เมืองไทย 360 องศา
แม้ว่าจะพยายามตีปี๊บกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความผิดจนต้องพ้นสภาพจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีถูกยื่นคำร้อง “พักอาศัยบ้านหลวง” โดยมิชอบ ซึ่งคนที่ร้องก็คือ พวกพรรคฝ่ายค้าน ที่นำโดย ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ยื่นผ่าน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยมีการนัดชี้ขาดในวันที่ 2 ธันวาคม ซึ่งก็คงรับรู้กันไปแล้วว่า ผลออกมาแบบผ่านฉลุยตามคาด
อย่างไรก็ดี นาทีนี้สิ่งที่ต้องจับตาไม่แพ้กัน ก็คือ บรรยากาศภายในพรรคฝ่ายค้าน รวมไปถึงภายใน “กลุ่มม็อบสามนิ้ว” ที่พอเพ่งมองเข้าไปข้างในแล้ว กลับพบความขัดแย้ง ร้าวฉาน หรือพูดกันแบบบ้านๆ ก็คือ “ฟัดกันเละ” นั่นแหละ
เพราะอย่างที่รับรู้กันไปก่อนหน้านี้แล้วว่า สำหรับพรรคเพื่อไทยนั้น กำลังมีความขัดแย้งบานปลายอย่างหนัก จากที่เห็นก็คือการยกขบวนถอนยวงออกไปจากพรรคของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และระดับ “บิ๊กเนม” อีกชุดหนึ่ง ซึ่งในความหมายที่เห็นก็คือ “ลาขาด” กันไปเลย แม้จะไม่ใช่ลักษณะแบบ “ไม่เผาผี” แต่ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง และเชื่อว่าอีกไม่นาน หรือมีจังหวะเหมาะๆ ก็คงมีไขก๊อกตามมาอีก เพราะหลายคนโดยเฉพาะพวกที่เป็น ส.ส. คงต้องรอใกล้เลือกตั้งใหม่ก่อน เพราะหากลาออกไปตอนนี้ก็จะพ้นสภาพทันที
ดังนั้น ในอนาคตให้รอดูความเคลื่อนไหวของ ส.ส.กรุงเทพมหานคร และ ส.ส.อีสานบางกลุ่ม ให้ดีก็แล้วกัน ในเฉพาะหน้าให้จับตาการโหวตในมติสำคัญในสภา ว่า ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ โดยให้จับตาญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นดาบต่อไป โดยก่อนหน้านี้ ทางฝ่ายพรรคเพื่อไทย เคยแย้มออกมาแล้วว่าจะยื่นญัตติในราวปลายเดือนธันวาคมนี้ แน่นอน
แม้ว่าเอาเข้าจริงก็คงไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะนาทีนี้ยังเชื่อว่า พรรคร่วมรัฐบาลคงไม่มีใครกล้าแตกแถวแน่นอน แต่ที่น่าจับตายิ่งกว่านั้นก็คือจะมี ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย “โหวตสวน” เพิ่มขึ้นอีกกี่คน หลังจากก่อนหน้านี้ ก็มี “ขาประจำ” บางคนยกมือแหกมติพรรคจนเห็นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
นอกจากนี้ ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ยังได้เห็นภาพการตอบโต้อย่างรุนแรงลุกลามไปถึง “เครือข่าย” ที่เคยเป็น “ลูกน้องร่วมก๊วน” แต่มาแตกคอ ซัดกันอย่างดุเดือด ที่เห็นในตอนนี้ก็เป็นคู่ระหว่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.กับ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยฝ่ายหลังไปอัดฝ่ายแรก หลังจากขึ้นเวทีไปช่วยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ หาเสียงชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กับผู้สมัครอีกคนหนึ่ง ที่พรรคเพื่อไทย ส่งลงสมัครในนามพรรค
แน่นอนว่า สำหรับ นายบุญเลิศ และคนในตระกูลนี้ ที่ผ่านมา ถือว่าอยู่ในทีมพรรคเพื่อไทยในจังหวัดเชียงใหม่มายาวนาน แต่ล่าสุดเมื่อไม่ได้ลงในนามพรรค หรือพรรคไปสนับสนุนคนอื่น สำหรับคนภายนอกก็น่าแปลกใจ แม้ว่าวงในรับรู้กันมานานแล้วว่ามีความ “หมางใจ” และระแวงกันมาพอสมควรแล้วกับข่าวคราว “ย้ายค่าย” มาพรรคพลังประชารัฐ
แต่ล่าสุด จุดเดือดก็น่าจะมาจากการขึ้นเวทีของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ไปช่วยหาเสียงให้ นายบุญเลิศ และมีการพูดพาดพิงไปถึงคนในพรรคเพื่อไทย ในทำนอง “ไม่เห็นหัวคนเก่าแก่” และตามมาด้วยการโพสต์ของ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ในลักษณะว่า “เสียเลย” อะไรประมาณนี้ ทำให้ นายจตุพร ออกมาตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน และยังท้าทายไปถึงคนในพรรคเพื่อไทยทุกคน “ในแบบท้ารบ” และพร้อมที่จะเปิดโปงอีกชุดใหญ่ตามมาอีก หากอีกฝ่ายยังไม่หยุดโจมตีเขา
นั่นเป็นความเคลื่อนไหวคร่าวๆ ภายในพรรคเพื่อไทยกับบรรดาเครือข่าย และ “ลูกหาบ” ทั้งหลายที่มีทั้ง “แยกวง” ด่าทอ ตอบโต้กันไปมาอย่างรุนแรง เป็นภาพในแบบที่ “ฟัดกันเละ” ลักษณะที่ไม่มีใครยอมใคร
ขณะเดียวกัน เมื่อมองไปที่พวก “ม็อบสามนิ้ว” แม้ว่าในภาพรวมแล้วถือว่าเป็นการที่ “เดินหน้าชนกำแพง” หนักขึ้นเรื่อยๆ เพราะบรรดาเงื่อนไขต่างๆ ที่เคยกดดันฝ่ายรัฐบาลนั้นเริ่มหมดไป เช่น เรื่องหลักก็คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่กำลังอยู่ในกระบวนการสภา ตราบใดที่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวเรื่องยื้อ หรือล้ม มันก็ถือว่ายังเดินไปตามขั้นตอน
ส่วนเรื่องอื่น ไม่ว่าจะเรื่องกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออก ก็ต้องถือว่า “ดีกรีกำลังลดระดับลง” ส่วนหนึ่งมาจากแนวทางการเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้วเอง ที่ผิดพลาดมาตั้งแต่แรกที่ไปเน้นเป้าหมาย “ปฏิรูปสถาบันฯ” ไปจาบจ้วง หยาบช้ากับสถาบันฯ จนทำให้ขาดแนวร่วม ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลอยตัว
และที่สำคัญ เวลานี้โครงการ “คนละครึ่ง” กำลังไปได้สวย ชาวบ้านกำลังรอ “เฟสสอง” ที่กำลังจะออกมาให้ลงทะเบียนในช่วงกลางเดือนนี้ มันก็ทำให้ชาวบ้าน “เลิกประชาธิปไตย” และคลั่งเสรีภาพลงไป เพราะชาวบ้านเขาไม่ได้ “เสพพวกนี้เป็นภักษาหาร” แต่เงินทองคือของจริง ไม่ใช่มายา
และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ล่าสุดได้เกิดความขัดแย้งในกลุ่ม “การ์ด” ของม็อบสามนิ้ว ที่กำลังมีปัญหาบานปลายในแบบเผชิญหน้ากันแล้ว ก็คือ กลุ่มการ์ดอาชีวะ กับกลุ่มของนายปิยรัฐ จงเทพ หรือ “โตโต้” ถึงขั้นมีการชกต่อยทำร้ายกันเองในระหว่างการชุมนุม หรือแม้แต่ระหว่างการ์ดอาชีวะด้วยกันเอง ทำให้เสียหายด้านภาพลักษณ์มากขึ้นไปอีก แม้ว่าหลังจากนั้น นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์” จะได้โพสต์ในทำนองให้ทุกฝ่ายมาขึ้นกับตัวเขา โดยจะเป็นผู้นำสูงสุดของพวกการ์ดเหล่านั้น แต่คำถามก็คือ จะมีใครสนใจหรือไม่ และที่สำคัญ นายไมค์ เป็นใคร มีบารมีแค่ไหน หรือว่า “สำคัญตัวเองผิด” หรือเปล่า
นี่คือภาพที่ปรากฏออกมาให้เห็น แม้ว่าสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะรอดพ้นจากด่าน “บ้านพักหลวง” ตามคาดหมายอยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องรอด่านซักฟอก ที่ฝ่ายค้านรอเชือดในสภาหลังจากนี้ รวมไปถึงพวกม็อบที่ยังป่วนไม่เลิก แต่ขณะเดียวกัน ในฝ่ายพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและในม็อบ ก็เละไม่แพ้กัน และดีไม่ดีอาจจะหนักกว่าด้วยซ้ำไป !!
