ข่าวปนคน คนปนข่าว
** เมื่อ “เจ๊ปอง-กนก” ยังไร้ช่อง “สนธิญาณ-ประภา” เจรจาไม่ลงตัว และ 4 ช่องไหนบ้างจะเป็นสถานี “ลุงทีวี” แต่วันนี้มีเสียงเชียร์ไม่มีดีกว่ามีป๊ะ ? แฟนรายการทีวีที่ชื่นชอบผลงานของอดีตพิธีกรฮาร์ดคอร์ ทั้ง “เจ๊ปอง” อัญชะลี ไพรีรัก สันติสุข มะโรงศรี กนก รัตน์วงศ์สกุล ธีระ ธัญไพบูลย์ และอีกหลายคน ที่ตัดสินใจลาจากช่องเนชั่น ต่างชะเง้อคอรอคอยการกลับคืนสู่จอของพวกเขาอย่างใจจดใจจ่อ
จากเดิมที่มีข่าวว่าจะเปิดตัวกับช่อง 18 นิวทีวี วันที่ 1 ธ.ค. ก็เห็นว่าผังรายการใหม่ของช่องนิว 18 ยังไม่มีชื่อกลุ่มพิธีกรเหล่านี้ ทำเอาแฟนๆ ต้องรอกันต่อไป
แว่วว่า เหตุที่ “เจ๊ปองและพวก” ยังไม่เปิดตัวกับช่อง 18 เนื่องเพราะการเจรจาระหว่าง ประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด หรือ “คุณแดง” เจ้าของสถานี นิว 18 กับ “ต้อย” สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ที่ไปเสนอผลิตรายการข่าวให้กับทางช่องยังไม่ลงตัว
ความไม่ลงตัว ว่ากันว่า “ประภา” นั้น รู้จักกันดีว่าเป็นคนรอบคอบ และพิจารณาจากความคุ้มค่าผลประโยชน์ของช่องที่จะได้รับ “คุณแดง” ได้แสดงจุดยืนที่ก่อนนี้ได้คุยกับ “ต้อย” ไว้คร่าวๆ โดยจะยกเวลาของช่องให้กลุ่มต้อย ที่ว่าจะมาพร้อมแพกเกจ “คน+ทุน” เต็มพิกัด เอาไปบริหาร แต่ไปๆ มาๆ ดูแนวโน้มแล้ว “ราคาที่จะจ่าย” ไม่เท่า “ราคาที่คุยโต” หรือพูดง่ายๆ ด้วยสไตล์การทำธุรกิจแบบต้อยๆ ที่คุณแดงรู้ทัน จึงคุยกันไม่ลงตัวในนาทีสุดท้าย!!
เมื่อทุกอย่างยังเป็น “อากาศธาตุ” กลุ่มพิธิกรที่ลอยเคว้งคว้างไร้ช่องออก ก็มีข่าวปล่อยข่าวลือในโซเชียลว่า “เจ๊ปอง-กนก” จะไปอยู่กับช่องนั้นช่องนี้ ความนี้ “สันติสุข มะโรงศรี” จึงโพสต์ตอบในเฟซบุ๊กในเวลาต่อมา แจ้งข้อมูลระบุว่า... “ 1. วันที่ 1 ธ.ค. พวกผมยังไม่ได้จัดรายการช่องไหนครับ 2. ขณะนี้ ผู้รับผิดชอบยังไม่สรุปช่องทีวีที่เราจะไปร่วมงาน เท่าที่ทราบคุยกันอยู่ 4 สถานีทีวี เร็วๆ นี้ คงสรุปจุดที่ลงตัวที่สุดสำหรับผู้เกี่ยวข้อง แล้วเริ่มเลยครับ 3. ช่องนิวส์วัน ณ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ใช่ 1 ใน 4 สถานีนั้นครับ 4. ขอบคุณทุกท่านที่ให้น้ำใจและความห่วงใย ในรูปแบบต่างๆ ทุกวัน คิดถึงกันนะครับ 5. หลายวันผ่าน เราคงเห็นอะไรหลายอย่างชัดขึ้น ใครของจริง-ใครของปลอม ใครกลาง-ใครกลวง ใครองอาจ-ใครอีแอบ มองบางมุมก็ใช่นะ “เราพูดได้ไม่เท่ากัน” 555 เรายังจุดยืนเดิมเสมอครับ” ...
เรียกว่า พอได้เห็นภาพว่า “สนธิญาณ” นั้น ยังเดินเรื่องอยู่ แต่ยังไม่ลงล็อก โดยก็มีการวิเคราะห์กันว่า 4 ช่อง ที่ “สันติสุข” เผยออกมา แต่ไม่บอกชื่อช่องนั้นจะมีช่องไหนบ้าง นอกจากช่อง18 นิวทีวี ที่พร้อมจะเป็น “ลุงทีวี” เพราะรู้ๆ กันว่า สนธิญาณนั้นมีคอนเนกชันกับเครือข่ายใหญ่ สมัยที่ร่วมหัวจมท้ายกับ “ฉาย บุนนาค” ก็ปั้น “เนชั่น” ให้เป็นกระบอกเสียงรัฐบาล
เมื่อหมดโปรหมดใจ “สนธิญาณ” จากมา ทิ้งขี้ให้ “ฉายและเนชั่น” กล้ำกลืนความบอบซ้ำไว้ผู้เดียว มาคราวนี้ก็กำลังมองหาช่องทีวีใหม่ ที่จะเป็น “ลุงทีวี” ไว้ตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งแต่ละช่องที่ต้อยติดต่อไป ก็คิดหนัก ด้วยตัวอย่างของเนชั่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจ และสปอนเซอร์ เมื่อมีการเลือกข้างทางการเมือง ผลกระทบก็ต้องแบกรับ ขณะที่ “ต้อย” ไม่ต้องมาแบกรับส่วนนี้
ฉะนั้นแล้ว ทีวีดิจิทัล ช่องที่เหลือๆ อยู่ แทบจะไม่มีช่องของนายทุนคนไหนสนใจเอากับ “ต้อย สนธิญาณ” ช่องที่พร้อมจะเป็นลุงทีวีรับไม้ต่อจากเนชั่นให้ทีมของสนธิญาณ เข้าไปจัดรายการ นับนิ้วและชั่งน้ำหนักที่เหมาะสมก็เหลือแค่ช่องของรัฐ ได้แก่ ช่อง 9 อสมท ช่อง ททบ.5 ทีวีทหาร และ ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งสมัย “ทักษิณ ชินวัตร” เคยให้บรรดาพิธีกรฮาร์ดคอร์เชลียร์รัฐบาลเหมาเวลาด่าฝ่ายตรงข้ามมาแล้ว
งานนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ในที่สุด “สนธิญาณ” จะเจรจาที่ไหนลงตัว “เจ๊ปอง-กนก” และพวก จะไปอยู่ช่องไหน ออกอากาศกันเมื่อไหร่ ให้แฟนๆ คอเดียวกันได้มีที่ทางรับฟังรับชมกันคลายเหงา
แต่เหรียญก็มีสองด้าน ด้านหนึ่งรอคอยการกลับมา แต่อีกด้านฟังความเห็นมา ปรากฏว่า สังคมส่วนใหญ่ชักติดใจกับความเงียบหายไปของเหล่าพิธีกรและช่องลุงทีวี เพราะตั้งแต่สนธิญาณและพวกลาเนชั่น รู้สึกว่าปมเหตุบ้านการเมือง รัฐบาลและเรื่องม็อบ 3 นิ้ว ดูจะสงบเรียบร้อยลงไป ที่ไม่มี “กระบอกเสียง” คอยเชียร์ลุงสุดลิ่มทิ่มประตู คล้ายๆ เมื่อไม่มี “น้ำมัน” สาดลงไปใน “กองเพลิง” ให้ไฟลุกท่วม หรือปลุกปั่นกันด้วยอารมณ์ ดูๆ ปัญหาจะคลี่คลายกันไปด้วยเหตุและผล มากกว่า
ถึงตอนนี้คนเขาเริ่มพูดๆ กันว่า ลุงทีวี ไม่มีดีกว่ามีป๊ะ ?
** “เจ๊หน่อย” ตัดขาดเพื่อไทย เตรียมตั้งพรรคใหม่ จับตาหลังเลือกตั้ง อบจ.เพื่อไทย จะเลือดไหลอีกระลอก
หลังถูกลดบทบาท บีบคั้น กดดัน จากกลุ่มผู้มีอำนาจในพรรคยุคปัจจุบนในที่สุด “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นที่เรียบร้อย โดยมี “โภคิน พลกุล-วัฒนา เมืองสุข-พงศกร อรรณนพพร” แกนนำพรรคที่ถือว่าเป็นคนในเครือข่าย ยื่นใบลาออกในคราวเดียวกันด้วย
ย้อนกลับไปช่วงการเลือกตั้ง 24 มี.ค. 62 แม้ “เจ๊หน่อย” จะไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค แต่ก็ได้รับการวางตัวให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 ของพรรค ในฐานะประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ส่วนเบอร์ 2 คือ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ และเบอร์ 3 “ชัยเกษม นิติสิริ” คณะทำงานด้านกฎหมาย
หลังการเลือกตั้ง แม้พรรคเพื่อไทยจะได้จำนวน ส.ส.มาเป็นอันดับ 1 แต่ก็ไม่สามารถรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ ...ครั้นจะเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภา ก็เป็นไม่ได้เพราะไม่ได้เป็น ส.ส. เนื่องจาก “เจ๊หน่อย” สมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว จึงต้องมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคใหม่ แล้วก็ได้ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ส.ส.เชียงใหม่ ขึ้นนั่งหัวหน้าพรรค และไปเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภา
จากนั้น ในช่วงที่มีการเลือกตั้งซ่อม ที่ จ.นครปฐม ขอนแก่น ลำปาง “เจ๊หน่อย” ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค ก็ลงไปบัญชาการ ช่วยหาเสียง ชนิดกิน นอน ปักหลักพักค้าง แต่ก็แพ้รวดทั้ง 3 สนาม …บารมีในพรรคจึงถูกสั่นคลอนหนัก
กระทั่งเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา “เจ๊หน่อย” จึงลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ แต่ก็ไม่ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค และก็ยังลงพื้นที่ และมีส่วนร่วมในการดำเนินการด้านต่างๆ ของพรรคอยู่บ้างตามสมควร
จนมาถึงการเลือกตั้งท้องถิ่น นายก อบจ. สมาชิก อบจ.ทั่วประเทศ พรรคเพื่อไทย ก็ส่งผู้สมัครนายก อบจ. ในนามพรรคอย่างเป็นทางการ 25 จังหวัด แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดทางกฎหมายที่ ส.ส. และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่สามารถช่วยหาเสียงในสนาม อบจ.ได้ ทางพรรคจึงได้จัดตั้งทีมผู้ช่วยหาเสียงของพรรค ที่ประกอบไปด้วย แกนนำ และผู้บริหารพรรค ซึ่งไม่ได้เป็นส.ส. นำโดย สมชาย วงศ์สวัสดิ์, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, วรชัย เหมะ, พิชัย นริพทะพันธุ์, อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด, พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ และ อรุณี กาสยานนท์ เป็นต้น ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปช่วยหาเสียงใน 25 จังหวัดดังกล่าว
แม้ “เจ๊หน่อย” จะไม่ได้อยู่ในทีมผู้ช่วยหาเสียง แต่ ส.ส.ภาคอีสาน หลายจังหวัดที่ยังเชื่อมั่นในฝีมือ ได้รวมตัวกันไปหาที่บ้านพัก ขอให้ไปช่วยวางแผน หาเสียงให้ผู้สมัครในเครือข่ายของตน ระยะหลังจึงเห็น “เจ๊หน่อย” ออกไปเดินสายช่วยหาเสียง เช่นที่ จ.นครพนม นครราชสีมา หนองบัวลำภู
แล้วก็ไปเกิดเรื่องขึ้นจนได้ เมื่อ “เจ๊หน่อย” ไปช่วย “มังกร ยนต์ตระกูล” อดีตนายก อบจ.ร้อยเอ็ด ที่ลงสมัครในนามกลุ่ม “เพื่อไทยร้อยเอ็ด” ซึ่งทางพรรคเห็นว่า “มังกร” ไม่ใช่ผู้ที่พรรคส่งลงสมัครอย่างเป็นทางการ เมื่อ “เจ๊หน่อย” ไปช่วยหาเสียง ทำให้กลุ่มผู้มีอำนาจในพรรคชุดปัจจุบัน ไม่พอใจ และ ตำหนิไปยังผู้สมัครนายก อบจ.และ ส.ส.ในพื้นที่ว่า หากมีการเชิญ “เจ๊หน่อย” ไปช่วยหาเสียงอีก จะถูกตัดการสนับสนุนจากทางพรรค และจะไม่อนุญาตให้ใช้ชื่อ และตราสัญลักษณ์พรรคเพื่อไทย ไปใช้ในการหาเสียงอีก
เมื่อยอมอุทิศตนช่วยพรรคถึงขนาดนี้แล้ว ยังถูกปัดแข้งปัดขา “เจ๊หน่อย” จึงถือโอกาสลาออกจากสมาชิกพรรค ไม่อยู่ให้ขวางหู ขวางตาใคร แถมยังได้ภาพว่า “ถูกบีบคั้นรังแก” จนสุดจะทนอยู่ได้ !!
แน่นอนว่า คนที่มีเลือดนักการเมืองอย่าง “เจ๊หน่อย” เมื่อลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว คงไม่ถึงกับล้างมือในอ่างทองคำแน่ จึงมีข่าวว่าจะไปตั้งพรรคใหม่ ส่วนชื่อพรรคนั้นอาจจะใช้ชื่อ “ไทยพึ่งไทย” ตามชื่อมูลนิธิไทยพึ่งไทย ที่ “เจ๊หน่อย” เป็นผู้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 43 และเป็นประธานมูลนิธิฯอยู่ โดยมีกิจกรรมที่บำเพ็ญประโยชน์ให้กับสังคม 3 โครงการหลักๆ คือ โครงการแก้วตาดวงใจ โครงการช่วยเหลือทุกข์ร้อน และสถาบันสร้างสานอนาคตไทย
ส่วนผู้ร่วมก่อตั้งนั้น นอกจากระดับแกนนำที่ลาออกไปพร้อมกันข้างต้นแล้ว ยังมีระดับนำอีกหลายคนที่ช่วงนี้ยังติดภารกิจช่วยพรรคหาเสียงเลือกตั้ง อบจ. อยู่ อาทิ “พงศ์เทพ เทพกาญจนา” และ อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ ที่พ่ายศึกเลือกตั้งเมื่อครั้งที่ผ่านมาอีกหลายคน รวมทั้ง “กลุ่มเพื่อไทยพลัส” ที่เป็นการรวมตัวของคนรุ่นใหม่ตามยุทธศาสตร์พรรคในยุค “เจ๊หน่อย” ซึ่งต่อมาได้ถูกสั่งให้ยุติบทบาทไป
จึงต้องจับตาว่า หลังศึกเลือกตั้ง อบจ. พรรคเพื่อไทยจะประสบภาวะ “เลือดไหล” จนมีเสียงฮือฮาหรือไม่... ต้องติดตาม !!