xs
xsm
sm
md
lg

“ถาวร” งัดหลักฐาน “ทอน-บุตร” ชักใยม็อบราษฎรล้มสถาบันฯ จี้ ตร.เข้ม-ชี้ชุดนี้ปราบม็อบเบาสุด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ถาวร” โชว์หลักฐาน “ธนาธร-ปิยบุตร” เบื้องหลังม็อบราษฎร ปั่นหัวเด็กล้มเบื้องสูง แนะหยุดสงครามกลางเมือง ตร.ต้องเข้ม อย่าขี้ขลาด ชี้มาตรการปราบม็อบชุดนี้เบาสุดแล้ว ค้านปฏิรูปสถาบันฯ-รัฐประหาร ห่วงม็อบหน้า สนง.ทรัพย์สินฯ จี้ยึด กม.

วันนี้ (24 พ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า กรณีการชุมนุมของกลุ่มราษฎรนั้น จากการที่ได้ติดตามความเป็นมาและความเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวมาประมาณ 1 ปี ยืนยันได้ว่ามีผู้ที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมของกลุ่มนี้ และมีขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแน่นอน รวมมีการใช้เด็กเยาวชนเป็นสะพานเชื่อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองที่มีเป้าหมาย คือ การล้มล้างสถาบันฯ แม้เลี่ยงไปใช้คำว่า “ปฏิรูป” เพราะปรากฏความสอดคล้องระหว่างหลักคิดของคนบงการที่ถูกนำไปปฏิบัติในการชุมนุมของกลุ่มดังกล่าวเป็นหลักคิดชุดเดียวกัน คือต้องการเปลี่ยนแปลงสถาบันฯ ที่เป็นอุปสรรคต่อการก้าวขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองของกลุ่มตัวเอง

จากนั้นนายถาวรได้นำคลิปวิดีโอที่ระบุว่านายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า บรรยายที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ มาเปิดต่อหน้าผู้สื่อข่าว โดยนายถาวรกล่าวว่า ผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมนั้น เริ่มตั้งแต่กรณีที่นายปิยบุตรไปพูดที่มหาวิทยาลัยลอนดอน เรื่อง “Thailand in a Deeper State of Crisis?” เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2559 โดยกล่าวหาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ว่ามีอำนาจอิทธิพลเหนือผู้พิพากษาซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะพระราชดำรัสที่ตรัสต่อศาลในวันที่ 24 เม.ย. 2549 นั้น ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ไม่ได้สั่งการอะไรที่ไม่มีกฎเกณฑ์ต่อศาล และพระองค์ไม่เคยดำเนินการตามใจชอบนอกเหนือที่รัฐธรรมนูญกำหนด รวมถึงทรงย้ำว่าไม่เคยใช้อำนาจของพระองค์ ตามที่นายปิยบุตรบิดเบือน

นอกจากนี้ยังมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ร่วมสมคบคิด เห็นได้จากคำพูดของนายธนาธรในหนังสือ “Portrait ธนาธร” ที่ถูกตีพิมพ์เมื่อเดือน พ.ย. 2561 ระบุว่า “...วิธีการของเราคือต้องมีอำนาจและต่อรอง (กับ) ×××× นี่ต่างหากคือเป้าหมาย ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เอาทหารออกจากการเมืองไม่ได้หรอก จัดการเรื่องนี้ไม่ได้ จัดการเรื่องศาลไม่ได้หรอก จัดการเหี้ยห่าอะไรไม่ได้...” และนายธนาธรได้ไปพูดในงานวิชาการหลายแห่งซึ่งมีเนื้อหาตอกย้ำการปฏิรูปสถาบันฯ รวมถึงการที่นายธนาธรและนายปิยบุตรจัดตั้งพรรคการเมืองมาดำเนินการต่างๆ ที่พุ่งเป้าเรื่องสถาบันฯ แต่สุดท้ายพรรคนั้นถูกยุบเพราะทำผิดกฎหมาย

นายถาวรกล่าวว่า จากนั้นยังมีการจัดการชุมนุมแบบแฟลชม็อบอีกหลายครั้ง โดยหัวข้อการชุมนุมมักเกี่ยวข้องกับการล้มล้างสถาบันฯ และมีความพยายามเปลี่ยนชื่อสถานที่สำคัญๆ หลายแห่ง อาทิ สนามหลวง เปลี่ยนเป็นสนามราษฎร ขณะที่นายปิยบุตรได้โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2563 ที่อ้างอิงการปฏิวัติฝรั่งเศสกับการเปลี่ยนเป็นระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ นายปิยบุตรและนายธนาธรใช้ระยะเวลา 8 เดือนในการปลุกปั้นให้เยาวชนเกลียดชังสถาบันฯ ผ่านการจัดตั้งเครือข่ายหล่อหลอมความคิด และผ่านการใช้สื่อโซเซียลสร้างวาทกรรมที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง (Hate Speech) รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศด้วย แม้กลุ่มคนเหล่านี้อ้างว่าการปฏิรูปสถาบันฯ ไม่ใช่การล้มล้าง แต่พฤติกรรมต่างๆ ที่แสดงออกมากลับตรงกันข้าม เช่น การมุ่งอาฆาตมาดร้ายสถาบันฯ การโฆษณาชวนเชื่อ การโจมตีฝ่ายตรงข้าม การบังคับให้เลือกข้าง รวมถึงมีการยกระดับการชุมนุมประท้วงไปเป็นการก่อจลาจล โดยมุ่งหวังให้เกิดการก่อวินาศกรรมและสงครามประชาชน เช่น การเปลี่ยนการ์ดอาชีวะมาเป็นการ์ดรบพิเศษ

“เพื่อหยุดยั้งภาวะที่จะนำไปสู่สงครามกลางเมือง ผมจึงขอเสนอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายปกครอง ต้องดำเนินคดีต่อผู้บงการทุกระดับอย่างเด็ดขาด อย่าขี้ขลาด ส่วนการที่เจ้าหน้าที่ที่ใช้แก๊สน้ำตาในการสลายการชุมนุมของกลุ่มราษฎรนั้น ถือว่าละมุนละม่อมและเบาที่สุด หากเทียบกับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อเหลือง เสื้อแดง หรือ กปปส. และเจ้าหน้าที่ใช้ความอดทนอย่างเต็มที่แล้ว และขอให้มีการยกเว้นโทษแก่ผู้ชุมนุมที่ตกเป็นเหยื่อควรได้รับ ส่วนนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ต้องการปฏิรูปสถาบันฯ ขอให้ประกาศตัวยอมรับต่อสาธารณชนให้ชัดเจน และผมขอคัดค้านการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงคัดค้านการทำรัฐประหารที่จะนำไปสู่วงจรอุบาทว์ทางการเมืองซ้ำอีก และจะทำให้สถาบันฯ ยิ่งตกเป็นเป้าโจมตีของผู้ชุมนุมและต่างชาติ นอกจากนี้ ขอให้ช่วยกันตรวจสอบทุจริตของรัฐบาล นักการเมือง และข้าราชการอย่างจริงจัง พร้อมกับดำเนินการปฏิรูปนักการเมือง พรรคการเมือง ปฏิรูปประเทศให้เกิดความปรองดอง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง”

นายถาวรกล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นพสกนิกร เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอทำหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเชื่อว่าคนไทยกว่าร้อยละ 90 ก็คิดเหมือนกับตน แต่มีเพียงคนส่วนน้อยและผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังม็อบเท่านั้นที่คิดแตกต่าง

เมื่อถามถึงการที่กลุ่มดังกล่าวจะชุมนุมใหญ่ที่หน้าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ นายถาวรกล่าวว่า เป็นการทำเพื่อตอบโต้การบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทั้งนี้ ตนเป็นห่วงต่อเรื่องดังกล่าว โดยขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นเขตพระราชฐาน จึงห้ามเข้าใกล้ในระยะ 150 เมตร รวมถึงขอให้การ์ดผู้ชุมนุมดูแลการชุมนุมยึดหลักสงบ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ และต้องป้องกันไม่ให้มีการยั่วยุที่จะนำไปสู่การใช้ความรุนแรง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเหมาะสม สำหรับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่ให้นายกรัฐมนตรีลาออกนั้น ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น และควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ


กำลังโหลดความคิดเห็น