รวบตึงทุกเรื่องราว คัดข่าวเด็ด เบ็ดเสร็จในที่เดียว ... MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7
(สรุปข่าวประจำวันที่ 7 - 13 ธ.ค. 2563)
อันดับ 1 : ขึ้นต้นประชาธิปไตย ไหงเหลาลงไปกลายเป็นสาธารณรัฐ? "ประยุทธ์" ฮึ่ม เป็นไปไม่ได้
กลายเป็นที่ฮือฮาในแวดวงการเมือง เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “เยาวชนปลดแอก” นำโดย นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี ได้โพสต์ข้อความปลุกเร้าว่า “สาธารณรัฐคืออะไร?” อธิบายว่า รัฐที่มหาชนเป็นใหญ่ ผู้ปกครองต้องมาจากการเลือกตั้งอย่างเสรีและเป็นธรรม มิใช่ตกทอดทางสายเลือด ไม่มีเลือดสีอื่นใด มีเพียงสีแดง ก่อนที่จะเปิดตัวตราสัญลักษณ์ที่เรียกว่า RT หรือ Restart Thailand ที่คล้ายกับ “ค้อนและเคียว” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของลัทธิคอมมิวนิสต์ ทำเอาแม้แต่พวกเดียวกันอย่างนายอานนท์ นำภา ออกมาเตือนว่าควรใช้สัญลักษณ์ 3 นิ้ว ซึ่งมีความหมายเป็นกลางและยืดหยุ่น
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ปฏิเสธให้ความเห็น และกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ใช่สาธารณรัฐ และเป็นไปไม่ได้ พร้อมแนะให้ดูเจตนาและความเป็นไปได้ ซึ่งหากมีความผิดยุยงปลุกปั่นต้องถูกดำเนินคดี ถึงกระนั้น รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ประเทศไทยเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ จุดประสงค์ที่แท้จริงน่าจะต้องการดึงกลุ่มผู้ใช้แรงงานเข้ามาเป็นแนวร่วมมากกว่า และต้องการปลุกให้กลุ่มต่างๆ ในฝ่ายตัวเอง ที่อาจกำลังขัดแย้งกัน หันมารวมตัวผนึกกำลังกันเพื่อต่อสู้กับศัตรูร่วมคนเดียวกัน
อันดับ 2 : พบบุคลากรทางการแพทย์ 6 รายติดโควิด-19 - เที่ยว "เชียงราย-เชียงใหม่" ม่วนใจ๋ไม่ต้องกักตัว 14 วัน
สถานการณ์โควิด-19 ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ วันที่ 13 ธ.ค. ไทยมีผู้ป่วยสะสม 4,209 ราย หายป่วยสะสม 3,923 ราย กำลังรักษา 226 ราย น่าสนใจตรงที่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 6 คน ทำงานโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ ติดเชื้อจากการปฎิบัติหน้าที่และการใช้ชีวิตประจำวันนอกเวลางานกับเพื่อนร่วมงาน จึงได้แจ้งให้สถานกักกันโรคทุกประเภทให้ยกระดับมาตรการการปฏิบัติงานและปฏิบัติตัวป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด ขณะที่ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ระบุว่า เรื่องนี้ถือเป็นข้อผิดพลาดระดับบุคคลที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ สำหรับผู้ปฏิบัติงานทั่วไป
ส่วนการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมานั้น นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 49 คน ยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่ม ซึ่งจังหวัดเชียงรายประสานกับจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา นำคนไทยที่ตกค้างกลับเข้าประเทศผ่านช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กล่าวว่า ประชาชนสามารถท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ได้ ไม่ต้องกักตัว 14 วันหลังกลับมา เพราะสามารถควบคุมโรคได้ดี แต่ขอให้สวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด
อันดับ 3 : "บิ๊กเมาน์เท่น 11" คอนเสิร์ตการ์ดตก? ถูกสั่งปิดเหตุไร้มาตรการควบคุมโควิด-19 แออัดยัดเยียดนับหมื่น
เทศกาลดนตรีบิ๊กเมาน์เท่น มิวสิค เฟสติวัล ครั้งที่ 11 จัดโดยนายยุทธนา บุญอ้อม หรือป๋าเต็ด รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส หน่วยงานโชว์บิซ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-13 ธ.ค. 2563 ที่สนามกอล์ฟดิโอเชี่ยน เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ปรากฎว่าเกิดกระแสดรามาตั้งแต่เรื่องคืนบัตร เหตุมาจาก "แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์" ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ ที่ไปเคลื่อนไหวการเมืองร่วมกับกลุ่มคณะราษฎร 2563 อยากเล่นคอนเสิร์ต ซึ่งป๋าเต็ดตอบกลับว่า “อย่าเอ็ดไป” ปรากฎว่ามีคนไม่พอใจแห่คืนบัตร จนเอมมี่ต้องประกาศไม่ขึ้นเวที เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกศิลปิน
ต่อมาในการจัดคอนเสิร์ตวันแรก 12 ธ.ค.พบว่าไร้มาตรการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 มีผู้คนนับหมื่นคนเบียดเสียดกันจำนวนมาก คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา จึงมีคำสั่งปิดสถานที่จัดงาน แต่ผู้จัดยังฝ่าฝืนทำการแสดงต่อไป พร้อมยื่นหนังสืออุทธรณ์คำสั่งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ปรากฎว่าทางการได้ยกอุทธรณ์ และส่งหนังสือถึง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา และ ผกก.สภ.ปากช่อง บังคับใช้กฎหมายดำเนินคดี ที่สุดแล้วผู้จัดจึงประกาศยุติทุกอย่างในเวลา 22.00 น. จากเดิมการแสดงดนตรีจะมีไปจนถึงก่อนเช้ามืดของวันที่ 14 ธ.ค. พร้อมกับเปิดให้แจ้งความประสงค์ขอคืนเงินได้ถึง 28 ธ.ค.นี้
อันดับ 4 : "สกุลธร" มามุกถูกหลอก ไม่ได้ทุจริตสินบนฉาว 20 ล้าน สนง.ทรัพย์สินฯ อัยการโบ้ยตำรวจไม่แจ้งข้อหา
การตีแผ่นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริษัท เรียล แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด น้องชายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า ให้สินบนเจ้าหน้าที่สำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ชื่อเดิม) และนายหน้า 20 ล้านบาท ซึ่งถูกจำคุกคนละ 2 ปี แต่ไม่มีการดำเนินคดีกับนายสกุลธรนั้น พบว่าเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจงว่า เดิมอัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหา 2 คน โดยกันนายสกุลธรไว้เป็นพยาน แต่เมื่อปรากฏว่านายสกุลธรอาจไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย พนักงานสอบสวน (ตำรวจ) ได้ตั้งสำนวนอีก 1 คดี และกำลังดำเนินการอยู่ อัยการไม่สามารถก้าวก่ายได้
ขณะที่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนทยอยเรียกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีทั้งหมดก่อน เช่น เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ และส่วนอื่นๆ เพื่อให้สำนวนแน่นหนาขึ้น พร้อมตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาทั้งสองคนอย่างละเอียด แต่ยังไม่ถึงขั้นตอนเรียกตัวนายสกุลธร อีกด้านหนึ่งมีรายงานว่า กองปราบฯ เตรียมออกหมายเรียกสองผู้ต้องหาที่พ้นโทษไปแล้วเมื่อเดือน ธ.ค. มาสอบปากคำ ขณะที่เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า นายสกุลธรเตรียมเปิดแถลงข่าวในช่วงต้นสัปดาห์หน้า ยืนยันว่าตัวเองเป็นเหยื่อเพราะถูกหลอก ไม่ได้ร่วมทุจริตใดๆ
อันดับ 5 : แบงก์ชาติออกธนบัตรใหม่ 100 บาทสีเหลืองทองทำชาวบ้านงง ไม่วายกลุ่มสามนิ้วเหน็บ 1,000 ใหญ่ไป
เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกใช้ธนบัตรที่ระลึกเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ชนิดราคา 100 บาท และธนบัตรที่ระลึก ชนิดราคา 1,000 บาท พร้อมกันทั่วประเทศ โดยพบว่ามีประชาชนที่กดเงินสดผ่านเครื่องเอทีเอ็ม จะได้รับธนบัตรที่ระลึกใบละ 100 บาท สีเหลืองทอง สร้างความแปลกใจให้แก่ผู้พบเห็น อย่างไรก็ตาม ยังมีความเห็นในโลกโซเชียลฯ ส่วนหนึ่งมองว่า ธนบัตรที่ระลึกชนิดราคา 100 บาท รุ่นล่าสุด มีสีเหลืองทอง คล้ายกับธนบัตรชนิดราคา 1,000 บาท แบบ 17 ที่ใช้โทนสีน้ำตาล จึงเป็นที่กังวลว่า อาจสร้างความสับสนในการใช้งานได้
อีกด้านหนึ่ง กลุ่มที่มีแนวความคิดสนับสนุนม็อบคณะราษฎร 2563 โพสต์ในทวิตเตอร์ ตำหนิถึงการออกธนบัตรชนิด 1,000 บาท ซึ่งเปิดให้แลกผ่านสาขาของธนาคารว่า มีขนาดใหญ่เกินไป ใส่กระเป๋าสตางค์ไม่ได้ แล้วจะให้พกอย่างไร ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เพราะธนบัตรชนิดดังกล่าวจุดประสงค์หลักคือเก็บไว้เป็นที่ระลึก ไม่ใช่นำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ "โบราณนานมา" ระบุว่า ธนบัตรที่ระลึกมีมานานแล้ว ออกเนื่องในวาระสำคัญต่างๆ ไม่ใช่เพิ่งมีในรัชกาลปัจจุบันอย่างที่หลายคนเข้าใจคลาดเคลื่อน พิมพ์ออกมาเพียงครั้งเดียวไม่มีการพิมพ์ทดแทนเหมือนธนบัตรหมุนเวียน
อันดับ 6 : รอยร้าวเพื่อไทย! "หญิงหน่อย" ลาออก "ทักษิณ" ครวญมีคนเดินจากไป แถมเผาบ้านเดิมตัวเอง
ประเด็นร้อนทางการเมืองในสัปดาห์นี้ กรณีการยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรค เมื่อวันที่ 30 พ.ย. พร้อมด้วยแกนนำพรรคคนอื่นๆ อาทิ นายโภคิน พลกุล, นายวัฒนา เมืองสุข, นายพงศกร อรรณนพพร, นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม อดีตนักร้องชื่อดัง โดยมีรายงานว่าสาเหตุเกิดจากการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ทีมงานสายตรงของคุณหญิงสุดารัตน์ถูกโละทิ้ง ขณะที่นายวัฒนา ให้สัมภาษณ์กับสื่อในเครือมติชนว่า เป็นเพราะขัดแย้งเรื่องความคิดเชิงหลักการที่ไปด้วยกันไม่ได้ หลังจากนี้คงไปตั้งพรรคการเมืองของตนเอง
อีกด้านหนึ่ง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาหลบหนีคดีอาญาแผ่นดิน ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ว่า ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าไม่เสียใจที่วันนี้มีคนเดินจากไป หลายคนออกมาโจมตีบ้านเดิมของตัวเอง ในฐานะคนที่รักพรรคนี้ที่ได้วางรากฐานมาตั้งแต่ครั้งเป็นไทยรักไทย ได้ต่อสู้ และสูญเสียอะไรไปมาก ทั้งการไม่ได้อยู่ในแผ่นดินเกิด ไม่ได้อยู่กับครอบครัว และคนที่รัก ทำเต็มที่มาตลอด เพื่อเดินบนเส้นทางแห่งอุดมการณ์ ดังนั้นจึงไม่เสียใจที่วันนี้จะมีคนเดินจากไป เพื่อไปมีเส้นทางใหม่ เพราะคงไปบังคับหัวใจใครให้อยู่กับพรรคตลอดไปไม่ได้
อันดับ 7 : ฮือฮา "ตัวเหรา" วัดกลาง อุบลราชธานีแปลกตา เจ้าอาวาสประกาศใครจะจัดสร้างต้องขออนุญาตก่อน
ในโซเชียลมีเดียฮือฮากรณีที่เฟซบุ๊กเพจ “สิม” เผยภาพรูปปั้นพญานาค และสัตว์ต่างๆ ตามวัดในภาคอีสาน ที่รูปร่างแปลก ลักษณะคล้ายตัวการ์ตูน ซึ่งเกิดจากช่างปั้นแต่ละท้องถิ่นได้จินตนาการรูปปั้นต่างๆ ขึ้นมาตามคำบอกเล่า อาศัยประสบการณ์ของแต่ละคน ความเชื่อ และความศรัทธา หนึ่งในนั้นคือ "ตัวเหรา" (อ่านว่า เห-รา) สัตว์ในหิมพานต์ ที่บันไดประตูอุโบสถวัดกลาง (ชัยภูมิการาม) อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งช่างฝีมือในสมัยก่อนสร้างขึ้นแบบเรียบง่าย ตัดทอนในสิ่งที่ไม่จำเป็น ไม่มีเกล็ดหรือเปลวกนกอย่างช่างภาคกลาง แต่เป็นช่างพื้นถิ่นที่สร้างด้วยความจริงใจและศรัทธาในพระพุทธศาสนา
หลังภาพตัวเหราเป็นที่ฮือฮาในโซเชียลฯ พบว่าพระมหาพรชัย ฉนฺทธมฺโม เจ้าอาวาสวัดกลาง ออกประกาศระบุว่า ทางวัดถือว่าเหราวัดกลางเป็นสมบัติของวัดและชุมชน จึงมีสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของ ผู้ใด องค์กร สมาคม หรืออื่นๆ ที่ต้องการนำรูปแบบเหราวัดกลางไปจัดสร้าง ขอให้ทำหนังสือเพื่อขออนุญาตจากทางวัด โดยจะพิจารณาตามความเหมาะสม เพื่อร่วมกันเผยแผ่เหราวัดกลาง โดยไม่คิดค่าลิขสิทธิ์แต่อย่างใด แต่วัดไม่ยินยอมอนุญาตให้ผู้ใดหรือองค์กรใด นำเหราวัดกลาง ทั้งหมดไปจดสิทธิบัตรลิขสิทธิ์โดยประการทั้งปวง โดยทางวัดถือว่าเหราวัดกลางเป็นสมบัติส่วนรวมของวัดและชุมชนที่บรรพชนมอบไว้ให้