ผู้จัดการรายวัน360- "สว.สมชาย" จี้อัยการ-ตำรวจ สอบปม "น้องธนาธร" ติดสินบนเจ้าหน้าที่สนง.ทรัพย์สินฯ หวังฮุบที่ดิน ชี้คำพิพากษาชัดเจน คนรับติดคุกแล้ว ด้าน "สิระ"เตรียมเรียกอัยการชี้แจง ที่สั่งไม่ฟ้อง ด้าน ผบก.ป.เผย กองปราบตามติดคดีน้องชาย "ธนาธร" จ่ายสินบนมาตลอด รอรวบรวมพยานหลักฐานและเส้นทางการเงินให้รอบคอบมากที่สุด ขณะนี้ยังไม่แจ้งข้อหาแต่อย่างใด
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.ในฐานะประธานกมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวถึง กรณีอัยการสูงสุด ไม่สั่งฟ้อง นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ น้องชายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กรณีเกี่ยวข้องกับการจ่ายสินบน มูลค่า 20 ล้านบาท ให้กับคนในของสํานักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เพื่อแลกสัมปทานที่ดินทำเลทอง 12 ไร่ ย่านชิดลม ว่า ตามคำพิพากษาในคดีนี้ เมื่อปี 62 ระบุชัดว่า มีการจ่ายสินบนจำนวน 3 ครั้ง ให้กับเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 2 คนในขณะนั้น แต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ที่มีหน้าที่จัดประมูลที่ดิน ซึ่งเป็นที่ดินขององค์การโทรศัพท์เดิม อยู่ในย่านชิดลม เป็นที่ดินแปลงใหญ่ จากสี่แยกราชประสงค์จนถึงห้างชิดลม ขนาด 12 ไร่เศษ โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไปตกลงกับบริษัทที่นายสกุลธร เป็นเจ้าของ โดยมีการตกลงให้สินบนมูลค่า 500 ล้านบาท แต่มีการจ่ายแล้วเบื้องต้น 20 ล้านบาท เพื่อไม่ต้องผ่านการประมูล ทำให้สำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เสียประโยชน์ เพราะเป็นที่ดินขนาดใหญ่ มีมูลค่านับหมื่นล้านบาท
โดยศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 2 คน โดยให้จำคุกคนละ 6 ปี และจำเลยรับสารภาพแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการในทางกฎหมายกับนายสกุลธร แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับฟ้องเจ้าหน้าที่เพียงแค่ 2 คน ส่วนตัวจึงเห็นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจควรมีการรื้อคดีขึ้นมาใหม่ เพราะมีหลักฐานชัดเจน ทั้งเช็ค 3 งวด ที่มีการจ่ายสินบน เอกสารปลอม และการเข้าร่วมประชุมกันที่สำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ทางกมธ.ฯ ได้มีการหารือเรื่องที่เกิดขึ้นกับทางอัยการแล้ว เบื้องต้นได้ให้อัยการทำหนังสือชี้แจงการพิจารณาคดีดังกล่าวด้วยว่า เหตุใดไม่สั่งฟ้องน้องชายนายธนาธร
นายสิระ เจนจาคะ ประธานกรรมาธิการกฎหมาย และการยุติธรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า คดีนี้ ความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว เพราะน้องชายของนายธนาธร ไปจ่ายเงินใต้โต๊ะ เพื่ออยากได้ที่ดินโดยไม่ผ่านกระบวนการประมูล ซึ่งหากผู้รับสินบนมีอำนาจหน้าที่ ก็ถือว่าติดสินบนข้าราชการ หรือถ้าไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ ก็เข้าข่ายคดีฉ้อโกง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล
โดยในวันนี้ ( 9 ธ.ค. ) กรรมาธิการกฎหมายฯ จะมีการหารือถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะคดีนี้มีความผิดเกิดขึ้นแล้ว แต่เหตุใดอัยการไม่สั่งฟ้อง เพราะคนที่ติดสินบนเป็นคนรวยใช่หรือไม่
ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. กล่าวถึงคดีของนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่า ที่เราได้ส่งสำนวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาสองคน ที่เป็นตัวกลางเรียกรับสินบนไปก่อน เพื่อจะได้นำข้อเท็จจริง ที่รับฟังเป็นที่ยุติในชั้นการพิจารณาของศาลมาเป็นพยานหลักฐานอีกส่วนหนึ่ง โดยที่ผ่านมากองปราบก็ทำการสืบสวนสอบสวนคดีให้สินบนมาโดยตลอด ไม่ได้หยุดสอบสวนเพราะต้องการให้คดีมีความละเอียดรอบคอบมากที่สุด
"สิ่งที่สำคัญ คือ ต้องใช้เวลาตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้กระทำผิด และคนใกล้ชิดว่า จะเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่บ้างหรือไม่ ตอนนี้ก็มีความคืบหน้าไปมากแล้ว และยังไม่มีการเรียกตัวผู้ใดมาสอบสวนหรือแจ้งข้อหา"
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.ในฐานะประธานกมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวถึง กรณีอัยการสูงสุด ไม่สั่งฟ้อง นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ น้องชายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กรณีเกี่ยวข้องกับการจ่ายสินบน มูลค่า 20 ล้านบาท ให้กับคนในของสํานักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เพื่อแลกสัมปทานที่ดินทำเลทอง 12 ไร่ ย่านชิดลม ว่า ตามคำพิพากษาในคดีนี้ เมื่อปี 62 ระบุชัดว่า มีการจ่ายสินบนจำนวน 3 ครั้ง ให้กับเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 2 คนในขณะนั้น แต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ที่มีหน้าที่จัดประมูลที่ดิน ซึ่งเป็นที่ดินขององค์การโทรศัพท์เดิม อยู่ในย่านชิดลม เป็นที่ดินแปลงใหญ่ จากสี่แยกราชประสงค์จนถึงห้างชิดลม ขนาด 12 ไร่เศษ โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไปตกลงกับบริษัทที่นายสกุลธร เป็นเจ้าของ โดยมีการตกลงให้สินบนมูลค่า 500 ล้านบาท แต่มีการจ่ายแล้วเบื้องต้น 20 ล้านบาท เพื่อไม่ต้องผ่านการประมูล ทำให้สำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เสียประโยชน์ เพราะเป็นที่ดินขนาดใหญ่ มีมูลค่านับหมื่นล้านบาท
โดยศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 2 คน โดยให้จำคุกคนละ 6 ปี และจำเลยรับสารภาพแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการในทางกฎหมายกับนายสกุลธร แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับฟ้องเจ้าหน้าที่เพียงแค่ 2 คน ส่วนตัวจึงเห็นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจควรมีการรื้อคดีขึ้นมาใหม่ เพราะมีหลักฐานชัดเจน ทั้งเช็ค 3 งวด ที่มีการจ่ายสินบน เอกสารปลอม และการเข้าร่วมประชุมกันที่สำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ทางกมธ.ฯ ได้มีการหารือเรื่องที่เกิดขึ้นกับทางอัยการแล้ว เบื้องต้นได้ให้อัยการทำหนังสือชี้แจงการพิจารณาคดีดังกล่าวด้วยว่า เหตุใดไม่สั่งฟ้องน้องชายนายธนาธร
นายสิระ เจนจาคะ ประธานกรรมาธิการกฎหมาย และการยุติธรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า คดีนี้ ความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว เพราะน้องชายของนายธนาธร ไปจ่ายเงินใต้โต๊ะ เพื่ออยากได้ที่ดินโดยไม่ผ่านกระบวนการประมูล ซึ่งหากผู้รับสินบนมีอำนาจหน้าที่ ก็ถือว่าติดสินบนข้าราชการ หรือถ้าไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ ก็เข้าข่ายคดีฉ้อโกง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล
โดยในวันนี้ ( 9 ธ.ค. ) กรรมาธิการกฎหมายฯ จะมีการหารือถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะคดีนี้มีความผิดเกิดขึ้นแล้ว แต่เหตุใดอัยการไม่สั่งฟ้อง เพราะคนที่ติดสินบนเป็นคนรวยใช่หรือไม่
ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. กล่าวถึงคดีของนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่า ที่เราได้ส่งสำนวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาสองคน ที่เป็นตัวกลางเรียกรับสินบนไปก่อน เพื่อจะได้นำข้อเท็จจริง ที่รับฟังเป็นที่ยุติในชั้นการพิจารณาของศาลมาเป็นพยานหลักฐานอีกส่วนหนึ่ง โดยที่ผ่านมากองปราบก็ทำการสืบสวนสอบสวนคดีให้สินบนมาโดยตลอด ไม่ได้หยุดสอบสวนเพราะต้องการให้คดีมีความละเอียดรอบคอบมากที่สุด
"สิ่งที่สำคัญ คือ ต้องใช้เวลาตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้กระทำผิด และคนใกล้ชิดว่า จะเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่บ้างหรือไม่ ตอนนี้ก็มีความคืบหน้าไปมากแล้ว และยังไม่มีการเรียกตัวผู้ใดมาสอบสวนหรือแจ้งข้อหา"