สัญลักษณ์ RT “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ระวังมาจาก Republic of Thailand “ตั้ม-พิชิต” จวกใช้ประเทศทดลองเล่นปาหี่ “นิพิฏฐ์” ถามลี้ภัยมีใครไปอยู่กับ “คอมมิวนิสต์” บ้าง “บิ๊กกวิ้น” คุยโวถึงปีหน้า “สมศักดิ์ เจียม” พูดชัดเรื่องสถาบันสำคัญกว่า
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (9 ธ.ค. 63) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความคิดเห็นกรณีเพจเฟซบุ๊กเยาวชนปลดแอก โพสต์ภาพโลโก้ พร้อมข้อความประกาศเปิดตัว RT MOVEMENT ระบุว่า
“RT คืออะไร
วันดีคืนดี คนในขบวนม็อบไม่รักดี ที่เรียกตัวเองว่า Free Youth ก็เริ่มเปลือยตัวตนออกมา เปลี่ยนจากการต่อสู้ของขบวนการนักศึกษา มาเป็นขบวนการผู้ใช้แรงงานที่ถูกกดขี่
แต่พอเห็นอักษรย่อ RT แถมบอกว่า จะ Restart Thailand มันแปลว่า อะไร จะให้ประเทศไทยไปเริ่มอะไรที่จุดไหน ประเทศเดินมาไกล และไกลมากแล้วด้วย จะให้ถอยหลังไปไหนอีก การต่อสู้ของชนชั้น โดยเฉพาะชนชั้นแรงงาน มันจบลงไปพร้อมการปฏิวัติของบอลเชวิค เมื่อตุลาคม 1917 และการปฏิวัติของชาวนาและแรงงานโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อตุลาคม 1949
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ก็ยุบตัวเองไปแล้ว ไม่มีพรรคองค์กรนำของผู้แรงงาน หรือจะชวนแรงงานออกมาร่วมต่อสู้โค่นล้ม ใครจะนำใคร ผู้ใช้แรงงานนำหรือนักศึกษานำ
ที่สำคัญ โลโก้ RT มันชั่งเหมือนกับโลโก้ของสถานีโทรทัศน์ Russia Today RT ยังไงอย่างนั้นจริงๆ อย่าบอกนะว่า RT ของขบวนการม็อบไทยจะหันไปทางรัสเซีย ก็ไหนว่าจะเป็นเสรีประชาธิปไตย ไหงกลับจะมาเป็นประชาธิปไตยแบบสังคมนิยม ที่รวมศูนย์สั่งการโดยพรรคคอมมิวนิสต์ มันโอละพ่อ จะยังไงดี
อย่าบอกนะว่า RT ย่อมาจาก Republic of Thailand ติดคุกแน่นอน นี่มันผิดทั้งรัฐธรรมนูญ ผิดทั้งกฎหมายแผ่นดิน ถึงขั้นกบฏมั้ย
ศาลต้องตัดสิน จบไม่สวย”
ขณะเดียวกัน นายพิชิต ไชยมงคล อดีตโฆษกกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และอดีตเพื่อน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า
“เสื้อใหม่คนใส่คนเดิม
เห็นผู้ชุมนุมอุปโลกน์องค์กรใหม่ สร้างแบนเนอร์ใหม่ ผมก็คิดตลกนะ
มันเหมือนเล่นปาหี่การเมือง โดยใช้ประเทศเป็นตัวทดลองทำกิจกรรม คุณจะเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนอะไรก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญที่ต้องเปลี่ยนมี 2 สิ่ง
1. เนื้อหา เนื้อหาที่ผู้ชุมนุมนำเสนอไม่มีอะไรชัดทางข้อมูลวิชาการ เป็นข้อมูลที่พวกคิดไปเอง คิดว่าแม่น พูดง่ายๆ เนื้อหากลวง
2.ท่าที ท่าทีกักขฬะ หยาบช้า คือ จุดอ่อนทำลายเนื้อหา ขาดความเป็นมนุษย์ ยืนบนอีโก้จนลอยจากความเป็นคน
สรุปคือ “เนื้อหาต้องทำการบ้าน สันดานต้องแก้ไข”
ถ้าทำแค่นี้ไม่ได้ ก็หยุดเถอะ เอาความเดือดร้อนของคน 5 แยกเป็นตัวประกันเปล่าๆ”
ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ
“หรือ “เยาวชนปลดแอก” กำลังสำลักประชาธิปไตย?”
เนื้อหาระบุว่า “ผมไม่รู้ว่า กลุ่ม “เยวชนปลดแอก-Free YOUTH” จะเข้าใจลัทธิคอมมิวนิสต์แค่ไหน เห็นเขียนข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า “แรงงานสร้างชาติ มิใช่มหาราชองค์ใด” รูปในเฟซบุ๊ก สัญลักษณ์ ก็คล้ายๆ รูปค้อน กับ เคียว บ้านเมืองเราเวลานี้ คล้ายๆ กับคน (ส่วนหนึ่ง) เกิดนิยมชมชอบลัทธิคอมมิวนิสต์ขึ้นมาอย่างงั้นแหละ คนอีกส่วนหนึ่งก็คล้ายๆ จะรังเกียจอเมริกา และยุโรป ที่ปกครองด้วยประชาธิปไตย หาว่า แทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย อะไรทำนองนั้น
ความจริง ลัทธิการปกครองในโลกมี 3 ลัทธิใหญ่ๆ เท่านั้น คือ ประชาธิปไตย, คอมมิวนิสต์ และ เผด็จการ มีเท่านี้แหละ เราจะเอาแบบไหนก็เลือกเอาเอง เพียงแต่ต้องรู้เช่นเห็นชาติในแต่ละลัทธิการปกครองว่า “แก่น” ของมันคืออะไร
ผมเคยเขียนมาหลายครั้งว่า สหภาพโซเวียตล่มสลายเป็นเพราะกอร์บาชอฟ ผู้นำโซเวียตขณะนั้น กำลังปรับเปลี่ยนประเทศเข้าสู่ประชาธิปไตย แต่ประชาชนของเขาไม่เคยรู้จักประชาธิปไตย พอลิ้มรสประชาธิปไตย ก็ปรับตัวไม่ทัน ทะเลาะกันวุ่นวาย วันที่สหภาพโซเวียต ล่มสลาย กอร์บาชอฟ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คนสุดท้าย กล่าวอำลาตำแหน่งว่า “คนของเราเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ในสิ่งที่เรารู้อย่างผิวเผิน มารู้ตัวอีกทีสหภาพโซเวียตก็ล่มสลายแล้ว”
หันมาดูเมืองไทยวันนี้ เราเถียงกันเรื่องอะไร หากกลุ่ม “เยาวชนปลดแอก” เห็นว่า บ้านเมืองเราไม่เป็นประชาธิปไตย แต่เขากลับนิยมชมชอบคอมมิวนิสต์ แต่ดูเวลาลี้ภัยสิครับ ผมยังไม่เห็นนักเคลื่อนไหวยุคนี้สักคนลี้ภัยไปอยู่ประเทศจีน เห็นลี้ภัยไปอยู่ยุโรป กับ อเมริกา ทั้งนั้น คนของเรากำลังสับสนอะไรกันอยู่หรือเปล่า หรือ “เยาวชนปลดแอก” กำลังสำลักประชาธิปไตย???
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 63 ของ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาคดี 112 ลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศส โพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า
“ผมไม่แน่ใจว่า วันก่อนที่มีคนโพสต์เรื่องสาธารณรัฐ แล้วก็คนโพสต์สัญลักษณ์รูปค้อนเคียว มีความหมายอะไร สมัยนี้ผมว่า คำขวัญหรือมีมเป็นสิ่งที่มีผลน้อย ประเด็นอยู่ที่ว่า สิ่งที่เสนอนั้น มีเนื้อหาที่มากไปกว่านั้นหรือไม่
เนื้อหาในข้อเรียกร้องทั้งสิบข้อของ “คณะราษฎร 2563” เป็นสิ่งที่มีสาระ สามารถปฏิบัติได้ และยืนอยู่ในฐานะคำท้าทายให้ประชาชนผู้สนใจบ้านเมืองทุกคนคิดและตัดสินใจ”
อย่างไรก็ตาม สำหรับความเคลื่อนไหวของม็อบราษฎร 2563 วันนี้ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) หลัง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน และนางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ความผิดตามมาตรา 112 (ม.112) และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตามหมายเรียก
นายพริษฐ์ กล่าวถึงการชุมนุมว่า ในปีหน้าจะดุเดือดขึ้น กระบวนการจะเข้มข้นมากขึ้น รวมถึงแพร่หลายเป็นวงกว้าง และจะทำให้เรื่องปฏิรูปสถาบันเป็นเรื่องของทุกคน เพราะปีนี้เป็นเหมือนการปักธง ปีหน้าจะไปให้ถึงแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
แน่นอน, ประเด็นเริ่มเห็นชัดแล้วว่า จังหวะก้าวเดินเกมในแต่ละเกม การวางแผนที่จะสร้างผลกระทบต่อสังคมในแต่ละเรื่อง คนกุมบังเหียนก็คือ เพจเฟซบุ๊ก เยาวชนปลดแอกนั่นเอง
สอดรับกับ ที่ นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวเว็บข่าวสดอิงลิช โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ วันนี้ว่า
“สิ่งที่ย้อนแย้งของ #ทีมข้อเดียว หรือ Restart Thailand คือ แม้ประกาศว่า ไม่มีแกนนำ แต่ประชาชนผู้สนับสนุนทั่วไปก็ยังต้องรอประกาศแจ้งรายละเอียดจากเพจว่า จะทำอะไรกันต่อ จากคนไม่กี่คนที่อยู่หลังคีย์บอร์ด #ป #RestartThailand #WhatHappensinThailand #Thailand #การเมือง #ประชาชน #ไทย”
เมื่อเป็นเช่นนี้ หรือว่า แกนนำที่อยู่เบื้องหลังนั่นเอง เป็นคนบัญชาการผ่านเพจดังกล่าว โดยที่แกนนำก็เป็นเพียงตัวแสดง ที่ถูกกำกับให้เล่นไปตามบทเท่านั้น และอาจรู้ล่วงหน้าไม่นานด้วย
อย่างที่ “รุ้ง” เคยเปิดเผยว่า เขาได้รับร่างข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ในการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อนถูกดันขึ้นอ่านบนเวที ธรรมศาสตร์ไม่ทน ที่ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
ดังนั้น เมื่อหันกลับมามอง โลโก้ การเคลื่อนไหว RT ที่สร้างขึ้นมาในท่ามกลางกระแสม็อบ “ขาลง” ก็ทำให้น่าเชื่ออย่างที่หลายคนคาดคิด นั่นคือ แค่การหาแนวร่วมที่จะต่อสู้กับเป้าหมายหลักร่วมกันเท่านั้น
ส่วนที่ทำให้ โลโก้ และความหมาย ในการเคลื่อนไหว ออกไปทางคอมมิวนิสต์ และชนชั้นผู้ถูกกดขี่นั้น ก็ชัดเจนเช่นกันว่า ต้องการแนวร่วมจากฐานมวลชน ที่เป็นชาวไร่ชาวนา กรรมกรทั่วประเทศนั่นเอง และอาจไม่สนใจด้วยซ้ำไปว่า ลัทธิและอุดมการณ์เหล่านี้ ตกยุคไปแล้ว เพราะพวกเขาไม่ได้จริงจังกับเรื่องนั้นแต่อย่างใด
ที่จริงจัง อาจเป็น เรื่อง “สถาบัน” อย่างที่ “สมศักดิ์ เจียมฯ” ชี้นำเอาไว้อย่างชัดเจน
เหนืออื่นใด นี่คือ การปลุกปั่นสังคมไทย ให้เกิดความวุ่นวาย ผิดกับที่พูดอยู่ตลอดเวลาว่า ต้องการให้ดีขึ้น ต้องการให้เป็น “ประชาธิปไตย” แล้วนี่คืออะไร ทำให้ดีขึ้นหรือเลวลงกันแน่???