อดีต ส.ส.ปชป.สวน “น้องชายธนาธร” กรณีจ่ายใต้โต๊ะ 20 ล้าน ฮุบที่ดิน สนง.ทรัพย์สินฯ พร้อมตั้ง 6 คำถาม 1 ข้อเสนอจี้ใจดำ หากมั่นใจว่าบริสุทธิ์ต้องกล้าสบตาสื่อมวลชนตั้งโต๊ะแถลง
วันนี้ (16 ธ.ค.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ผู้ยื่นเรื่องขอทราบข้อเท็จจริงกรณีนี้จากสำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริษัท เรียล แอสเสท ดิเวลอปเม้นท์ จำกัด น้องชายของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้ออก PRESS RELEASE ชี้แจงหลังถูกสังคมตั้งคำถามอย่างกว้างขวางเรื่องการจ่ายเงินใต้โต๊ะจำนวน 20 ล้านบาท เพื่อให้ได้สิทธิการเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ชื่อเดิม) โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการประมูลตามขั้นตอนปกติว่า ได้อ่านคำชี้แจงของนายสกุลธรแล้วสรุปว่านายสกุลธรยืนยันว่าเป็นผู้เสียหายและผู้บริสุทธิ์ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหาทั่วไป การที่นายสกุลธรอ้างว่าไม่เคยรู้จักนายประสิทธิ์ อภัยพลชาญ เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ แต่รู้จักเพียงนายหน้า คือ นายสุรกิจ ตั้งวิทูวนิช ให้ทำหน้าที่นายหน้าตามกฎหมาย และอ้างว่ามีการทำเอกสารปลอมมาหลอกลวงนายสกุลธร แต่กลับมีการจ่ายเงินไปแล้ว 3 งวด รวม 20 ล้านบาทเพื่อให้ได้สิทธิดังกล่าว ถึงขั้นทำแผนพัฒนาเป็นโครงการ Mix-Use พื้นที่ 160,000 ตารางเมตร สร้างโรงแรม ศูนย์การค้า สำนักงาน คอนโดมิเนียม มีที่ปรึกษาโครงการมากมายนั้น สรุปง่ายๆ ว่านายสกุลธรถูกหลอกเป็นผู้เสียหายและผู้บริสุทธิ์ ก็อยากถามผู้บริสุทธิ์ว่า
(1. เหตุใดจึงตกลงจ่ายค่าตอบแทนเป็นจำนวนเงินสูงถึง 500 ล้านบาท ตามที่ปรากฏในคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง หน้า 9 บรรทัดที่ 10 (2. การเสนอเงิน 500 ล้านให้แก่นายหน้าเพื่อให้ได้สิทธิในการเช่าโดยไม่ต้องประมูลแข่งขัน แบบนี้เขาเรียกว่าเงินติดสินบนใช่หรือไม่ หรือเรียกว่าเงินค่านายหน้า
(3. นายสกุลธรกล่าวว่าทุกครั้งมีการชำระเงินเป็นเช็ค แสดงว่าการจ่ายเงิน 20 ล้านบาท ครั้งแรก 5 ล้านบาท ครั้งที่สอง 5 ล้านบาท ครั้งที่สาม 10 ล้านบาท เป็นเช็คทั้งสิ้น นายสกุลธรสั่งจ่ายในฐานะเป็นประธานบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และเป็นผู้มีอำนาจลงนามผูกพันแทนบริษัท แสดงว่าผู้ถือหุ้นในขณะนั้นคือนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถือหุ้นย่อมทราบถึงการกระทำนี้ด้วยใช่หรือไม่
(4. เมื่อนายสกุลธรคิดว่าตนเองเป็นผู้เสียหายแล้ว ได้แจ้งความดำเนินคดีอาญาต่อบุคคลทั้งสองตามวิสัยของวิญญูชนหรือไม่ (5. ในเอกสารคำแถลงข่าวของนายสกุลธรไม่ได้ระบุตำแหน่งและชื่อบริษัทของนายสกุลธรเลย เป็นเพราะเหตุใด? หรือว่าเพราะอับอาย (6. หากนายสกุลธรอ้างว่าเงิน 20 ล้าน เป็นจ่ายเงินค่านายหน้า ตามกฎหมายปกติ แล้วที่ตกลงกันทั้งหมด 500 ล้านแล้วได้สิทธิเข้าไปทำโครงการ Mix-Use ขนาด 160,000 ตารางเมตร โดยไม่ต้องประมูลใดๆ กับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อีก เงิน 500 ล้านที่นายสกุลธรตกลงให้นายสุรกิจ หากไม่เรียกว่าเงินสินบนจะให้เรียกว่าค่าอะไร หรือเป็นค่าอนาคตใหม่ หรือค่าก้าวหน้าอย่างนั้นหรือ ดังนั้น หากนายสกุลธรมั่นใจว่าเป็นผู้เสียหาย หรือผู้บริสุทธิ์ ควรแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ไม่ใช่ให้ใครมาเขียนบทให้แบบนี้ ควรกล้าสบตาและตอบคำถามสื่อมวลชนแบบตรงไปตรงมา ไม่ใช่ส่งกระดาษเปื้อนหมึกมาชี้แจงเท่านั้น
นอกจาก 6 คำถามที่มีถึงนายสกุลธรข้างต้นแล้ว นายวัชระยังได้เสนออีก 1 ข้อว่า เพื่อเป็นการยืนยันความมั่นใจของนายสกุลธรที่ออกเอกสารมาชี้แจงเผยแพร่ในวันนี้ว่าเป็นเอกสารจริง ควรลงชื่อกำกับแล้วประทับตราบริษัทนำส่งให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนของตำรวจต่อไป เพราะอาจมีการอ้างว่าเป็นเอกสารปลอมในอนาคตได้