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. คนปัจจุบันได้กล่าวเอาไว้ว่า “ถึงเวลาที่จะต้องยุติบทบาทในนามของ นปช.ได้แล้ว โดยไม่อยากให้แบกความหวังลมๆ แล้งๆ ไว้อีกต่อไป”

“คนเสื้อแดงไม่ได้อยู่ในช่วงแข็งแรงเหมือนปี 2553 ในปี 2557 ผมถอยมาแล้วจากการเจ็บปวดกับ พ.ร.บ. สุดซอย ซึ่งจะพาให้ขบวนการประชาธิปไตยเดินเข้าสู่ Killing Zone แล้วแพ้ราบคาบ พร้อมกับยัดข้อกล่าวหาที่รุนแรงให้ จากนั้นผมถูกตามให้มาต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง ก็มาเพราะเห็นว่าประชาธิปไตยกำลังสูญเสีย ที่ผ่านมา มีหลายช่วงเวลาที่ต้องยุติบทบาท รวมทั้งขณะนี้แกนนำส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องหาหมด จึงสมควรต้องยุติบทบาทองค์กร นปช.อย่างยิ่ง”

“การจะมีองค์กรนี้ต้องตอบคำถามว่า อยู่เพื่ออะไร หลายคนตั้งคำถามพร้อมข้อกล่าวหา ทั้งที่ผมอธิบายเสมอว่าทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ ใครต้องการทำอะไรก็เชิญ ดังนั้น แกนนำในปี 53 จึงอยู่ในมุมเดียวกันหมด จึงไม่ควรแบกความหวังลมๆ แล้งๆ”

“วันนี้ เราเองได้ฝืนชะตาธรรมชาติมายาวนาน และสถานการณ์วันนี้ เป็นภารกิจของคนหนุ่มสาวที่ต้องนำพาประเทศ จึงเห็นว่า การดำรงอยู่ต่อไปไม่เป็นประโยชน์ เพราะสถานการณ์เปลี่ยน คนเสื้อแดงกระจัดกระจายไปสู่พรรคการเมืองอื่นๆ ตั้งแต่เลือกตั้งที่ผ่านมา ดังนั้น ยิ่งอยู่จึงยิ่งจะเป็นปัญหาการเมือง และไม่เป็นประโยชน์ต่อการเคลื่อนไหวอันใด เมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ตั้งพรรคใหม่ หรือ นายจาตุรนต์ ฉายแสง จะตั้งพรรคใหม่ คนเสื้อแดงจะกระจัดกระจายไปช่วยสนับสนุนอีก จึงแสดงให้เห็นว่า ถ้ามีองค์กรเสื้อแดงจึงไม่มีประโยชน์อันใดทั้งสิ้น เมื่อ นปช.เป็นองค์กรที่มีการต่อสู้ จึงควรปิดฉากงดงามที่การต่อสู้ เพราะเราไม่มีทางเดินไปจุดเข้มแข็งเช่นปี 53 ได้อีก อีกทั้งต้องยอมรับความจริงว่า การตัดสินใจของ นปช.ไม่ได้เกิดตามลำพังมาตลอดระหว่างทางต่อสู้อยู่แล้ว เพียงแต่ทุกคนรักษามารยาทในแต่ละเรื่องราว และที่ผ่านมาเราพยายามประคับประคององค์กรประชาชนให้อยู่อย่างมีเกียรติเท่านั้น”

คำพูดดังกล่าวข้างต้นของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม สะท้อนให้เห็นสถานการณ์จริง รวมไปถึงสื่อให้เห็นถึงความขัดแย้งบาดหมางกันภายใน และที่สำคัญที่สุด ก็คือ คำพูดที่บอกว่า “การต่อสู้ของ นปช.ที่ผ่านมาไม่ได้เกิดตามลำพัง เพียงแต่ว่าทุกคนรักษามารยาทพยายามประคับประคองให้อยู่อย่างมีเกียรติเท่านั้น

แม้ว่าในคำพูดของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ สำหรับคนภายนอกที่ติดตามการเคลื่อนไหวของ นปช. หรือ “คนเสื้อแดง” มาตลอดก็ต้องถือว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรนัก เพียงแต่ว่าเมื่อออกมาจากปากของเขามันก็เป็นการตอกย้ำความจริงออกมาให้เห็นต่างหาก

เพราะอย่างที่รับรู้กันว่า นปช.หรือ “คนเสื้อแดง” นั้น เป็นกลุ่มมวลชนที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตร หรือเป็นการต่อสู้เพื่อให้นายทักษิณ กลับเข้ามามีอำนาจอีกครั้ง รวมไปถึงให้พ้นจากความผิด และที่ผ่านมาที่การต่อสู้ของคนเสื้อแดงมีพลังก็เป็นเพราะ“ทักษิณยังได้รับความนิยมสูง”

แต่สถานการณ์ในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปในทางตรงกันข้ามแล้วแทบจะสิ้นเชิง

อย่างน้อยเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์จริงที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือพรรคการเมืองในเครือข่ายของนายทักษิณ ชินวัตร คือ พรรคเพื่อไทย ไม่ได้เป็นรัฐบาลมานานต่อเนื่องกันเกือบสิบปีแล้ว และเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในเวลานี้ ก็ยังมีแนวโน้มสูงยิ่งที่จะอยู่ในภาวะของการเป็นฝ่ายค้านอีกนาน

ที่สำคัญ ภายในพรรคเพื่อไทยยังประสบกับความแตกแยกครั้งใหญ่ จนมีระดับ “แกนนำหลัก” หลายคนต้องแยกย้ายออกไป ไม่ว่าจะเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ นายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นต้น ซึ่งตามข้อมูลของนายจตุพร ที่ยืนยันว่าทั้งคู่จะแยกกันไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมา มันก็ยิ่งทำให้พลังการสนับสนุนยิ่งต้องกระจัดกระจายกันไปอีก

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงการแยกย้ายกันไปตามพรรคการเมืองอื่นๆ ที่เห็นก็คือการเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาลค้ำยันอำนาจให้กับ “กลุ่มสาม ป.” ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นแกนหลัก ซึ่งแน่นอนว่าย่อมต้องมี “คนเสื้อแดง” ย้ายตามไปด้วย และ สถานะ “จากมิตรก็กลายเป็นศัตรู” หรืออยู่ตรงกันข้ามอย่างที่เห็นกันอยู่

ดังนั้น คำพูดของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็ได้อธิบายไว้ชัดเจนแล้วว่า “คนเสื้อแดงไม่ได้เข้มแข็งเหมือนเดิมอีกแล้ว” มันก็ยืนยันความเป็นจริงนั่นเอง

ขณะเดียวกัน เมื่อมีข้อเสนอให้ยุติบทบาท หรือยุบ นปช. แล้วแยกย้ายกันแสดงบทบาทตามศักยภาพของแต่ละคน ก็ต้องมีคนต่อต้านเป็นเรื่องธรรมดา เพราะอย่างที่รับรู้กันในระดับ “แกนนำ” แต่ละคนมี “ศักยภาพ” ต่างกัน และมีน้อยคนนักที่เป็นลักษณะแบบ “ดาวฤกษ์” ที่มีพลังหรือแสงในตัวเอง ขณะที่แทบทั้งหมดล้วนเป็นแบบ “ดาวเคราะห์” หรือ แค่ “สะเก็ดดาว” เท่านั้น หรือหากกล่าวกันแบบไม่เกรงใจก็ต้องบอกว่าล้วนมา “เกาะ” ได้ประโยชน์จากกระแสของทักษิณ ชินวัตร หลายคนได้เป็น ส.ส. มีตำแหน่งทางการเมือง ถือว่าได้รับผลตอบแทนที่เกินคุ้มไปแล้ว หากพิจารณาจากแบ็กกราวนด์ “โนเนม” ก่อนหน้านี้

แต่หากแยกโฟกัสเฉพาะ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็ถือว่าอยู่ในข่ายที่พอมีพลังในตัวเอง ย่อมเอาตัวรอดได้ และที่ผ่านมาหากพิจารณาจากเส้นทางเขาก็ “ถูกกระทำ” จากคนกันเอง ทั้งจากคนในพรรคเพื่อไทยและจากคนในครอบครัวชินวัตร ที่เขาเคยเปิดโปงในช่วงที่ขึ้นเวทีหาเสียงช่วยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ที่ผ่านมา ถึงขั้นใช้คำว่า “เจ๊อัปรีย์” มาแล้ว

ในเส้นทางข้างหน้ากลุ่ม นปช.หรือ “คนเสื้อแดง” จะสามารถยุติบทบาทอย่างเป็นทางการได้หรือเปล่า แต่สำหรับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นาทีนี้ถือว่า “จบแล้วนาย” แต่เส้นทางเดินข้างหน้าเขาต้องกำหนดเอง และหมายความว่าใครจะเดินตามหลังก็มา และแยกขาดกับนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย แบบทางใครทางมัน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น