xs
xsm
sm
md
lg

“ดรามาบิ๊กเมาน์เท่น” หรือ “ป๋าเต็ด 3 นิ้ว” อยากลองดีกับเชื้อโควิด-19 ** แนวรบแตก แนวร่วมร้าว!! “ทักษิณ” หัวร้อนใกล้แพ้คาบ้าน สนาม อบจ.เชียงใหม่ ออกลูกพาลด่ากราดคนที่ตีจาก ประกาศกร้าวจะกลับมายิ่งใหญ่ แต่แนวร่วมยังฟัดกันเละ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์









ข่าวปนคน คนปนข่าว

** “ดรามาบิ๊กเมาน์เท่น” หรือ “ป๋าเต็ด 3 นิ้ว” อยากลองดีกับเชื้อโควิด-19

กลายเป็น “มาม่าชามใหญ่” สำหรับการจัดงานมหกรรมดนตรี “บิ๊กเมาน์เท่น 11” ณ สนามกอล์ฟ ดิโอเชี่ยน เขาใหญ่ ที่มี “ยุทธนา บุญอ้อม” หรือ “ป๋าเต็ด” รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส หน่วยงาน Showbiz บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จํากัด (มหาชน) เป็นผู้จัด ซึ่งตามโปรแกรม ก็เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 ไปจบเอาคืนวันที่ 13 ธ.ค.

จะว่าไปกลิ่นอายความดรามา มันก็มีมาตั้งแต่ 1 สัปดาห์ก่อนจัดงานแล้ว หลังจากเชื้อโควิด-19 กลับเข้ามาในประเทศไทยอีกครั้ง ผ่านชายแดนไทย-พม่า เข้ามาสู่ตอนในของประเทศ ก็มีคำถามกันเซ็งแซ่ว่า งานที่มีคนจำนวนมากเรือนหมื่นเรือนแสน มารวมตัวกันอยู่ในที่เดียวกันแบบนี้ ยังสมควรจัดอยู่หรือไม่

ไม่เท่านั้น ความดรามายังถูกโยงไปถึงเรื่องการเมือง เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. นักร้องขวัญใจชาว “ม็อบ 3 นิ้่ว” อย่าง “ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์” หรือ “แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์” ทวิตข้อความอ้อน “ป๋าเต็ด” ขอไปขึ้นแจมบนเวที “บิ๊กเมาน์เท่น” ด้วยคน เพราะเห็นว่ามีจุดยืนทางการเมืองอยู่ข้างม็อบ 3 นิ้วเหมือนกัน ซึ่ง “ป๋าเต็ด” ก็แสดงท่าทีไม่ขัดข้อง แต่ได้ตอบกลับว่า “อย่าเอ็ดไป” เหมือนว่ายังเกรงใจแฟนเพลง ที่ไม่อยากจะยุ่งเรื่องการเมืองอยู่

และสุดท้าย “แอมมี่” ก็เปลี่ยนใจ ไม่ไปร่วมเวที โดยอ้างว่าเพื่อความเป็นธรรมกับศิลปินคนอื่นๆ ขณะที่ข่าวบางกระแสก็บอกว่า ที่นักร้องขวัญใจคณะราษฎร ต้องถอนตัว ก็เพราะว่ามีแฟนเพลงขอคืนบัตรจำนวนมากนั่นเอง

เมื่อถึงวันงานจริง ก็มีดรามาเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรก 12 ธ.ค. ทั้งเรื่องที่แฟนเพลงวัยรุ่นพากันทิ้งขยะเกลื่อนงาน และที่เป็นเรื่องใหญ่ยิ่งกว่างานช้าง ก็คือ ความหละหลวมในการป้องกัน “โควิด-19” ที่บ่นกันเซ็งแซ่เต็มโลกโซเชียลฯ ก็เห็นจะเป็นการตรวจอุณหภูมิก่อนเข้างาน ที่ขาดการจัดการที่ดี จนมีคนมาแออัดยัดเยียดกันอยู่ตรงทางเข้า บางคนมาถึงตั้งแต่ 5 โมงเย็น แต่กว่าจะได้เข้าไปชมคอนเสิร์ต ก็ต้องรอถึง 5 ทุ่ม ถ้าจะติดเชื้อโควิด ก็คงติดตั้งแต่ตอนที่ออกันอยู่หน้างานนี่แหละ คนมาเป็นหมื่นๆ หรืออาจจะถึงแสน มาอยู่ในพื้นที่แคบๆ มันรักษาระยะห่างไม่ได้อยู่แล้ว หลายเสียงจึงบอกว่า งานแบบนี้ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ควรจัดเลย ใครไปงานเสร็จกลับบ้าน ก็ไปกักตัวเองก็แล้วกัน หรือถ้าอีก 2 สัปดาห์ประเทศไทยมีจำนวนคนติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น ก็มาจากงาน “บิ๊กเมาน์เท่น 11” นี่แหละ

ความอีเหละแขละขละในการป้องกันเชื้อโควิด-19 มันก็ประจวบเหมาะกับที่มีแฟนเพลงมาจากเชียงใหม่คนหนึ่ง มีอาการป่วยมีไข้สูงและปอดผิดปกติ ต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อโควิด-19 และถูกส่ง รพ.มหาราช นครราชสีมา ร้อนถึง “วิเชียร จันทรโณทัย” ผู้ว่าฯ โคราช ต้องเรียกประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อของจังหวัด เป็นการด่วน และมีมติฟันฉับออกมาว่า ให้สั่งหยุดคอนเสิร์ต “บิ๊กเมาน์เท่น 11” ในทันที ด้วยเหตุผลที่ว่า ผู้จัดงานไม่ได้ทำตามมาตรการควบคุมเชื้อโควิด-19 ดีพอ ผู้เข้าชมงานจำนวนมากไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่มีการเว้นระยะห่าง แถมมีการตะโกนร้องเพลงตามศิลปินกันอย่างไม่ระมัดระวัง

ก็ไม่รู้ว่าเพราะมีวิญญาณขบถตามแบบฉบับ “ม็อบ 3 นิ้ว” หรือเปล่า แทนที่ “ป๋าเต็ด” จะยอมยกเลิกการจัดงานตามคำสั่งผู้ว่าฯ เสียโดยดี เพราะมันก็เห็นๆ กันอยู่ว่า ผู้จัดงานไม่สามารถทำตามมาตรการที่ทางจังหวัดกำหนดได้ “ป๋าเต็ด” กลับยื่นอุทธรณ์คำสั่ง โดยอ้างว่าได้ขายบัตรไปหมดแล้ว ซึ่งในท้ายที่สุดทางจังหวัดก็ยืนยันคำสั่งเดิม ให้ปิดการแสดงคอนเสิร์ตทันที แล้วให้ผู้จัดอำนวยความสะดวกให้ผู้มาร่วมงานเดินทางกลับบ้านด้วยความเรียบร้อย แต่ทีมงาน “บิ๊กเมาน์เท่น 11” ก็ยังทำเป็นเอาหูทวนลม เหมือนไม่ได้ยินคำสั่งของผู้ว่าฯ ยังคงเดินหน้าจัดงานต่อไป โดยเอาเชือกมาขึงกั้นเป็นช่องๆ ให้แฟนเพลงนั่งหน้าเวที นัยว่า นี่ได้เพิ่มมาตรการป้องกันเชื้อโควิดแล้วนะ ขณะที่บนเวที ก็ยังทำการแสดงต่อไป ไมได้เอื้อนเอ่ยถึงคำสั่งของผู้ว่าฯ ให้ผู้ชุมได้รู้ตัวเลยสักนิด

ยิ่งไปกว่านั้น “เฮียบุ๊ง” ปกรณ์ พรชีวางกูร ท่อน้ำเลี้ยงตัวพ่อของ “ม็อบ 3 นิ้ว” ยังออกมาเชียร์ “ป๋าเต็ด” ให้อารยะขัดขืนไปเลย แถมโบ้ยไปว่า ที่ผู้ว่าฯ สั่งปิดคอนเสิร์ต ก็เพราะเด็กๆ และศิลปินแสดงออกทางการเมืองในงาน ว่าไปโน่น

เมื่อยังดื้อตาใสแบบนี้ ผู้ว่าฯ โคราช เลยต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด แทงหนังสือด่วนไปถึง ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครราชสีมา และ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปากช่อง ให้บังคับใช้กฎหมาย กับผู้จัดงาน “บิ๊กเมาน์เท่น 11” โดยเด็ดขาด ซึ่งการฝ่าฝืนคำสั่งผู้ว่าฯ ในกรณีนี้จะมีความผิดตามมาตรา 52 พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คราวนี้หละได้ผล เมื่อผู้จัดงานยอมยุติการจัดคอนเสิร์ตในเวลา 4 ทุ่ม ของวันที่ 13 ธ.ค. พร้อมขออภัยแฟนเพลงตามระเบียบ และประกาศว่า ใครมางานแล้วผิดหวังหรือไม่สบายใจ ก็ยินดีคืนเงินค่าบัตรให้ อันที่จริงเรื่องวุ่นๆ แบบนี้มันคงไม่เกิด ถ้า “ป๋าเต็ด” ตัดสินใจยกเลิกการจัดงานแต่แรก ไม่ใช่มาลองดีกับเชื้อโควิด-19 แบบนี้







** แนวรบแตก แนวร่วมร้าว!! “ทักษิณ” หัวร้อนใกล้แพ้คาบ้าน สนาม อบจ.เชียงใหม่ โพลล่าสุดห่างหลายช่วงตัว ยกธงขาว-ชูมือ “บุญเลิศ” เข้าป้าย สิ้นมนต์ขลัง “อ้ายษิณ สันกำแพง” ออกลูกพาลด่ากราดคนที่ตีจาก ประกาศกร้าวจะกลับมายิ่งใหญ่ แต่แนวร่วมยังฟัดกันเละ

ฝนตกทางนี้ หนาวถึงคนทางนู้น!!

เก็บอาการ “หัวร้อน” ไม่อยู่ รายของ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หนีคดี ที่ซุกหัวอยู่ที่มหานครดูไบ กับการเคลื่อนไหวผ่านสังคมออนไลน์อีกครั้ง เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา กับการทวีตข้อความ พรั่งพรูความหงุดหงิดงุ่นง่าน ออกมาเต็มเหนี่ยว ว่า "ช่วงนี้ได้ข่าวมีหลายคนที่เดินออกจากพรรคเพื่อไทย หลายคนออกมาโจมตีบ้านเดิมของตัวเอง ผมในฐานะคนที่รักพรรคนี้ ซึ่งเป็นพรรคที่ได้วางรากฐานมาตั้งแต่ครั้งเป็นไทยรักไทย มาจากอุดมการณ์อันแน่วแน่ที่ต้องการเห็นประเทศพัฒนาไปข้างหน้าภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่แข็งแรง เราจึงได้รวบรวมคนที่มีแนวคิด และอุดมการณ์เดียวกันกับเราจนมาเป็นพรรคการเมืองใหญ่ ที่ผ่านมา เพื่อรักษาอุดมการณ์นั้น ผมได้ต่อสู้ และสูญเสียอะไรไปมาก ทั้งการไม่ได้อยู่ในแผ่นดินเกิด ไม่ได้อยู่กับครอบครัว และคนที่ผมรัก ผมทำเต็มที่มาตลอดเพื่อเดินบนเส้นทางแห่งอุดมการณ์ที่ผมได้ให้สัญญาไว้กับพี่น้องประชาชน และคนที่ฝากความหวังไว้ ดังนั้น ผมไม่เสียใจที่วันนี้จะมีคนเดินจากไปเพื่อไปมีเส้นทางใหม่ เพราะผมคงไปบังคับหัวใจใครให้อยู่กับพรรคตลอดไปไม่ได้

ผมจึงขอขอบคุณคนที่ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย พรรคที่ผมเคยวางรากฐานไว้ ผมเชื่อว่า อุดมการณ์ที่มั่นคงของพรรค จะนำพาพรรคไปสู่ความสำเร็จได้อย่างที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในอดีต และจะยังสามารถเป็นที่พึ่ง ที่หวังให้ประชาชนได้อย่างที่เคยเป็นมา"

อ่านผิวเผินอาจเป็นการ “ห้ามเลือด” หลังมี “บิ๊กเนม” ผละจากค่ายเพื่อไทยเป็นระยะ โดยเฉพาะในรายของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ตัดขาดกันไปเมื่อปลายเดือนก่อน พร้อมกับคนสนิทอย่าง “โภคิน พลกุล-วัฒนา เมืองสุข-พงศพร อรรณพพร” แล้วยังมีชื่อ “พงศ์เทพ เทพกาญจนา” ที่เตรียมใส่คอนเวิร์สอีกราย หลังเสร็จศึกเลือกตั้งนายก อบจ. ที่ “พงศ์เทพ”ลุ้นหนักกับสนาม “มหาชัย” จ.สมุทรสาคร อยู่

แต่ถ้าอ่านลึกๆ แล้ว รู้กันว่าเป็นความอัดอั้นเกี่ยวกับสถานการณ์ไม่สู้ดีที่ “อบจ.เชียงใหม่” เมื่อคนที่พรรคเพื่อไทยส่ง ตกเป็นรอง “คู่แข่ง” สุดกู่ เพราะเมื่อหลายวันก่อน “อ้ายษิณ สันกำแพง” ก็เพิ่งโพสต์จดหมายเขียนด้วยลายมือ เป็นภาษาคำเมือง ที่ตั้งใจเขียนถึง “ชาวเชียงใหม่” ขอให้ลงคะแนนให้กับ “ส.ว.ก้อง” พิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัคร นายก อบจ.เชียงใหม่ ของพรรคเพื่อไทย รวมทั้งตำหนิคนที่ย้ายขั้วการเมือง

เป็นการออกโรงตอบโต้ “เสี่ยตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ที่โผล่ไปช่วย “นายกโต๊ะ” บุญเลิศ บุรณุปกรณ์ แห่งกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ที่จ่อจะเข้าวินคว้าเก้าอี้นายก อบจ.เชียงใหม่ อีกงวดนี้

รุ่นใหญ่อย่าง “ทักษิณ” ออกอาการ “เมาหมัด” ด้วยฐานที่มั่นบ้านเกิด ที่เป็น “แนวรบ” อันเข้มแข็ง มาตั้งแต่สมัย “ไทยรักไทยฟีเวอร์” ทำท่าจะถูก “ตีแตก” จาก “อดีตคนเคยรัก” อย่าง “นายกโต๊ะ”

ภายในพรรควิจารณ์แซดว่า โพลล่าสุด “ส.ว.ก้อง” พิชัย ตามหลังสุดกู่ อาจมีช่องว่างเป็น “แสนแต้ม” แม้จะส่ง “ทัพหลวง”ทีมหาเสียงไปประจำการ กระทั่งจดหมายน้อยจาก “อ้ายษิณ” ก็ยังไม่ทำให้สถานการณ์กระเตื้อง จน “บิ๊กเพื่อไทย” โดนสายด่วนต่างแดน โทร.ด่าเปิดเปิงเรียงตัว หลายคนตกใจเมื่อ “เจ้านาย” ออกลูกพาล โทษปี่ โทษกลอง

เข้าใจหัวอก “อ้ายษิณ” เหมือนกัน แค่แพ้คาบ้านแบบหมดรูปก็แย่แล้ว ยังมาเจอ “อดีตลิ่วล้อ” พูดจี้ใจไม่เว้นวัน ล่าสุดจวกตรงๆ ไปที่ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวสุดเลิฟ อีกต่างหาก !!

สารล่าสุดของ “ทักษิณ” จึงเต็มไปด้วยความสับสน ใจหนึ่งก็อยาก “ดิสเครดิต” ลดค่า “ตู่-จตุพร” อดีตหัวหมู่คู่กาย อีกใจก็หงุดหงิดกับแผลเหวอะที่พรรคเพื่อไทย จน “เลือดไหล” ไม่หยุด

และเมื่อถอดรหัส 4 ทวีต ของ “ทักษิณ” ก็พบว่ามี “นัยสำคัญ” ไม่น้อย โดยเฉพาะการสารภาพสิ้น “เพื่อไทย” ยังเป็นกิจการครัวเรือน “ชินวัตร” อันถือเป็นเรื่องไม่แปลก “ละไว้ในฐานที่เข้าใจ” อยู่แล้ว

แต่ กกต. จะละเว้นข้อหา “คนนอกครอบงำ” หรือเปล่า อันนี้ไม่ทราบได้ !!

น่าสนใจในย่อหน้าสุดท้ายที่ว่า“ผมเชื่อว่า อุดมการณ์ที่มั่นคงของพรรค จะนำพาพรรคไปสู่ความสำเร็จได้อย่างที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในอดีต และจะยังสามารถเป็นที่พึ่งที่หวังให้ประชาชนได้อย่างที่เคยเป็นมา”

ตีความไม่ผิดว่า “ทักษิณ” เลี่ยงที่พูดถึงวันนี้ พรุ่งนี้ หรือสัปดาห์ที่จะมีการกาบัตรลงคะแนนนายก อบจ.ไปซะแล้ว พร้อมก้าวข้าม มองยาวไปถึงอนาคตว่า “เพื่อไทย” จะกลับมาเป็นที่พึ่งให้ประชาชนได้

เท่ากับยกธงขาว ชูมือให้ “นายกโต๊ะ” เอาชนะคะแนนไปอย่างเจ็บปวด อารมณ์ประมาณว่า วันนี้ฝากไว้ก่อน วันหน้าเพื่อไทย จะกลับมาแน่

ต้องถามว่า หากมีโอกาส วันหน้าของ “ทักษิณ” จะยิ่งใหญ่ได้เหมือนเดิมหรือไม่ เพราะนับวันลิ่วล้อ น้อย-ใหญ่ เรียงแถวกันเดินจากไป ส่วนใหญ่ก็จากกันไม่ค่อยสวย

ไม่เท่านั้นคนที่อยู่-คนจากไป ก็มีเรื่องไฝว้ให้เสียแนวร่วมกันเอง อย่างคิว “จตุพร” ก็ทำเอา “คนเสื้อแดง” นปช.ซัดกันนัว อดีตแกนหลักอย่าง “สุดารัตน์” ที่ลอยตัวออกไปแล้ว แนวโน้มตั้งพรรคใหม่ยิ่งกว่าแช่แป้ง ก็มีคดีกินแหนงกับ “กลุ่มอำนาจปัจจุบัน” ที่เมาท์กระหึ่มว่า “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาล้วงลูกทุกเม็ด เช่นเดียวกับ “เสี่ยอ๋อย” จาตุรนต์ ฉายแสง ก็ไม่หวนคืนพรรค และกำลังตั้งไข่พรรคใหม่แล้ว

ที่ว่าไปล้วนแล้วแต่บั่นทอนแนวร่วม-ฐานเสียง “เพื่อไทย” ทั้งสิ้น แตกไลน์ออกมาแต่ก็ต้องกลับมา “ตกปลาบ่อเดียวกัน” ยังไม่รวม “งูเห่า” ที่แฝงตัวอยู่ในพรรค ที่ว่ากันว่าระดับ “ดงงูเห่า” หรือพรรคเพื่อนบ้าน “ค่ายสีส้ม” พรรคก้าวไกล ที่ไม่ต่างจาก “หอกข้างแคร่”

แนวร่วมแตกฉานซ่านเซ็นไปเรื่อยๆ สิ้นมนต์ขลัง เสื่อมหนักขนาดนี้ จะกลับมาได้หรือเปล่า ก็ต้องติดตามกันต่อไป .



กำลังโหลดความคิดเห็น