“ชูวิทย์” แจง “ค่านายหน้า” พ่อค้าที่สุจริตถือเป็นต้นทุน ต้องบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในบัญชีบริษัทและหักภาษี ณ ที่จ่าย ส่งกรมสรรพากร ย้อนถามน้องชายธนาธร จ่าย 20 ล้าน ได้หักภาษี ณ ที่จ่ายในเดือนนั้นไว้หรือไม่ หากไม่ได้หักไว้ก็เสียวไส้ว่าจะเป็นสินบน
ภายหลังจาก นายสกลุธร จึงรุ่งเรืองกิจ น้องชายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ออกเอกสารชี้แจงกรณีการจ่ายเงิน 20 ล้านบาท ให้อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยอ้างว่าเป็นค่านายหน้าดำเนินการเพื่อให้ได้สิทธิพัฒนาที่ดินย่านชิดลมนั้น วันนี้ (19 ธ.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวว่า ความแตกต่างระหว่าง “ค่านายหน้า” กับ “ค่าสินบน” หลักการง่ายๆ ในเรื่อง “ค่านายหน้า” สำหรับพ่อค้าที่สุจริตใจทั่วไป คือ ถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่ง ต้องบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในทางบัญชีของบริษัท และต้องมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ไม่ว่าจะเรียกค่านายหน้า หรือค่าดำเนินการ ก็ต้องหักภาษี เพราะในทางบัญชีต้องบันทึกไว้เป็น “ต้นทุน” ของบริษัท
ยกเว้นจ่ายเป็น ค่า “ใต้โต๊ะ”
ค่า “น้ำร้อนน้ำชา”
ค่า “ส่วย”
ค่า “เบี้ยบ้ายรายทาง”
ค่า “อำนวยความสะดวก”
แล้วแต่จะเรียก
หรือจะเรียกอย่างเป็นทางการว่า ค่า “เงินสินบน”
“แบบนี้ไม่มีพ่อค้า หรือนักบัญชีหน้าไหนกล้าบันทึกไว้เป็นค่าใช้จ่ายบริษัทครับ ยิ่งเป็นบริษัทต่างประเทศยิ่งกลัวมากเรื่องพวกนี้ แต่ที่ไทยเราชิลล์ๆ เพราะหากไม่จ่าย เรื่องไม่เดิน จึงบันทึกเป็นอย่างอื่น เช่น ค่ารับรอง หรือเอาเงินส่วนตัวจ่ายไปแทน
“ดังนั้น จึงต้องดูว่า การที่คุณสกุลธร อ้างว่า ที่จ่ายไป 20 ล้าน เป็นค่าดำเนินการเพื่อจะได้มาซึ่งสิทธิในการเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินฯ แปลงงามติดถนนชิดลมนั้น ในขณะที่จ่ายเงินก้อนนี้ออกไปได้หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้หรือไม่? และมีการนำเงินที่หักส่งกรมสรรพากรในเดือนนั้นๆ หรือไม่?
“แถมจะจ่ายย้อนหลังก็ไม่ได้ เพราะหากไม่ได้หักภาษี ณ ที่จ่าย และนำเงินที่หักส่งกรมสรรพากรไว้เสียตั้งแต่ตอนนั้น ก็มีแนวโน้มเสียวไส้แทนว่าจะเรียกเป็น “เงินสินบน”
“แต่ก่อนผมทำธุรกิจสีเทา ถนัดนักล่ะครับเรื่องพรรค์นี้ ส่วนคนที่ครอบครัวเข้าสู่วงจรการเมืองต้องระวังตัว พลาดแล้วคดีตามมาเป็นลูกระนาด” นายชูวิทย์ ระบุ