xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อไทยแตกโพล๊ะ “สองเจ้าแม่” อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ - พจมาน ณ ป้อมเพชร
เมืองไทย 360 องศา




การลาออกจากสมาชิกพรรคของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยให้มีผลทันทีในความหมายก็คือ “ตัดขาด” กับพรรคเพื่อไทยแบบไม่หันหลังกลับมามองกันอีกแล้ว แม้ว่าข้อความในใบลาออกดังกล่าว เธอไม่ได้ระบุเหตุผล แต่ก็พอเข้าใจได้ชัดเจนแล้วว่า “ทางใครทางมัน”

ก่อนหน้านี้ ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในพรรคเพื่อไทย โดยคราวนั้นก็เริ่มจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับคนทั่วไปว่าเกิดอะไรขึ้นภายในพรรคนี้ และจากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ก็ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ส่งผลให้คณะกรรมการบริหารของพรรคในชุดนั้นก็พ้นไปโดยปริยาย แน่นอนว่า เป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นกะทันหัน และยังไม่มีใครอธิบายได้ชัดเจน มีแต่ความคาดเดาต่างๆ นานา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวคราวความเคลื่อนไหวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตภรรยาของนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมครอบครัว พร้อมกับปฏิบัติการ “ใส่เสื้อเหลืองกราบ” สะท้านเมือง โดยปรากฏเป็นข่าวทำให้เข้าใจว่า เป็นการ “กลับมายึดพรรคเพื่อไทยคืน” หรืออย่างน้อยก็เป็นการ “กระชับบทบาท” กันใหม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ “ผ่อนมือ” มานานแล้ว อย่างน้อยก็หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หลบหนีคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวไปต่างประเทศ ตามรอยพี่ชาย คือนายทักษิณ ชินวัตร ที่หนีคดีทุจริตไปเมื่อหลายปีก่อน
ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เมื่อทีมผู้บริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ ล้วนอยู่ในสายตรงของ “ครอบครัวชินวัตร” เริ่มตั้งแต่ หัวหน้าพรรคที่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ กลับมานั่งเก้าอี้อีกครั้ง แม้ว่าในกรณีนี้อาจจะเกี่ยวพันกับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องได้คนที่มีตำแหน่ง ส.ส.เท่านั้น และเขาก็น่าจะอาวุโส และเหมาะสมก็เป็นได้ แต่สำหรับตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคคนอื่น หากสังเกตก็เห็นว่าไม่มีทีมของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร่วมแต่อย่างใด

โดยเลขาธิการพรรค เป็นของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาฯคนก่อน ก็ไปเป็นรองหัวหน้าพรรค ที่ถือว่าเป็นตำแหน่งลอย
สรุปว่า ตำแหน่งสำคัญภายในพรรคไม่มีคนใกล้ชิดของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เลย เรียกว่าถูก “ล้าง” เรียบ พร้อมๆ กับข่าววงในที่ออกมาว่า เวลานี้ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร กลับเข้ามามีบทบาท มีการกำหนดทิศทางของพรรคอย่างเต็มตัว แต่ไม่ให้ปรากฏเป็นข่าว ส่วนหนึ่งอาจเกรงมีปัญหาในข้อกฎหมายในเรื่องบุคคลภายนอกครอบงำพรรค ที่อาจหมิ่นเหม่ความผิด
แต่ในที่สุด ข่าวคราวเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวภายในพรรคเพื่อไทยก็เงียบหายไป พร้อมๆ กับการเกิด “ม็อบสามนิ้ว” และการเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่หลายฝ่ายมองว่า “จริงจัง” มาก โดยเฉพาะการผลักดันให้แก้ไข มาตรา 256 ที่ให้ยกร่างทั้งฉบับ โดยยอมไม่แตะหมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์ และพระราชอำนาจ แต่ที่เน้นหนักก็คือ ต้องการกลับไปใช้การเลือกตั้งแบบเดิม นั่นคือ แบบใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ ที่มั่นใจว่าพวกเขาได้เปรียบนั่นแหละ
ในการยื่นแก้ไขครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้ยื่นเข้ามาแบบ “ล้อมหน้าลอมหลัง” เอาไว้ทุกทาง แบบที่ว่าไม่ให้หลุดรอดไปได้ เพราะมีแบบรายมาตราเข้ามาด้วย แต่ในที่สุดการแก้ มาตรา 256 ที่หลักการสอดคล้องกับพรรคร่วมรัฐบาล ก็ผ่านวาระรับหลักการไปแล้ว
เมื่อวกกลับมาที่พรรคเพื่อไทย มาโฟกัสกันที่สาเหตุที่ทำให้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ต้อง “ตัดขาด” ในลักษณะอาการแบบ “ไม่หันกลับมามอง” กันแบบนี้ มันก็ต้องมีสาเหตุที่ต้องทำให้เกิด “ฟิวส์ขาด” แน่นอน และความคาดเดาก็ต้องมุ่งตรงไปที่การกลับมามีบทบาทของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร เป็นหลัก เพราะเมื่อพิจารณาจาก “แบ็กกราวนด์” ที่ผ่านมา มักรับรู้ว่า “พวกเธอไม่ถูกกัน” หรือไม่กินเส้นกันนั่นแหละ เพียงแต่ว่าไม่มีการพูดโต้ตอบกันออกมาภายนอก แต่ในวงการย่อมรู้ดี รวมไปถึงความขัดแย้งกับคนในครอบครัวชินวัตร คนอื่น เช่น นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นต้น
ที่ผ่านมา มีรายงานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หลังจากที่พ้นจากตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์ของพรรคแล้ว ก็แทบจะไม่มีบทใดๆ อีกเลย แต่ในช่วงไม่กี่วันนี้ เป็นช่วงของการหาเสียงเลือกตั้งระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่พรรคเพื่อไทย ส่งผู้สมัครราว 25 จังหวัด และด้วยข้อจำกัดทางกฎหมายที่บรรดา ส.ส.ไม่อาจไปช่วยหาเสียงให้ได้ รวมไปถึงความไร้พลังทางการเมือง จึงไปขอความช่วยเหลือจากเธอให้ไปช่วยหาเสียง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานหลายจังหวัด สร้างความไม่พอใจจาก “สายอำนาจ” ในพรรค ที่ประกาศห้าม ไม่เช่นนั้น จะเลิกสนับสนุนทุกทาง จนนำไปสู่อาการ “ขาดผึง” ดังกล่าว
คำถามต่อก็คือ แล้วเส้นทางจากนี้ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในทางการเมืองจะไปทางไหน หลายคนเชื่อว่าจะต้องมีการตั้งพรรคใหม่ หรือกลุ่มการเมืองใหม่ เพื่อรองรับการเลือกตั้งเฉพาะหน้าก็คือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่คาดว่าจะต้องเกิดขึ้นในปีหน้า ขณะเดียวกัน ยังเชื่อว่าจะมีอาการ “เลือดไหล” ในพรรคเพื่อไทยออกมาอีก เพราะเวลานี้ก็มี นายโภคิน พลกุล นายวัฒนา เมืองสุข ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย เรียกว่า “ลาขาด” ตามไปด้วย ขณะเดียวกัน ยังเชื่อว่า น่าจะยังมีอีกหลายคนที่จะตามมาอีก แต่ระดับ ส.ส.คงอาจจะยังไม่มีในช่วงนี้ เพราะจะทำให้ขาดสมาชิกภาพ จึง ต้องรอจังหวะไปก่อน
แต่อย่างไรก็ดี นาทีนี้ถือว่าพรรคเพื่อไทย “แตกโพล๊ะ” และส่ออาการหนัก เพราะอยู่ในสภาพที่ “ไร้หัว” ไม่มีกัปตันที่แท้จริง ขวัญของลูกเรือก็คงไม่ดีนัก เพราะหากพิจารณาจากบทบาทในสภาและนอกสภา ก็ต้องยอมรับความจริงว่าแทบจะไม่มีความโดดเด่น ไม่อาจสร้างความมั่นใจให้กับสังคมได้เลย แต่หากโฟกัสเฉพาะกรณีการลาขาดของ “คุณหญิงหน่อย” คราวนี้ ภาพที่เห็นชัดก็น่าจะออกมาแบบ “นางเสือสองตัว” อยู่ร่วมกันไม่ได้ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น